ตอนที่แล้วค่ะ กลัวว่าจะไม่ทราบกันว่าเรื่องนี้ลิเขียนจนจบแล้วนะ ก็เลยเอามาตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าค่ะ
https://ppantip.com/topic/36668506
เพื่อนชายที่แสนดี
โดย...ล. วิลิศมาหรา
รุ่งเช้าของอีกวันแล้วสินะ เธอผ่านค่ำคืนอันโดดเดี่ยว หนาวเหน็บและหวาดกลัวมาได้อย่างเหลือเชื่อ แสงอาทิตย์ยามเช้าทำให้ร่างกายที่แทบจะแข็งกระด้างจากสภาพอากาศที่เปียกชื้นและหนาวเย็นผ่อนคลายลง ดีที่นอกจากความหนาวและความกลัวแทบตายแล้ว ตัวเองไม่มีความหิวเพิ่มขึ้นอีกจากที่มีอยู่ ซึ่งยังพอทนได้ ก้มมองดูน้ำที่เหลืออยู่นิดเดียวในขวดพลาสติกอย่างเป็นกังวล เมื่อวานนี้เธอกะว่าจะนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้างานไปในตอนเก้าโมงเช้า แต่ตัวเองฟื้นคืนสติขึ้นมาในยามที่ดวงอาทิตย์โรยแสงลงมากแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นตอนบ่ายแก่ๆ
ลิเลียนกำลังกังวลว่าแสงแดดเปรี้ยงในตอนกลางวันจะแผดเผาตัวเอง เพราะร่างบาดเจ็บของเธออยู่ในที่โล่ง ไร้ที่กำบัง และขณะนี้น้ำดื่มซึ่งจะใช้บรรเทาความกระหายก็เหลืออยู่น้อยเต็มที
...ราสวัน เธออยู่ไหน รีบกลับมาเร็วๆ ด้วยเถิด ลิกำลังจะแย่แล้ว... คร่ำครวญในใจพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง รุ่มร้อนทุรนทุรายถึงความช่วยเหลือที่ช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน จนป่านนี้ยังไร้วี่แววของผู้คนที่จะมาพบเห็น ว่ามีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่ที่นี่นานแล้ว
พยายามตั้งสติสะกดจิตใจให้เย็นลง เวลานี้เธอต้องพึ่งตัวเอง ต้องมีสติและกำลังใจที่เข้มแข็งเท่านั้น จึงจะต่อสู้กับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ นึกแล้วจึงหยุดร้องไห้ก่อนเหลียวมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เธอเห็นสัตว์หลายตัวเดินลงมากินน้ำในหนองน้ำ พวกมันมีลักษณะคล้ายกวาง คล้ายหมู มีหลายตัวที่ไม่รู้จักว่าคือตัวอะไร พวกมันบางตัวมองมาที่กองซากเครื่องบินแล้วเดินเข้ามาดูอย่างสงสัย ซากนกเหล็กคงเป็นของแปลกปลอมประหลาดอยู่ในป่านี้ ลิเลียนส่งเสียง ชูว์ ชูว์ ไล่มันไป ซึ่งพวกมันก็ถอยห่างไปแต่โดยดี สัตว์พวกนี้คงเป็นสัตว์กินพืช หาไม่เธออาจกลายเป็นอาหารของพวกมันไปแล้ว นึกมาถึงเรื่องนี้ทีไรหัวอกหัวใจก็สั่นระรัวขึ้นมาอีก หวาดกลัวเหลือเกินว่าจะถูกกัดทึ้งจากฝูงสัตว์ป่าดุร้าย
