เอาจริงๆ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ และเห็นว่าคนที่เป็นกะเทยไม่ว่าจะแปลงแล้วหรือไม่ก็ตาม ถูกห้ามไม่ให้แต่งหญิงเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร แต่จริงๆมันคือความรู้สึกถูกจำกัดสิทธิ์และถูกเหยียดหยามในเพศสภาพ (มันคือการมองว่าเพศสภาพนี้คือสิ่งผิดสิ่งเลวร้าย ไม่น่ามีในสังคม เหมือนเป็นตัวอย่างที่เลวทราม น่ารังเกียจ) หลายคนเห็นว่าเรื่องแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ ทำไมต้องให้ราคาความสำคัญ ... ขึ้นชื่อว่า "กะเทย / สาวสอง" คือคนที่เกิดมาเป็นชาย แต่จิตใจมีความเป็นรักสวยรักงามแบบผู้หญิง ต้องการมีวิถีชีวิตและแสดงออกแบบผู้หญิง การห้ามแต่งหญิง คือการลดบทบาทตัวตนของคนนั้นๆ .....

จริงๆก็เข้าใจหละว่า อาชีพครู ต้องเป็นแบบอย่าง เรื่องนี้ค่อยข้างอ่อนไหว แต่กะเทยก็ไม่ใช่สิ่งผิดนี่นา แล้วกะเทยก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ไม่ใช่โรคติดต่อ ... ในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง ถ้าเค้ารู้ว่าเด็กมีความชัดเจนว่าจะข้ามเพศ เค้าจะทรีทอย่างดีและส่งเสริมไปในทางที่ดี แต่ของไทยกรีดกัน เราถูกจำกัดสิทธิและเสรีทางความคิดและการแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก ...

ส่วนตัวเคยทำบริษัทเอกชน เลยสบายหน่อย นายใหญ่จบนอกหัวสมัยใหม่ เราเลยแสดงออกได้เต็มที่ จะคิดจะทำอะไรก็เต็มที่ งานก็เลยเต็มที่ด้วย ติดต่อกับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงๆก็ไม่เคยมีปัญหา ... เราว่าของแบบนี้มันอยู่ที่การวางตัวของแต่ละคนด้วย เราไม่ได้ใช้ของแพงอะไรเท่าไหร่ แต่ค่อนข้างมันใจว่าทำตัวและแต่งตัวมีคลาสและเรียบร้อยประมาณนึงนะ

ปล. เหมือนกฎแบบนี้ออกจะย้อนแย้งกับกฎหมายใหม่เรื่องการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานของคนเพศต่างๆ ทั้งๆที่เป็นหน่วยงานรัฐซะเอง

ปล.2 ค่อนข้างเห็นด้วยกับ จขกท นะ แต่อยากให้ใช้คำสุภาพจะดีกว่า ถ้อยคำแบบนั้นมันดูไม่น่าให้ราคาและน่านับถืออะไรเลย ... ไม่ได้ดัดจริตหรือโลกสวยนะ แต่ความหยาบคายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นจริงๆ