นิตยสารผู้หญิ๊งผู้หญิงฉบับหนึ่งเขาบอกว่าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่หมดไปกับเครื่องสำอางค์+ความสวยความงาม เมื่อคำนวนออกมาคร่าวๆ เป็นจำนวนถึงสองล้านล้านกว่าดอลล่าห์ต่อปี!! ผมเชื่อว่ายิ่งนานวันเข้าการใช้จ่ายในด้านนี้ก็จะทวีขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ใช้...ผู้ชายและผู้หญิงประเภทสองก็เริ่มหันมาใช้เครื่องสำอางค์มากขึ้น ยิ่งประเภทหลังอาจจะใช้หนักกว่าผู้หญิงตัวจริงเสียงจริงด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นแหละ....สรรพเครื่องสำอางค์เหล่านั้นเพิ่มความสวยงามได้เพียงแต่ "ภายนอก" แต่ไม่สามารถแต่งแต้ม "ภายใน" ให้บุคคลดูสวยงามได้เลยหากจิตใจเขายังหยาบกร้านและเป็นอกุศลอยู่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ "เครื่องสำอางค์" สำหรับภายใจมาเป็นเวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว โดยไม่ต้องลงทุนเดินทางตระเวณหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือสั่งจากนอกที่ไหน เครื่องสำอางค์ที่ว่านี้อยู่ที่ตัวเรานั่นเอง มีสองสิ่งง่ายๆ ที่เราต้องปรุงเองคือ:-
๑.
ขันติ ความอดทน
๒.
โสรัจจะ ความเสงี่ยม
ในฐานะที่ตั้งกระทู้นี้ในห้องราชฯ ก็คงต้องนำธรรมะนี้เลี้ยวเข้าสู่การเมืองเพื่อคอการเมืองจะได้เห็นภาพชัดเจน และผมในฐานะคนเสื้อแดงปุถุชนธรรมดาๆ คนหนึ่งก็ย่อมอวยคุณยิ่งลักษณ์เป็นธรรมดา พูดกันตรงๆ อย่างนี้ เพื่อที่จะบอกกล่าวคน/กลุ่มคนที่เห็นตรงข้ามกับเสื้อแดงและมีดีกรีการเกลียดชังคุณยิ่งลักษณ์สูงว่าควรหยุดอ่านเสียแต่บรรทัดนี้ไม่ควรมาเสียเวลาอ่านส่วนที่เหลือให้เสียสุขภาพจิต แต่...ถ้าอยากอ่านเอาเนื้อหา/ความรู้/ข้อมูล/หรืออยากจะแย้งจขกท. ผมก็ยินดีนะครับ
เถอะ!...แม้ว่าใครจะเกลียดชังคุณยิ่งลักษณ์มากมายขนาดไหน แต่ก็ยากสำหรับใครๆ ที่จะปฏิเสธว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่มีขันติ(ความอดทน)และโสรัจจะ(ความเสงี่ยม) ถ้อยคำและการกระทำของบางกลุ่มบางคนที่เฝ้าคอยถากถาง ด่า ประณาม เหยี่ยบย่ำทั้งตรงและอ้อม ตลอดระยะเวลาที่เธอก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองจนถึงวันนี้ เธออดทน(ขันติ)ต่อเสียงเหล่านั้นโดยไม่เคยตอบโต้เลย และสำหรับคนที่ด่าเธอ...ในบางสถานการณ์ เธอกลับเดินเข้าหาหรือเชื้อเชิญให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างสุภาพและอ่อนโยน(โสรัจจะ) ผู้ชายอกสามศอกบางคนในห้องราชฯ ยังทำได้ไม่เท่าเธอ คงไม่ถึงกับต้องให้เอ่ยชื่อหรอกครับว่าใคร?