ราสวันจะเดินไปจนถึงหมู่บ้านหรือพบผู้คนบ้างแล้วหรือเปล่า ป่านนี้เฮซุสจะรู้และออกตามหาเธอหรือยัง เขาคงตกใจที่เจ้าสาวหายไป ไม่มาเข้าพิธีแต่งงาน ที่อุตส่าห์จัดเตรียมเอาไว้เสียดิบดีด้วย แต่เขาจะรู้ละหรือว่าเธอเครื่องบินตกอยู่ในป่าในดงแบบนี้ เพราะทุกสิ่งที่ทำเพื่อหวังเอาใจเขา เธอได้ปิดมันไว้เป็นความลับสุดยอด
จนดวงอาทิตย์ลอยมาอยู่ตรงศีรษะพอดีนั่นแหละที่น้ำดื่มหยดสุดท้ายหมดไป เธอทนทุกข์ทรมานหนักมากยิ่งขึ้นจากความร้อนของแสงแดดที่กำลังแผดเผา จนทั้งร่างแทบจะสุกเกรียม
“โอ้ย...ทรมานเหลือเกิน ใครก็ได้มาช่วยฉันที” ลิเลียนแหกปากร้องโหยหวนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันอยากตายๆ ไปเสียให้พ้นจากความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสนี้แล้ว”
บิดตัวท่อนบนดิ้นเร่าๆ แม้ขาไม่อาจขยับแต่ก็ใช้สองมือทุบพื้นโคลน ทุบถองตามตัว ดึงทึ้งเส้นผมบนหัวตัวเองจนหลุดติดมือมาเป็นกระจุก นี่เธอกำลังจะเสียสติเพราะความทรมานนี้อยู่แล้ว...พระเจ้า ท่านอยู่ที่ไหน ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งลูกเอาไว้แบบนี้ บัดซบจริงๆ
แต่ขณะที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างหนักอยู่คนเดียว พลันเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นไกลๆ ฟังดูเหมือนเป็นเสียงฝีเท้าคนหลายคนกำลังย่ำสวบสาบใกล้เข้ามา
ลิเลียนเบิกตากว้างออก นั่นไง ร่างผู้ชายในชุดกู้ภัยหลายคนพร้อมอุปกรณ์กำลังเดินบุกพงหญ้าตรงมาหา และขณะนั้นเองที่เธอก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาร่างหนึ่งท่ามกลางคนเหล่านั้นเข้า...ราสวันเพื่อนชายที่แสนดีของเธอก็เดินมากับพวกเขาด้วย เขากลับมาหาเธออย่างที่สัญญาเอาไว้จริงๆ
“ทางนี้ ฉันอยู่ทางนี้...พระเจ้า มีคนมาช่วยเราแล้ว”
หญิงสาวร้องตะโกนอย่างดีใจ นึกเคืองเล็กน้อยที่พวกเขาหยุดพิจารณาดูซากเครื่องบินส่วนหางซึ่งอยู่ใกล้กับพวกเขาก่อน โดยไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอเลย
“ฮัลโหล...วู้ว์ ฉันอยู่นี่ค่ะ ทางนี้ๆ”แม้รู้ว่าพวกเขาจะต้องเข้ามาหาตัวเองที่นี่อย่างแน่นอน แต่ก็ยังตะโกนร้องเรียกพวกเขาเสียงดัง
“โอ้โฮ เละตุ้มเป๊ะไปหมด” และแล้วความช่วยเหลือก็มาถึงเสียที ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมาหยุดยืนมองร่างยับเยินของเธอกันแล้ว ลิเลียนยิ้มกว้างให้
“ในที่สุดพวกคุณก็มา...”
