ประสบการ์ณผู้หญิงแต่งงานแล้ว ที่(เกือบ)นอกใจสามีตัวเอง

ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ที่เราตั้งใจมาเขียนเล่าเพราะต้องการให้สิ่งที่เราผ่านมาเป็นบทเรียนกับสามีภรรยาที่ได้อ่านนะคะ ชีวิตคู่หลังจากที่คนสองคน รักกัน แต่งงานกันแล้ว ดูเหมือนเป็นความรักที่จบแบบสมบูรณ์ มีลูกที่น่ารัก สามีเป็นพ่อบ้านที่ดี ไม่เคยมีเรื่องนอกใจหรือมือที่สามหลังจากแต่งงานกันแล้ว ฐานะครอบครัวถือว่าสบาย ชีวิตน่าจะดูเรียบง่าย มีความสุขแบบที่ควรจะเป็นใช่ไหมคะ มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดสิบปีที่เราแต่งงานกันมา จนเราคิดว่า ระหว่างเรากับสามี ไม่มีทางที่อะไรจะมาแยกเราจากกันได้จริงๆ

แต่ในความเรียบง่าย ชีวิตก็มีมุมซับซ้อนที่เรานึกไม่ถึง เราต้องบอก background ของเราก่อนนะคะ เราโตมาแบบค่อนข้างหัวโบราณ เรียนคอนแวนต์หญิงล้วนมาตลอด เราถูกสอนมาให้รักนวลสงวนตัว ชีวิตเราค่อนข้างเรียบง่าย สามีเป็นผู้ชายคนแรกของเราค่ะ ด้วยวิธีที่ถูกเลี้ยงมา เราไม่ค่อยไว้ใจผู้ชาย พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้มาก เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก และพ่อก็หวงลูกมาก ใครมาจีบก็ไม่ชอบ แต่สามีผ่านด่านมาได้ค่ะ เขาเป็นคนเก่ง และเรามี chemistry ที่ตรงกัน คบกันปีนึงก็แต่งงานค่ะ

ก่อนแต่งงานเคยมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาครั้งเดียว เลิกกันสองอาทิตย์ เขาขอโทษ และเราให้อภัยค่ะ เราสัญญาจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเพื่อจะได้อยู่กันดีๆ และมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย สามีเราเป็นผู้ชายที่นิสัยเป็นผู้ชายมากๆ มีความรับผิดชอบ ดูแลครอบครัวดี ไม่เคยให้เราลำบากกายหรือใจ และเป็นพ่อที่ดีมากๆ พาลูกชายเล่น sports มี activities ด้วยกันตลอด ลูกชายเราก็เป็นเด็กกวนๆที่น่ารักมาก เป็นเด็กมีความสุข เพราะเขาได้รับความรักจากพ่อแม่ตลอด (แต่ไม่สปอยลูกนะคะ เขาเป็นลูกคนเดียว เราสอนให้เขารู้จักอยู่ด้วยตัวเองได้แบบเข้มแข็งและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้แบบมีความสุขค่ะ)

เราแต่งงานอยู่ด้วยกันมาสิบปีนิดๆ เรียกว่ารู้ใจกันทุกอย่าง ไม่เคยมีปัญหามือที่สามเลย เพราะเราต่างคนต่างไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาแทรกได้เลย แต่การ์ดเราตกค่ะ เฟคบุคทำให้เราเจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่เคยสนิทกันมากๆ เพื่อนเราเป็นทอม แต่ตอนเรียนเราไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่เคยชอบเขาเลย เป็นเพื่อนที่สนิทกันจริงๆเท่านั้น ด้วยความที่เรียนหญิงล้วนมาตลอด ตอนเรียนจบ เราเคยมีแฟนเป็นทอม (ไม่ใช่เพื่อนคนนี้นะคะ) คบกันสามปี แต่ลึกๆเราก็รู้ว่าเราอยากแต่งงานมีครอบครัวปกตินั่นแหละค่ะ

