สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกของเราเลย เราแค่อยากเข้ามาเล่าเข้ามาขอความเห็นจากคนอื่นๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นมาตลอดเกือบสี่ปีมานี้ว่ามีใครเป็นอย่างเราไหมแล้วทุกๆคนรับมือกับเหตุการณ์แบบเรายังไง ไม่ได้มีเจตนาอยากให้ใครดูไม่ดีทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดจากมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเราเองทั้งหมด ยังไงก็ขอบคุณสำหรับพื้นที่ตรงนี้และถามีตรงไหนผิดพลาดก็ขอโทษเอาไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะคะ
เกริ่นก่อนคือพอเริ่มโตขึ้นอะค่ะ เรารู้สึกว่าการเข้าสังคมในปัจจุบันนี้อะค่ะมันคือการที่เราต้องปั้นหน้าหรือสร้างตัวตนอีกคนหนึ่งที่ต้องดูดีในสายตาคนอื่นตลอดเพื่อให้เราเป็นเพื่อนกับเค้าได้
อย่างตัวเราเอง คือเราเป็นเด็กคนนึงที่มีเพื่อนและกำลังอยู่ในวัยเรียนค่ะเพื่อนเราก็เป็นกลุ่มเล็กๆ คือเรามักจะมีเพื่อนคนนึงที่เราสนิทด้วยในระยะเวลาหนึ่งตลอด อย่างปีนี้สนิทกับคนนี้มากกว่าคนอื่นๆในกลุ่มไปไหนไปกันตลอด ปีต่อไปสนิทกับอีกคนหรืออาจเป็นคนเดิมวนๆกันไป
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ไม่ว่าเราจะสนิทกับใครเราก็มักจะเป็นฝ่ายรับฟังเสมอค่ะ โดยที่ส่วนใหญ่วัยเรียนอย่างเราก็ไม่พ้นเกลียดคนนู้นชอบคนนี้อย่างนี้เนอะ คือตัวเราเองเราไม่มีคนที่ชอบหรือคนที่มาชอบหรือเรื่องราวอะไรต่างๆที่ดูพิเศษกว่าคนอื่น แต่เพราะเพื่อนเรามี เค้าก็เลยมักจะมาพูดมาบ่นให้เราฟังเสมอค่ะ โดยทุกเรื่องนั้นเป็นเรื่องของตัวเค้าเองและเพื่อนคนอื่นๆหรือคนที่เค้าชอบ แบบว่าทุกเหตุการณ์ที่เค้ามาขอความเห็นจากเราล้วนไม่ใช่เรื่องของเราเลยแต่ทุกครั้งสิ่งที่เราทำก็คือรับฟังแล้วเสนอความเห็นทำเป็นว่าตัวเองมีอารมณ์ร่วมไปกับบทสนทนาทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว
จนมากๆเข้าก็ดันเป็นว่าตัวเราเองไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายพูดให้คนอื่นฟังว่าเราเจออะไรมาเราคิดเห็นยังไงเราเศร้าหรือน้อยใจกับการกระทำของเพื่อนเรายังไงเพราะกลัวว่าเค้าจะเบื่อหรือมองเราแย่ไปที่เราทำอย่างนั้นหรือรู้สึกอย่างนี้ หรือบางครั้งเวลาเราพูดไปเค้าก็ไม่ฟังเราจนเราต้องเก็บมันไว้คนเดียวบางครั้งพอไม่มีคนอยู่ก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเลย และมักจะไม่แสดงด้านที่เป็นตัวเองจริงๆออกมาให้คนอื่นเห็นแม้แต่กับพ่อแม่หรือใครก็ตาม เรามักจะเก็บมันไว้ในใจแล้วแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าเราเอนจอยกับเรื่องที่เค้าเล่าหรือบางครั้งก็แคร์ว่าเค้าจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่เราพูดไปมากไหมแคร์ว่าเค้าจะคิดว่าเรารับฟังเค้าไม่มากพอหรือเปล่า