“พวกชาวบ้านในหมู่บ้านบอกว่า เห็นผู้ชายที่นอนตายอยู่ทางด้านโน้นเข้ามาขอความช่วยเหลือ...” หนึ่งในหน่วยกู้ภัยเอ่ยขึ้น ผงกศีรษะไปทางด้านหลัง ลิเลียนลืมตาโพลงฟัง
“บอกว่าเครื่องบินตกตรงจุดนี้ ชี้ทางให้ด้วย บอกเสร็จก็หายตัวไปเฉยๆ พูดแล้วขนลุกซู่เลยว่ะ”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้สิโว้ย แยกย้ายกันเก็บศพเถอะ เร็วเข้า ศพกำลังเริ่มขึ้นอืดแล้ว แกกับอีกสองคนไปเก็บศพผู้ชายทางโน้น ส่วนฉันกับคนอื่นจะเก็บศพผู้หญิงคนนี้เอง เฮ้อ น่าสงสารจัง ดูสิโดนเหล็กทับไปครึ่งตัว คงตายอย่างทรมาน”
“ไม่เจอศพนักบินเลย หรือว่าจะรอดตายไปได้”
“ไม่รอดหรอก แกเห็นหนองน้ำนั่นไหม ฉันว่ากระเด็นตกน้ำไปนะ ลองลงงมดูเดี๋ยวก็เจอ”
ไม่จริง...ลิเลียนอ้าปากค้างฟังสิ่งที่พวกนั้นคุยกัน
“พูดบ้าอะไรกัน ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”
หญิงสาวตะโกนขึ้นอีก แต่พวกนั้นกลับทำเฉย ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักคน หรืออันที่จริง มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงพูดของเธอกันเลย
นาทีนั้นเอง เธอตวัดตามามองราสวันที่ยืนนิ่งฟังอยู่ใกล้ๆ เห็นใบหน้าของเพื่อนหนุ่มเคร่งขรึม เขามองตอบเธอด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“เราตายแล้ว ลิ ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ ไปตามพวกเขาให้มาพาเธอออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นวิญญาณของเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน ติดอยู่ที่ตรงนี้ไปอีกนานแสนนาน” เขาบอกเธอเสียงเศร้า จ้องมองเพื่อนสาวที่ผงะขึ้นทั้งตัวอย่างตื่นตกใจ
“อะไรนะ เราตายแล้วงั้นเหรอ ราส...” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เพื่อนสาวที่ยังอุทานถามเสียงหลง
“เราตายแล้วจริงๆ ” ราสวันยังย้ำคำเดิม นึกเวทนาวิญญาณเพื่อนสาวที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้ตายไปแล้ว จึงทำหน้าตาอย่างคนที่ตกใจสุดขีด
“รู้สึกอะไรบ้างหรือยังล่ะลิ ”
และทันทีที่หน่วยกู้ภัยงัดร่างไร้วิญญาณของเธอออกมาจากใต้ซากเหล็กได้สำเร็จ ฉับพลันลิเลียนก็รู้สึกว่า ตัวเองลอยวูบขึ้นมายืนคู่กันกับเพื่อนหนุ่มได้อย่างน่าแปลกใจ และทันทีนั้นลิเลียนก็เกิดระลึกขึ้นมาได้ ใช่...บัดนี้ตัวเองเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น เธอได้ตายไปแล้วจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกันกับราสวันและนักบินทั้งสอง ซึ่งบัดนี้จมอยู่ใต้หนองน้ำ รอคอยการปลดปล่อยออกมาจากข้างใต้สายน้ำอยู่เช่นกัน
ราสวันเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ บอกเสียงแผ่วว่า
“สำหรับฉัน บางทีความตายก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก เพราะยังไงฉันก็ได้อยู่กับเธอ” ลิเลียนอึ้งไปกับคำพูดแบบนั้นของเขา หลังรู้ความจริง จิตใจของเธอก็สงบเยือกเย็นลงอย่างน่าประหลาด
“ผู้ชายตัวคนเดียวที่มีเพียงเธอเป็นหลักชัยในชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเธอตายแล้วฉันรอด ฉันเองก็คงทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่ฉันยังไม่อยากตายเลยนะ ราส ฉันยังอยากทำอะไรอีกบางอย่าง รู้ไหม ถ้าเรารอดไปได้ฉันจะทำอะไร” พึมพำบอกเขาเสียงค่อย คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง
“ฉันจะยกเลิกงานแต่งกับเฮซุส ฉันอยากแต่งงานกับเธอแทน ราสวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกลิ บางทีความรักกับการแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ถึงเธอจะแต่งกับฉันหรือไม่ ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี ฉันรักเธอเสมอไม่ว่าจะอยู่หรือตาย”
ราสวันตอบเพื่อนสาวแล้วถอนหายใจยาว ตาสีเข้มของเขาอ่อนโยนลงเมื่อบอกกับเธอแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองหน่วยกู้ภัยที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
“ฉันดีใจที่ช่วยเธอให้หลุดไปจากที่นี่ได้นะ ลิ ได้เวลาแล้ว เราไปลาเฮซุสกันเถอะ”
หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนรักของเธอแทนคำตอบ ชายคนหนึ่งในหน่วยกู้ภัยถึงกับตกตะลึงตาค้าง เมื่อสังเกตเห็นร่างเลือนรางสองร่าง จูงมือกันลอยผ่านหน้าเขา ก่อนจะหายวับไป
จบ.