เมื่อ social ทำให้โลกแคบลง และเราก็วนมาเจอเพื่อนสมัยเด็กๆ แรกๆเราก็ตื่นเต้น เพื่อนเราอยู่เชียงใหม่ ก็ได้แต่คุยกันบ่อยๆ สามีเราก็รู้นะคะ เราเป็นคนพูดเก่ง มีอะไรก็เล่าให้สามีฟังทุกเรื่องอยู่แล้วด้วย เขาก็ไม่ว่าอะไร ปกติเราเป็นคนที่คุยโทรศัพท์กับญาติพี่น้องตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะสามีเราไม่ค่อยพูดค่ะ นิสัยผู้ชายมากๆ เป็น business man แบบไม่สนใจ pop culture อะไรเลย เขาไม่จุกจิก ไม่พูดมาก ไม่คุยโทรศัพท์นานๆ ต่างกับเรามาก ที่ enjoy talking เวลาเราคุยโทรศัพท์กับใครนานๆ เรายังแซวเขาว่า เขา happy เลย เพราะไม่ต้องมานั่งฟังเราคุย ก็ขำๆกันไปค่ะ

กับเพื่อนทอมคนนี้เนี่ย ความไว้ใจมันมีอยู่แล้ว เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก มาเจอกันก็ต่อกันติดทันที ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไรเลย ก่อนที่จะเจอกัน คิดแค่ดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีก แต่ครั้งแรกที่นัดเจอกัน พอเจอหน้ากันปุ้บ ลมหายใจเรารู้สึกขัดๆ มีความตื่นเต้น เหมือนเกือบๆจะกึ่งเดทเลย (ความจริงตั้งแต่ตอนนั้น เราก็จะน่าจะรู้ตัวและถอนตัวออกมาตั้งแต่รู้ว่ามันไม่ปกติแล้ว) แล้วเราก็อยู่ด้วยกันทั้งวัน คุยกัน catch up กันทุกเรื่อง ยอมรับเลยว่า วันนั้นเรามีความสุขมาก แทบจะไม่อยากแยกกันเลย

หลังจากนั้นก็กลายเป็นคุยกันทุกวัน เพื่อนเราจะไลน์มาหาเราทุกเช้า ตื่นปุ๊บก็จะไลน์มา ทำอะไร กินอะไร อยู่กับใคร ก็จะไลน์มาบอก ก่อนนอนเราก็จะคุยกันทุกวัน (สามีเรานอนเร็วค่ะ ปกติเรานอนเวลาไม่ตรงกันอยู่แล้ว เขานอนเร็วตื่นเช้า เรานอนดึกตื่นสายกว่า แต่ไม่เคยเป็นปัญหา เพราะสามีชอบนอนก่อนแล้วตื่นมาทำกิจกรรมกลางดึกหรือเช้ามืดค่ะ) เรากับเพื่อนคนนี้คุยกันทุกเรื่อง ในช่วงเวลาหลายๆเดือน จนกลายเป็นความผูกพัน

ถ้าเราหายไปแค่วันเดียว เค้าจะโทรตามๆๆ คุยกันเค้าก็จะอ้อนเรา ทั้งไลน์ และเปิดกล้องคุยกัน เค้ารับฟังเราทุกอย่างจริงๆ ทั้งเวลาสบายใจและไม่สบายใจ เป็นแบบนี้หกเดือน เราก็ถึงจุดที่เรายอมรับกับตัวเองแล้วว่า มันเป็นความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนไปแล้ว และเราก็รู้สึกผูกพันจนเหมือนไม่อยากขาดเค้าไป เราพยายามตัดใจ ทำทุกอย่างให้เราเลิกคุยกัน ทั้งหายไปเฉยๆ ทำนิสัยแย่ๆ พูดจาแย่ๆ แต่มันก็ยืดเยื้อกันอยู่นานมาก

ตลอดเวลาที่ยืดเยื้ออยู่ เราก็รู้สึกผิดกับสามี กับครอบครัว มองหน้าสามีก็รู้สึกตัวเองเลวมาก นี่ขนาดยังไม่เคยมีอะไรนอกกายนะคะ อย่างมากที่สุดก็คือกอดและจับมือเวลาที่เราเจอกัน ยังรู้สึกตัวเองเลวมากๆ ที่จริงแค่นอกใจไปคุยกับคนอื่น ก็เหมือนมีไฟมาเผาผลาญใจแล้วค่ะ มันเป็นความสุขเวลาได้คุยได้อยู่ใกล้กัน แต่ในความสุขนั้นก็เป็นความทุกข์อย่างใหญ่หลวงเพราะรู้ว่าตัวเองเลวอยู่ สามีเราไม่เคยรู้เลยค่ะ เขาแค่รู้ว่าเป็นเพื่อนทอม และด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายแมนๆ เขาไม่ค่อยสนใจ ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไร ยิ่งเขาไว้ใจมาก ยิ่งเป็นความทุกข์ เราพยายามจะตัดเพื่อนออกไป แต่ในความทุกข์นั้น ก็เป็นความสุขเวลาที่ได้คุยกัน อยากบอกว่า ความรู้สึกมันนรกมากๆค่ะ