โดยเมื่องสองสามปีมานี้เราเริ่มระบายความรู้สึกนึกคิดต่างๆของตัวเองที่บอกใครไม่ได้ลงไปในที่ๆตัวเองสามารถเห็นได้คนเดียวแล้วทำอย่างนั้นมาตลอด เขียนเองตอบเองเล่าให้ตัวเองฟัง เขียนให้กำลังใจตัวเองไว้แล้วกลับมาอ่านเองตอนเศร้าๆ คล้ายๆไดอารี่แต่ข้อความส่วนใหญ่เป็นการคุยกับตัวเองซะหมดหรือในหัวเราบางครั้งเราก็เหมือนมีความคิดสองความคิดคุยกันเองในหัวแบบความคิดนึงก็ซ้ำเติมตัวเองว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อีกความคิดนึงก็จะบอกว่าเราทำดีที่สุดแล้วและให้กำลงใจปลอบใจตัวเอง แต่ทุกๆครั้งที่เรารู้สึกฟีลแบดมากๆและเราอยู่คนเดียวไม่ว่าจะเศร้าเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องพ่อแม่เราก็จะร้องไห้ออกมาค่ะ ปล่อยให้ตัวเองได้ระบายอารมณ์ออกมาคนเดียวแล้วคิดเสมอว่าไม่มีใครรักเรารับฟังเราให้กำลังใจเราได้มากเท่าตัวเราเองอีกแล้ว เราเนี่ยแหละรักตัวเองที่สุด
จนเมื่อไม่นานมานี้เราเริ่มเปลี่ยนความคิดจากเดิมว่าการกระทำในการระบายอารมณ์เศร้าเหงาของตัวเองแบบนี้มันดีจริงๆแล้วหรอ วิธีการที่เราทำนี้มันช่วยให้เราสบายใจขึ้นหรือยิ่งเศร้ากว่าเดิมกันแน่ที่สุดท้ายมันก็ดูจะหมายความว่าเราไม่มีใครอยู่ข้างๆเลยหรือเปล่า เรารู้สึกโดดเดี่ยวและเหงามากๆค่ะ แม้ว่าตอนที่เราใส่หน้ากากเป็นผู้รับฟังที่น่ารักหรือเพื่อนที่คอยรับฟังคนอื่นตลอดจะเป็นคนที่ดูมีความสุขกับชีวิต แต่ตัวเราคนที่เป็นเราเองกลับถูกเก็บไว้คนเดียวโดยที่บอกใครไม่ได้
สรุปรวมๆแล้ว วิธีการคุยกับตัวเองที่เราทำอยู่นี้มันถือว่าเป็นปรกติของคนเหงาไหมคะ หรือว่าตัวเราควรไปหาวิธีแก้ไขหรือบำบัดทางอื่นมั้ย อย่างหาอะไรทำนี่เราก็ทำบ่อยๆนะคะแต่พอหยุดทำแล้วก็รู้สึกเหมือนเดิมหรือพอมีเรื่องอะไรที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้อีกก็จะพาลรู้สึกไม่อยากทำอะไรขึ้นมาอีก เราคิดว่าเราเองคงเปิดใจพูดเรื่องนี้กับเพื่อนไม่ได้จริงๆ แต่เราก็ยังอยากไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวแบบนี้ต่อไป
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านหรือแสดงความคิดเห็นนะคะ
เป็นคนรับฟังคนอื่นตลอดแต่เรื่องของตัวเองดันเก็บไว้คนเดียวจนรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว ควรทำยังไงดีคะ?
เกริ่นก่อนคือพอเริ่มโตขึ้นอะค่ะ เรารู้สึกว่าการเข้าสังคมในปัจจุบันนี้อะค่ะมันคือการที่เราต้องปั้นหน้าหรือสร้างตัวตนอีกคนหนึ่งที่ต้องดูดีในสายตาคนอื่นตลอดเพื่อให้เราเป็นเพื่อนกับเค้าได้
อย่างตัวเราเอง คือเราเป็นเด็กคนนึงที่มีเพื่อนและกำลังอยู่ในวัยเรียนค่ะเพื่อนเราก็เป็นกลุ่มเล็กๆ คือเรามักจะมีเพื่อนคนนึงที่เราสนิทด้วยในระยะเวลาหนึ่งตลอด อย่างปีนี้สนิทกับคนนี้มากกว่าคนอื่นๆในกลุ่มไปไหนไปกันตลอด ปีต่อไปสนิทกับอีกคนหรืออาจเป็นคนเดิมวนๆกันไป