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจลิค่ะ
เพื่อนชายที่แสนดี (ต่อ)
https://ppantip.com/topic/36668506
เพื่อนชายที่แสนดี
โดย...ล. วิลิศมาหรา
รุ่งเช้าของอีกวันแล้วสินะ เธอผ่านค่ำคืนอันโดดเดี่ยว หนาวเหน็บและหวาดกลัวมาได้อย่างเหลือเชื่อ แสงอาทิตย์ยามเช้าทำให้ร่างกายที่แทบจะแข็งกระด้างจากสภาพอากาศที่เปียกชื้นและหนาวเย็นผ่อนคลายลง ดีที่นอกจากความหนาวและความกลัวแทบตายแล้ว ตัวเองไม่มีความหิวเพิ่มขึ้นอีกจากที่มีอยู่ ซึ่งยังพอทนได้ ก้มมองดูน้ำที่เหลืออยู่นิดเดียวในขวดพลาสติกอย่างเป็นกังวล เมื่อวานนี้เธอกะว่าจะนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้างานไปในตอนเก้าโมงเช้า แต่ตัวเองฟื้นคืนสติขึ้นมาในยามที่ดวงอาทิตย์โรยแสงลงมากแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นตอนบ่ายแก่ๆ
ลิเลียนกำลังกังวลว่าแสงแดดเปรี้ยงในตอนกลางวันจะแผดเผาตัวเอง เพราะร่างบาดเจ็บของเธออยู่ในที่โล่ง ไร้ที่กำบัง และขณะนี้น้ำดื่มซึ่งจะใช้บรรเทาความกระหายก็เหลืออยู่น้อยเต็มที
...ราสวัน เธออยู่ไหน รีบกลับมาเร็วๆ ด้วยเถิด ลิกำลังจะแย่แล้ว... คร่ำครวญในใจพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง รุ่มร้อนทุรนทุรายถึงความช่วยเหลือที่ช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน จนป่านนี้ยังไร้วี่แววของผู้คนที่จะมาพบเห็น ว่ามีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่ที่นี่นานแล้ว
พยายามตั้งสติสะกดจิตใจให้เย็นลง เวลานี้เธอต้องพึ่งตัวเอง ต้องมีสติและกำลังใจที่เข้มแข็งเท่านั้น จึงจะต่อสู้กับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้ นึกแล้วจึงหยุดร้องไห้ก่อนเหลียวมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เธอเห็นสัตว์หลายตัวเดินลงมากินน้ำในหนองน้ำ พวกมันมีลักษณะคล้ายกวาง คล้ายหมู มีหลายตัวที่ไม่รู้จักว่าคือตัวอะไร พวกมันบางตัวมองมาที่กองซากเครื่องบินแล้วเดินเข้ามาดูอย่างสงสัย ซากนกเหล็กคงเป็นของแปลกปลอมประหลาดอยู่ในป่านี้ ลิเลียนส่งเสียง ชูว์ ชูว์ ไล่มันไป ซึ่งพวกมันก็ถอยห่างไปแต่โดยดี สัตว์พวกนี้คงเป็นสัตว์กินพืช หาไม่เธออาจกลายเป็นอาหารของพวกมันไปแล้ว นึกมาถึงเรื่องนี้ทีไรหัวอกหัวใจก็สั่นระรัวขึ้นมาอีก หวาดกลัวเหลือเกินว่าจะถูกกัดทึ้งจากฝูงสัตว์ป่าดุร้าย
ราสวันจะเดินไปจนถึงหมู่บ้านหรือพบผู้คนบ้างแล้วหรือเปล่า ป่านนี้เฮซุสจะรู้และออกตามหาเธอหรือยัง เขาคงตกใจที่เจ้าสาวหายไป ไม่มาเข้าพิธีแต่งงาน ที่อุตส่าห์จัดเตรียมเอาไว้เสียดิบดีด้วย แต่เขาจะรู้ละหรือว่าเธอเครื่องบินตกอยู่ในป่าในดงแบบนี้ เพราะทุกสิ่งที่ทำเพื่อหวังเอาใจเขา เธอได้ปิดมันไว้เป็นความลับสุดยอด
จนดวงอาทิตย์ลอยมาอยู่ตรงศีรษะพอดีนั่นแหละที่น้ำดื่มหยดสุดท้ายหมดไป เธอทนทุกข์ทรมานหนักมากยิ่งขึ้นจากความร้อนของแสงแดดที่กำลังแผดเผา จนทั้งร่างแทบจะสุกเกรียม
