สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลยนะคะ คืออยากได้แนวคิด ดีดี ไว้คิดบวก เกี่ยวกับการทำงานอย่างเสียสละ เพื่อผู้อื่น
รวมถึงการไม่มีเวลาให้ครอบครัว
คือเราทำงานพยาบาลวิชาชีพ รพ.รัฐบาลค่ะ การได้มาทำงานด้านนี้เพราะคุณพ่อคุณแม่ สนับสนุน
ตอนนี้ทำงานได้ 2ปี 3 เดือน แล้วค่ะ คนไข้เยอะ พยาบาลเพื่อนๆที่เข้ามาพร้อมกันพากันลาออก รุ่นพี่ขอย้ายไปทำงานลอยเวรเช้า
ที่มีอยู่ ก็น้อย ต่างคนต่างเวรแน่น
ประเด็นอยู่ที่ว่า เราทำงานอยู่ภาคตะวันออก ส่วนบ้านย่า (เลี้ยงเรามาแต่เกิด ป้อนข้าวป้อนน้ำช่วยดูเราตอนคุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน) อยู่ภาคใต้
ย่าเราป่วย กระเสาะกระแสะ bed ridden ตอนเราเรียน เราได้ไปเยี่ยมท่านปีล่ะครั้ง -2 ครั้ง
แต่พอ เราทำงาน เราไม่มีแม้แต่เวลาจะดูแลตัวเอง วันไหนที่ได้หยุดคือต้องลงเวรดึก (8โมงเช้า ได้ลงจริง 9โมงเช้า) สองปีมานี้ ไม่มีเวลาไปเยี่ยมท่านเลย
คุณย่าเราป่วยอยู่พักนึง และ ตอนนี้คุณย่าเรา ท่านเสียแล้ว เราไม่มีแม้แต่เวลาที่จะไปรดน้ำศพ หรือไปร่วมงานเผาท่าน
เรารู้สึกท้อแท้ในการทำงานมาก รู้สึกสิ้นหวังกว่าการมีคนมาด่าวิชาชีพ
รู้สึกแย่ เราพยายามหาข้อคิดดีๆอ่าน หาธรรมะฟัง เพื่อให้ปล่อยวาง.
แต่ไม่รู้จะทำยังไง ให้รู้สึกดีขึ้น
เราพยายามลาค่ะ ลาไม่ได้ คนทำงานไม่พอ
ถ้าเราลา 1 คน จะลำบากเพื่อนร่วมงานอย่างน้อย 2คนขึ้นเวรติดกัน 24 ชั่วโมงค่ะ
บางทีเราก็คิดนะ ว่า เราเรียนจบมาเพื่ออะไรกันแน่
อยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอด ปรึกษาแม่ และแม่บอกว่า อย่าทำให้พ่อเครียดเพิ่มค่ะ
เรารู้ว่าย่าจะเข้าใจเรา แต่เราก็เสียใจอยู่ดี
ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตเราจะเจอกับช่วงเวลาแบบนี้ ท้อมากค่ะ
อยากได้แนวความคิด ไว้คิดบวก เกี่ยวกับการทำงานหนักๆจนไม่มีเวลาดูแลครอบครัวค่ะ
รวมถึงการไม่มีเวลาให้ครอบครัว
คือเราทำงานพยาบาลวิชาชีพ รพ.รัฐบาลค่ะ การได้มาทำงานด้านนี้เพราะคุณพ่อคุณแม่ สนับสนุน
ตอนนี้ทำงานได้ 2ปี 3 เดือน แล้วค่ะ คนไข้เยอะ พยาบาลเพื่อนๆที่เข้ามาพร้อมกันพากันลาออก รุ่นพี่ขอย้ายไปทำงานลอยเวรเช้า
ที่มีอยู่ ก็น้อย ต่างคนต่างเวรแน่น
ประเด็นอยู่ที่ว่า เราทำงานอยู่ภาคตะวันออก ส่วนบ้านย่า (เลี้ยงเรามาแต่เกิด ป้อนข้าวป้อนน้ำช่วยดูเราตอนคุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน) อยู่ภาคใต้
ย่าเราป่วย กระเสาะกระแสะ bed ridden ตอนเราเรียน เราได้ไปเยี่ยมท่านปีล่ะครั้ง -2 ครั้ง
แต่พอ เราทำงาน เราไม่มีแม้แต่เวลาจะดูแลตัวเอง วันไหนที่ได้หยุดคือต้องลงเวรดึก (8โมงเช้า ได้ลงจริง 9โมงเช้า) สองปีมานี้ ไม่มีเวลาไปเยี่ยมท่านเลย
คุณย่าเราป่วยอยู่พักนึง และ ตอนนี้คุณย่าเรา ท่านเสียแล้ว เราไม่มีแม้แต่เวลาที่จะไปรดน้ำศพ หรือไปร่วมงานเผาท่าน
เรารู้สึกท้อแท้ในการทำงานมาก รู้สึกสิ้นหวังกว่าการมีคนมาด่าวิชาชีพ
รู้สึกแย่ เราพยายามหาข้อคิดดีๆอ่าน หาธรรมะฟัง เพื่อให้ปล่อยวาง.
แต่ไม่รู้จะทำยังไง ให้รู้สึกดีขึ้น
เราพยายามลาค่ะ ลาไม่ได้ คนทำงานไม่พอ
ถ้าเราลา 1 คน จะลำบากเพื่อนร่วมงานอย่างน้อย 2คนขึ้นเวรติดกัน 24 ชั่วโมงค่ะ
บางทีเราก็คิดนะ ว่า เราเรียนจบมาเพื่ออะไรกันแน่
อยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอด ปรึกษาแม่ และแม่บอกว่า อย่าทำให้พ่อเครียดเพิ่มค่ะ
เรารู้ว่าย่าจะเข้าใจเรา แต่เราก็เสียใจอยู่ดี
ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตเราจะเจอกับช่วงเวลาแบบนี้ ท้อมากค่ะ