ต่อกรณ๊ที่กลุ่มที่มีความเห็นตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดง แสดงความฉงนหลายคราว่าทำไมคนเสื้อแดงถึงยังรักและอวย E-โง่ อยู่ ผมคนหนึ่งในฐานะที่อวยและชื่นชมคนยิ่งลักษณ์เสมอมาอยากจะบอกว่า เพราะความงาม "ภายใน" ที่เกิดจาก ธรรมะ "ขันติ" และ "โสรัจจะ" ของเธอ และสัจจะวาจาที่เธอเคยบอกว่าจะไม่แก้แค้นแต่จะแก้ไข และนโบายช่วยเหลือชาวนาที่เธอได้แถลงไว้ที่รัฐสภาเป็นสัญญาประชาคมนั่นแหละครับที่ทำให้ผมยืนหยัดอวดและชื่นชมคนที่รักษาคำมั่นสัญญาอยู่
"ขันติ" และ "โสรัจจะ" คือธรรมอันทำให้บุคคลดูงามและเป็นที่รักของคนอื่น ส่วนธรรมอันทำให้บุคคลดูขี้เหร่และเป็นที่รังเกียจของคนอื่นก็ตรงข้ามนะครับ คือไม่มีขันติคือความอดทนหนึ่ง เช่น ฉุนเฉียว โมโหง่าย และไม่มีโสรัจจะคือความเสงี่ยมอีกหนึ่ง เช่น โผงผาง กร้าว....ใครอยู่ในคุณสมบัติสองข้อนี้ เราๆ ท่านๆ ก็สามารถนำธรรมะสองข้อนี้ไปวางทาบดูและตัดสินกันเองได้ ผมก็แค่แนะนำ "ไม้บรรทัด" ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดูคนแค่นั้นเอง
.... "ธรรมอันทำให้บุคคลดูสวยงาม".../วัชรานนท์
แต่ก็นั่นแหละ....สรรพเครื่องสำอางค์เหล่านั้นเพิ่มความสวยงามได้เพียงแต่ "ภายนอก" แต่ไม่สามารถแต่งแต้ม "ภายใน" ให้บุคคลดูสวยงามได้เลยหากจิตใจเขายังหยาบกร้านและเป็นอกุศลอยู่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ "เครื่องสำอางค์" สำหรับภายใจมาเป็นเวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว โดยไม่ต้องลงทุนเดินทางตระเวณหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือสั่งจากนอกที่ไหน เครื่องสำอางค์ที่ว่านี้อยู่ที่ตัวเรานั่นเอง มีสองสิ่งง่ายๆ ที่เราต้องปรุงเองคือ:-
๑. ขันติ ความอดทน
๒. โสรัจจะ ความเสงี่ยม
ในฐานะที่ตั้งกระทู้นี้ในห้องราชฯ ก็คงต้องนำธรรมะนี้เลี้ยวเข้าสู่การเมืองเพื่อคอการเมืองจะได้เห็นภาพชัดเจน และผมในฐานะคนเสื้อแดงปุถุชนธรรมดาๆ คนหนึ่งก็ย่อมอวยคุณยิ่งลักษณ์เป็นธรรมดา พูดกันตรงๆ อย่างนี้ เพื่อที่จะบอกกล่าวคน/กลุ่มคนที่เห็นตรงข้ามกับเสื้อแดงและมีดีกรีการเกลียดชังคุณยิ่งลักษณ์สูงว่าควรหยุดอ่านเสียแต่บรรทัดนี้ไม่ควรมาเสียเวลาอ่านส่วนที่เหลือให้เสียสุขภาพจิต แต่...ถ้าอยากอ่านเอาเนื้อหา/ความรู้/ข้อมูล/หรืออยากจะแย้งจขกท. ผมก็ยินดีนะครับ
เถอะ!...แม้ว่าใครจะเกลียดชังคุณยิ่งลักษณ์มากมายขนาดไหน แต่ก็ยากสำหรับใครๆ ที่จะปฏิเสธว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่มีขันติ(ความอดทน)และโสรัจจะ(ความเสงี่ยม) ถ้อยคำและการกระทำของบางกลุ่มบางคนที่เฝ้าคอยถากถาง ด่า ประณาม เหยี่ยบย่ำทั้งตรงและอ้อม ตลอดระยะเวลาที่เธอก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองจนถึงวันนี้ เธออดทน(ขันติ)ต่อเสียงเหล่านั้นโดยไม่เคยตอบโต้เลย และสำหรับคนที่ด่าเธอ...ในบางสถานการณ์ เธอกลับเดินเข้าหาหรือเชื้อเชิญให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างสุภาพและอ่อนโยน(โสรัจจะ) ผู้ชายอกสามศอกบางคนในห้องราชฯ ยังทำได้ไม่เท่าเธอ คงไม่ถึงกับต้องให้เอ่ยชื่อหรอกครับว่าใคร?
ต่อกรณ๊ที่กลุ่มที่มีความเห็นตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดง แสดงความฉงนหลายคราว่าทำไมคนเสื้อแดงถึงยังรักและอวย E-โง่ อยู่ ผมคนหนึ่งในฐานะที่อวยและชื่นชมคนยิ่งลักษณ์เสมอมาอยากจะบอกว่า เพราะความงาม "ภายใน" ที่เกิดจาก ธรรมะ "ขันติ" และ "โสรัจจะ" ของเธอ และสัจจะวาจาที่เธอเคยบอกว่าจะไม่แก้แค้นแต่จะแก้ไข และนโบายช่วยเหลือชาวนาที่เธอได้แถลงไว้ที่รัฐสภาเป็นสัญญาประชาคมนั่นแหละครับที่ทำให้ผมยืนหยัดอวดและชื่นชมคนที่รักษาคำมั่นสัญญาอยู่
"ขันติ" และ "โสรัจจะ" คือธรรมอันทำให้บุคคลดูงามและเป็นที่รักของคนอื่น ส่วนธรรมอันทำให้บุคคลดูขี้เหร่และเป็นที่รังเกียจของคนอื่นก็ตรงข้ามนะครับ คือไม่มีขันติคือความอดทนหนึ่ง เช่น ฉุนเฉียว โมโหง่าย และไม่มีโสรัจจะคือความเสงี่ยมอีกหนึ่ง เช่น โผงผาง กร้าว....ใครอยู่ในคุณสมบัติสองข้อนี้ เราๆ ท่านๆ ก็สามารถนำธรรมะสองข้อนี้ไปวางทาบดูและตัดสินกันเองได้ ผมก็แค่แนะนำ "ไม้บรรทัด" ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดูคนแค่นั้นเอง