“โอ้ย...ทรมานเหลือเกิน ใครก็ได้มาช่วยฉันที” ลิเลียนแหกปากร้องโหยหวนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันอยากตายๆ ไปเสียให้พ้นจากความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสนี้แล้ว”
บิดตัวท่อนบนดิ้นเร่าๆ แม้ขาไม่อาจขยับแต่ก็ใช้สองมือทุบพื้นโคลน ทุบถองตามตัว ดึงทึ้งเส้นผมบนหัวตัวเองจนหลุดติดมือมาเป็นกระจุก นี่เธอกำลังจะเสียสติเพราะความทรมานนี้อยู่แล้ว...พระเจ้า ท่านอยู่ที่ไหน ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งลูกเอาไว้แบบนี้ บัดซบจริงๆ
แต่ขณะที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างหนักอยู่คนเดียว พลันเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นไกลๆ ฟังดูเหมือนเป็นเสียงฝีเท้าคนหลายคนกำลังย่ำสวบสาบใกล้เข้ามา
ลิเลียนเบิกตากว้างออก นั่นไง ร่างผู้ชายในชุดกู้ภัยหลายคนพร้อมอุปกรณ์กำลังเดินบุกพงหญ้าตรงมาหา และขณะนั้นเองที่เธอก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาร่างหนึ่งท่ามกลางคนเหล่านั้นเข้า...ราสวันเพื่อนชายที่แสนดีของเธอก็เดินมากับพวกเขาด้วย เขากลับมาหาเธออย่างที่สัญญาเอาไว้จริงๆ
“ทางนี้ ฉันอยู่ทางนี้...พระเจ้า มีคนมาช่วยเราแล้ว”
หญิงสาวร้องตะโกนอย่างดีใจ นึกเคืองเล็กน้อยที่พวกเขาหยุดพิจารณาดูซากเครื่องบินส่วนหางซึ่งอยู่ใกล้กับพวกเขาก่อน โดยไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอเลย
“ฮัลโหล...วู้ว์ ฉันอยู่นี่ค่ะ ทางนี้ๆ”แม้รู้ว่าพวกเขาจะต้องเข้ามาหาตัวเองที่นี่อย่างแน่นอน แต่ก็ยังตะโกนร้องเรียกพวกเขาเสียงดัง
“โอ้โฮ เละตุ้มเป๊ะไปหมด” และแล้วความช่วยเหลือก็มาถึงเสียที ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมาหยุดยืนมองร่างยับเยินของเธอกันแล้ว ลิเลียนยิ้มกว้างให้
“ในที่สุดพวกคุณก็มา...”
“พวกชาวบ้านในหมู่บ้านบอกว่า เห็นผู้ชายที่นอนตายอยู่ทางด้านโน้นเข้ามาขอความช่วยเหลือ...” หนึ่งในหน่วยกู้ภัยเอ่ยขึ้น ผงกศีรษะไปทางด้านหลัง ลิเลียนลืมตาโพลงฟัง
“บอกว่าเครื่องบินตกตรงจุดนี้ ชี้ทางให้ด้วย บอกเสร็จก็หายตัวไปเฉยๆ พูดแล้วขนลุกซู่เลยว่ะ”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้สิโว้ย แยกย้ายกันเก็บศพเถอะ เร็วเข้า ศพกำลังเริ่มขึ้นอืดแล้ว แกกับอีกสองคนไปเก็บศพผู้ชายทางโน้น ส่วนฉันกับคนอื่นจะเก็บศพผู้หญิงคนนี้เอง เฮ้อ น่าสงสารจัง ดูสิโดนเหล็กทับไปครึ่งตัว คงตายอย่างทรมาน”
“ไม่เจอศพนักบินเลย หรือว่าจะรอดตายไปได้”
“ไม่รอดหรอก แกเห็นหนองน้ำนั่นไหม ฉันว่ากระเด็นตกน้ำไปนะ ลองลงงมดูเดี๋ยวก็เจอ”
ไม่จริง...ลิเลียนอ้าปากค้างฟังสิ่งที่พวกนั้นคุยกัน
“พูดบ้าอะไรกัน ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”
หญิงสาวตะโกนขึ้นอีก แต่พวกนั้นกลับทำเฉย ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักคน หรืออันที่จริง มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงพูดของเธอกันเลย
