Day 1 : 20 June 2017 >> เริ่มเดินทางจากดอนเมือง > นาริตะ > Ueno (ที่พัก) >> https://ppantip.com/topic/36669145
Day 3 : 22 June 2017 >> Kawaguchigo > Shibuya >> https://ppantip.com/topic/36680610
Day 4 : 23 June 2017 >> Tokyo Disneysea > Ueno >> https://ppantip.com/topic/36684800
Day 5 : 24 June 2017 >> Tsukiji Fish Market > Imperial palace > Shibuya >> https://ppantip.com/topic/36705059
Day 6 : 25 June 2017 >> Ginza > Tokyo Station > Harajuku >> https://ppantip.com/topic/36705828
Day 7-8 : 26-27 June 2017 >> Asakusa > Tokyo Skytree > Akihabara > Narita Airport >> https://ppantip.com/topic/36711601
                                                   
วันที่ 2 : Kawagoe > Ikebukoro
(ความจริงแพลนไว้ 3 สถานที่..แต่สภาพอากาศวันนั้นไม่เป็นใจ ฝนตกตลอดทั้งวัน ≡(▔﹏▔)≡ )
         8:00น. เริ่มเดินทาง...จากที่พักไปยัง JR Ueno เมื่อไปถึงสถานีเราก็ซื้อบัตร Suica แล้วเติมเงิน หลังจากนั้นก็หาป้ายว่าเราต้องขึ้นชานชาลาที่เท่าไหร่ ( ไม่ต้องกลัวหลง เรื่องการขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ เค้าเขียนเส้นทางบอกชัดเจน เช่น ถ้าเราจะไป Ikebukoro ก็จะมีป้ายบอกว่า " for Ikebukoro " )
หลังจากนั้น...เดินไปซื้อตั๋ว Kawagoe Discount Pass อยู่ในสถานี Ikebukoro บัตรราคา 700 ¥ ถ้าใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรนี้คลิกตามลิงค์เลยคะ http://www.tobu.co.jp/foreign/tojo/th/access/
      
       ซื้อตั๋วแล้วเดินผ่านได้เลย ไม่ต้องเสียบบัตรในช่องเหมือนรถไฟฟ้า แค่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู หลังจากนั้นก็นั่งรถยาววไป 30 นาที ถึงสถานี " Kawagoe" .....ฝนยังคงตกหนัก เราสองคนหิวม๊ากก!! เลยหามื้อเช้ากินที่สถานี Kawagoe เลย

มื้อแรกของวันนี้ขอนำเสนอ.. "เซตหมูทงคัตสึ"  จากร้าน Ootoya ที่สามารเลือก ประเภทข้าว และ น้ำซุปได้  ส่วนของเพื่อนจขกท.สั่ง "เซตไก่ย่างถ่าน" น่ากินทั้งคู่เรยย!! (เสียทรัพย์ค่าอาหาร 954 ¥ )

        กินอิ่มเรียบร้อย++ ฝนก็ยังไม่เป็นใจ แต่ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว ลุยต่อเลยละกานน~ เราสองคนลงบันไดจากสถานี เพื่อไปรอรถ Eagle bus เป็นรถโบราณที่พาไปสถานที่สำคัญในคาวาโกเอะ เมื่อรถมาถึง เราก็สามารถซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายได้จากคนขับเลย ราคาบัตร Eagle bus เหมาจ่าย 500 ¥

        ★ สถานที่แรกที่ลง คือ " วัดคิตาอิน (Kitain Temple) เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองคาวาโกะเอะ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 830 "



ด้านหน้าอาคารใหญ่จะมีการขอพร โดยการหยอดเหรียญลงในกล่องหยอดเหรียญ แล้วแกว่งเชือกให้ฆ้องด้านบนเกิดเสียง  แล้วก็ไหว้  อธิฐานค่ะ  ขอพรเสร็จ รอฝนตกปรอยๆสักพัก ก็เดินกลับมาด้านหน้าวัดเพื่อมารอรถตามป้าย..

        ★ สถานที่ๆสอง คือ " ถนนเมืองเก่า (Kurazukuri Street) บ้านช่องตามสองข้างทางมีความเก่าแก่สมัยเอโดะตลอดทาง "

          ร้านขนมร้านแรกที่เราแวะชิม เป็นร้านขายขนมโดรายากิรูปเต่า เรียกว่า "Kame Dora" ดูน่ารัก และก็น่าทานนน~(เสียทรัพย์ 180 ¥)


        เดินตรงมาเลย ก็เจอร้านขาย " ชาเขียวทั้งร้าน " ภายในมีทั้ง ของฝาก ขนม ผงชา และ ไอศกรีม สะดุดตามากก เราเลยแวะไปหาของกินในร้าน  และแล้วก็ได้ Softcream ชาเขียวมากิน ในร้านมีที่ให้นั่งทาน และ จัดตกแต่งร้านได้น่ารัก (เสียทรัพย์ 500 ¥)



        หลังจากนั้นก็ เดินข้ามถนน และเข้าซอยที่มี " หอระฆัง ( Toki no Kane ) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ "

เดินตรงมาจากหอระฆังเล็กน้อย ก็จะพบร้านขาย " ไอศกรีมมันหวาน (Sweet Potato Soft Serve) อีกหนึ่งของกินที่ห้ามพลาด!! เพราะมันดีย์จริงๆ " (เสียทรัพย์ 300 ¥ คนละ 150 ¥)


       กินอิ่มสบายท้อง ก็ได้เวลานั่งรถ Eagle bus กลับไปยังสถานี Kawagoe ..... เมื่อมาถึงสถานี Kawagoe ก็ยื่นบัตร Kawagoe Discount Pass ให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วเดินทางกลับไปยัง สถานี Ikebukoro ใช้เวลา 30 นาทีเช่นเดิม
       เมื่อมาถึง Ikebukoro ก็ได้เวลาหาของกิน ซึ่งอาหารมื้อเย็นของเรา คือ " Midori sushi ikebukuro " อยู่ในห้าง seibu ชั้น 8  บอกได้คำเดียวว่า~ ต้องมีความอดทนสูงง เพราะคิวร้านนี้แน่นจริงๆ ร้านนี้เป็นซูชิสายพาน หรือ สั่งซูชิที่เราต้องการก็ได้  
( เสียทรัพย์คนละ 777 ¥)


      กินอิ่ม ก็ต้องย่อยด้วยการเดินช็อปปิ้ง แต่ร้านค้าที่นี่เยอะมากก~ เดินวันเดียวคงไม่ทัน เราเลยตัดสินใจเลือกเฉพาะร้านที่อยากเข้าจริงๆ ≧△≦
       ร้านที่ 1 : Don quijote ikebukuro ใหญ่มากกก แถมมีทั้งหมด 7 ชั้น เดินกันตาลายเลยจร้าาา~
       ร้านที่ 2 : Gu store ikebukuro เสื้อผ้าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ลูกของ UNIQLO ที่ราคาถูกกว่า คือมันดีต่อใจ
       ร้านที่ 3 : Game Center ikebukuro มาเล็งกาชาปอง กับ ตู้คีบตุ๊กตา และก็ถ่าย purikura
Shopping เต็มที่ ก็เดินทางกลับที่พัก นั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line จากสถานี Ikebukoro (JY13) ไปลงสถานี Ueno (JY05) ราคา 170 ¥