เรารักสามีและลูกมาก ที่สุดแล้วเราก็เลือกครอบครัวค่ะ มันแค่เผลอใจไป ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้เลย คิดมาตลอดว่าตัวเองก็เป็นผู้หญิงหนักแน่นคนหนึ่ง แต่ก่อนตอนคบกับสามีเป็นแฟน ยังไม่แต่งงาน ผู้ชายก็มาจีบเยอะ ก็ไม่เคยหวั่นไหว แต่งงานแล้ว มีใครมาหยอด ก็ไม่เคยหวั่นไหว ออกจะเชิดและคิดเสมอว่า แต่งงานแล้วค่ะ สามีดีด้วยค่ะ บทเรียนครั้งนี้เป็นอะไรที่กลืนลำบากสำหรับเราจริงๆนะคะ แต่อยากบอกว่า เชื่อเถิดค่ะ เรื่องแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้จริงๆค่ะ แม้กระทั่งกับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีแล้ว ไม่มีวันเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ ดูแลใจตัวเองดีๆค่ะ

เราไม่ลงรายละเอียดกับเพื่อนทอมมากนะคะ มันผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่า ตอนนี้ไม่ได้คุยกันเด็ดขาดมาเกินหนึ่งเดือนแล้วค่ะ ความรู้สึกระหว่างกันก็คือรักกันอยู่ แต่รักกันไม่ได้ค่ะ รักแบบเพื่อนสนิทที่ผสมด้วยความไว้ใจตั้งแต่เด็กๆ แต่รักกันไม่ได้ในแบบที่เค้าคิดค่ะ คิดว่าคราวนี้คงจะขาดกันจริงแล้ว เพราะไม่เคยที่จะไม่คุยกันนานแบบนี้ค่ะ แต่เราก็เปิดใจกัน เราพบว่า เราต้องใช้ความจริงในการพูดกับเค้าค่ะ ไม่มีใครและไม่มีความรู้สึกไหนจะมาเทียบกับความรู้สึกรักที่เรามีกับครอบครัวได้ ทั้งสามีและลูก เราไม่สามารถแลกได้

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาปีกว่าๆค่ะ.. ทุกวันนี้ความสัมพันธ์เรากับสามีก็ดีเหมือนเดิม สามีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่เล่า เพราะมันผ่านไปแล้ว และเราก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเค้าและเราด้วย มันไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ สามีไม่รู้เพราะที่ผ่านมา เราไม่เคยปฏิเสธเขาค่ะ ทั้งเรื่องบนเตียง เรื่องการปฏิบัติตัว เหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้หมดรักเขา เรารักเขามาก และความรู้สึกผิดมากยิ่งทำให้เราดีกับเขามากขึ้นด้วย

ด้วยความที่สามีมีนิสัยผู้ชายมากๆเนี่ย บางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกขาดความเอาใจใส่ทางจิตใจ (อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองกลับมา หลังจากที่เกิดเรื่องแล้วนะคะ) คือดีและสมบูรณ์ แต่ด้วยความเป็นผู้ชายที่ไม่จุกจิก และไม่ชอบอะไรที่จุกจิก อยู่ด้วยกันมากๆ ความคุ้นเคยทำให้ขาดความอ่อนหวานต่อกัน เวลาเรามีเรื่องไม่สบายใจ สามีไม่เข้าใจ เพราะวิธีการ deal ของเค้าคือ ถ้ามีปัญหา แก้ปัญหา แล้วก็ move on ขณะที่เราอยากพูด อยากระบาย มีอารมณ์อยากคุยเวิ่นเว้อ หรือบางทีด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงก็มีความละเอียดและจุกจิกบ้าง เวลาออกไปเจอใครก็อยากกลับมาคุยกัน แต่สามีไม่ชอบฟัง ไม่ชอบพูดถึงคนอื่นค่ะ

มันจะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆแบบนี้ที่ทำให้เราหันไปคุยกับคนนอกจนขาดความระวังใจตัวเอง (เรื่องสำคัญ) ก็เป็นบทเรียนค่ะ นอกจากผู้ชายแล้ว ตอนนี้เราก็ต้องระวังใจตัวเองแม้กับผู้หญิงด้วยกัน และสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากบทเรียนครั้งนี้ที่มากสุดเลยคือ การให้อภัย เราเข้าใจลึกถึงแก่นแท้เลยว่าคนเราผิดพลาดกันได้ และการให้อภัยและได้รับการอภัยมันสำคัญต่อชีวิตคู่จริงๆ การอภัย(และได้รับการอภัย)แบบสะอาดหมดใจช่วยให้ก้าวข้ามผ่านเรื่องแย่ๆได้เร็วขึ้น และอีกเรื่องที่มุมมองเราเปลี่ยนไปมากๆคือ เราไม่ตัดสินคนอื่นแล้วค่ะ มันเป็นการง่ายที่เราจะชี้นิ้วว่าคนอื่น แต่คุณไม่มีวันจะรู้สถานการณ์ของใครจริงๆ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดค่ะ เพราะฉะนั้นก็อย่าไปตัดสินคนอื่น โลกนี้มีคนคิด มีคนรู้ เยอะแล้วค่ะ โลกนี้ต้องการคนเข้าใจมากกว่า..

ตอนนี้สถานการณ์จิตใจเราทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมแล้วค่ะ และเรายังหวังที่จะใช้ชีวิตด้วยกันกับสามีไปจนบั้นปลายลมหายใจสุดท้ายของกันอยู่ แต่ก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ ถ้ามันเกิดขึ้นกับเราได้ มันก็อาจเกิดขึ้นกับสามีได้เช่นกัน และถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ เราก็คงเสียใจ แต่เราเข้าใจแล้วค่ะ จิตใจคนเราเป็นอะไรที่ต้องดูแลกันตลอดเวลาจริงๆ อย่านึกว่า รักกันแล้วก็แล้วกันนะคะ แต่ดีที่สุดคือ อยู่ด้วยกันดีๆ ด้วยความรัก หนักแน่น มั่นคง respect และให้อภัยกันและกันในเวลาที่ต่างคนต้องการ นี่คือดีที่สุดแล้ว..
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ฟังเรื่องแล้วคุ้นๆ
ไม่รู้ว่าคุณเป็นคนเดียวกับที่มาปรึกษาในนี้ปีที่แล้วหรือเปล่า
เรายังจำได้ว่า คอมเมนท์ไปว่า เพราะคนที่เข้ามาเป็นทอม
เป็นเพศเดียวกันรึเปล่า เลยทำให้การ์ดคุณตก
ถ้าใช่คนเดียวกัน ดีใจด้วยที่ชีวิตคุณกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุขแล้วนะคะ

ดีใจที่คุณชนะใจตนเอง และทำในสิ่งที่ควรทำ

คนเรา จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
มักหาอะไรมาเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองขาดเสมอ
เราเองเข้าใจคุณมาก เพราะแม้ว่าเราจะดูง่ายๆ และเหมือนไม่ค่อยสนอะไร
แต่ลึกๆในใจ มีอะไรมากมายที่ทั้งลึก ทั้งกว้าง ทั้งละเอียดวิ่งวนอยู่ในใจ

สำหรับคนใกล้ชิด เราก็อยากแชร์ด้วย หวังให้เค้ารู้และเข้าใจ

ถ้ามันทนไม่ไหวจริงๆ เราแนะนำให้คุณค่อยๆเรียบเรียงและเขียนออกมาค่ะ
แล้วเอาไปให้สามีอ่าน
หรือบางที คุณเปลี่ยนใจไม่อยากให้อ่าน
การที่คุณเรียบเรียงความคิดตัวเองออกมา
มันเหมือนเป็นการสำรวจ ปัดกวาด จัดระเบียบใจให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

คุณจะรู้สึกดีกับตัวเองนะ เขื่อเราสิ

เราไม่ตัดสินคุณ และเข้าใจว่า
สิ่งที่เกิดกับคุณ อาจเกิดกับใครก็ได้
การมีสติ ความยับยั้งชั่งใจ จึงเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันที่สำคัญ

การสื่อสารกับสามี (อาจผ่านการพูดคุย เขียนจดหมายน้อย)
น่าจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ซ้ำอีกครั้ง

ศึกครั้งนี้ไม่ถือว่าคุณพ่ายแพ้ค่ะ อาจจะเพลี่ยงพล้ำนิดหน่อย
แต่ไม่แพ้

ดูแลใจตัวเองดีๆนะคะ
ขอโชคดี ความคิดดีๆ ความเข้มแข็ง และการตัดสินใจที่ถูกต้อง
จงอยู่กับคุณตลอดไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่