นาทีนั้นเอง เธอตวัดตามามองราสวันที่ยืนนิ่งฟังอยู่ใกล้ๆ เห็นใบหน้าของเพื่อนหนุ่มเคร่งขรึม เขามองตอบเธอด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“เราตายแล้ว ลิ ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ ไปตามพวกเขาให้มาพาเธอออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นวิญญาณของเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน ติดอยู่ที่ตรงนี้ไปอีกนานแสนนาน” เขาบอกเธอเสียงเศร้า จ้องมองเพื่อนสาวที่ผงะขึ้นทั้งตัวอย่างตื่นตกใจ
“อะไรนะ เราตายแล้วงั้นเหรอ ราส...” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เพื่อนสาวที่ยังอุทานถามเสียงหลง
“เราตายแล้วจริงๆ ” ราสวันยังย้ำคำเดิม นึกเวทนาวิญญาณเพื่อนสาวที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้ตายไปแล้ว จึงทำหน้าตาอย่างคนที่ตกใจสุดขีด
“รู้สึกอะไรบ้างหรือยังล่ะลิ ”
และทันทีที่หน่วยกู้ภัยงัดร่างไร้วิญญาณของเธอออกมาจากใต้ซากเหล็กได้สำเร็จ ฉับพลันลิเลียนก็รู้สึกว่า ตัวเองลอยวูบขึ้นมายืนคู่กันกับเพื่อนหนุ่มได้อย่างน่าแปลกใจ และทันทีนั้นลิเลียนก็เกิดระลึกขึ้นมาได้ ใช่...บัดนี้ตัวเองเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น เธอได้ตายไปแล้วจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกันกับราสวันและนักบินทั้งสอง ซึ่งบัดนี้จมอยู่ใต้หนองน้ำ รอคอยการปลดปล่อยออกมาจากข้างใต้สายน้ำอยู่เช่นกัน
ราสวันเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ บอกเสียงแผ่วว่า
“สำหรับฉัน บางทีความตายก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก เพราะยังไงฉันก็ได้อยู่กับเธอ” ลิเลียนอึ้งไปกับคำพูดแบบนั้นของเขา หลังรู้ความจริง จิตใจของเธอก็สงบเยือกเย็นลงอย่างน่าประหลาด
“ผู้ชายตัวคนเดียวที่มีเพียงเธอเป็นหลักชัยในชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเธอตายแล้วฉันรอด ฉันเองก็คงทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”
“แต่ฉันยังไม่อยากตายเลยนะ ราส ฉันยังอยากทำอะไรอีกบางอย่าง รู้ไหม ถ้าเรารอดไปได้ฉันจะทำอะไร” พึมพำบอกเขาเสียงค่อย คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง
“ฉันจะยกเลิกงานแต่งกับเฮซุส ฉันอยากแต่งงานกับเธอแทน ราสวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกลิ บางทีความรักกับการแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ถึงเธอจะแต่งกับฉันหรือไม่ ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี ฉันรักเธอเสมอไม่ว่าจะอยู่หรือตาย”
ราสวันตอบเพื่อนสาวแล้วถอนหายใจยาว ตาสีเข้มของเขาอ่อนโยนลงเมื่อบอกกับเธอแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองหน่วยกู้ภัยที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
“ฉันดีใจที่ช่วยเธอให้หลุดไปจากที่นี่ได้นะ ลิ ได้เวลาแล้ว เราไปลาเฮซุสกันเถอะ”
หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนรักของเธอแทนคำตอบ ชายคนหนึ่งในหน่วยกู้ภัยถึงกับตกตะลึงตาค้าง เมื่อสังเกตเห็นร่างเลือนรางสองร่าง จูงมือกันลอยผ่านหน้าเขา ก่อนจะหายวับไป
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจลิค่ะ