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ไม่ว่าเราจะสนิทกับใครเราก็มักจะเป็นฝ่ายรับฟังเสมอค่ะ โดยที่ส่วนใหญ่วัยเรียนอย่างเราก็ไม่พ้นเกลียดคนนู้นชอบคนนี้อย่างนี้เนอะ คือตัวเราเองเราไม่มีคนที่ชอบหรือคนที่มาชอบหรือเรื่องราวอะไรต่างๆที่ดูพิเศษกว่าคนอื่น แต่เพราะเพื่อนเรามี เค้าก็เลยมักจะมาพูดมาบ่นให้เราฟังเสมอค่ะ โดยทุกเรื่องนั้นเป็นเรื่องของตัวเค้าเองและเพื่อนคนอื่นๆหรือคนที่เค้าชอบ แบบว่าทุกเหตุการณ์ที่เค้ามาขอความเห็นจากเราล้วนไม่ใช่เรื่องของเราเลยแต่ทุกครั้งสิ่งที่เราทำก็คือรับฟังแล้วเสนอความเห็นทำเป็นว่าตัวเองมีอารมณ์ร่วมไปกับบทสนทนาทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว
จนมากๆเข้าก็ดันเป็นว่าตัวเราเองไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายพูดให้คนอื่นฟังว่าเราเจออะไรมาเราคิดเห็นยังไงเราเศร้าหรือน้อยใจกับการกระทำของเพื่อนเรายังไงเพราะกลัวว่าเค้าจะเบื่อหรือมองเราแย่ไปที่เราทำอย่างนั้นหรือรู้สึกอย่างนี้ หรือบางครั้งเวลาเราพูดไปเค้าก็ไม่ฟังเราจนเราต้องเก็บมันไว้คนเดียวบางครั้งพอไม่มีคนอยู่ก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเลย และมักจะไม่แสดงด้านที่เป็นตัวเองจริงๆออกมาให้คนอื่นเห็นแม้แต่กับพ่อแม่หรือใครก็ตาม เรามักจะเก็บมันไว้ในใจแล้วแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าเราเอนจอยกับเรื่องที่เค้าเล่าหรือบางครั้งก็แคร์ว่าเค้าจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่เราพูดไปมากไหมแคร์ว่าเค้าจะคิดว่าเรารับฟังเค้าไม่มากพอหรือเปล่า
โดยเมื่องสองสามปีมานี้เราเริ่มระบายความรู้สึกนึกคิดต่างๆของตัวเองที่บอกใครไม่ได้ลงไปในที่ๆตัวเองสามารถเห็นได้คนเดียวแล้วทำอย่างนั้นมาตลอด เขียนเองตอบเองเล่าให้ตัวเองฟัง เขียนให้กำลังใจตัวเองไว้แล้วกลับมาอ่านเองตอนเศร้าๆ คล้ายๆไดอารี่แต่ข้อความส่วนใหญ่เป็นการคุยกับตัวเองซะหมดหรือในหัวเราบางครั้งเราก็เหมือนมีความคิดสองความคิดคุยกันเองในหัวแบบความคิดนึงก็ซ้ำเติมตัวเองว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อีกความคิดนึงก็จะบอกว่าเราทำดีที่สุดแล้วและให้กำลงใจปลอบใจตัวเอง แต่ทุกๆครั้งที่เรารู้สึกฟีลแบดมากๆและเราอยู่คนเดียวไม่ว่าจะเศร้าเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องพ่อแม่เราก็จะร้องไห้ออกมาค่ะ ปล่อยให้ตัวเองได้ระบายอารมณ์ออกมาคนเดียวแล้วคิดเสมอว่าไม่มีใครรักเรารับฟังเราให้กำลังใจเราได้มากเท่าตัวเราเองอีกแล้ว เราเนี่ยแหละรักตัวเองที่สุด
จนเมื่อไม่นานมานี้เราเริ่มเปลี่ยนความคิดจากเดิมว่าการกระทำในการระบายอารมณ์เศร้าเหงาของตัวเองแบบนี้มันดีจริงๆแล้วหรอ วิธีการที่เราทำนี้มันช่วยให้เราสบายใจขึ้นหรือยิ่งเศร้ากว่าเดิมกันแน่ที่สุดท้ายมันก็ดูจะหมายความว่าเราไม่มีใครอยู่ข้างๆเลยหรือเปล่า เรารู้สึกโดดเดี่ยวและเหงามากๆค่ะ แม้ว่าตอนที่เราใส่หน้ากากเป็นผู้รับฟังที่น่ารักหรือเพื่อนที่คอยรับฟังคนอื่นตลอดจะเป็นคนที่ดูมีความสุขกับชีวิต แต่ตัวเราคนที่เป็นเราเองกลับถูกเก็บไว้คนเดียวโดยที่บอกใครไม่ได้
สรุปรวมๆแล้ว วิธีการคุยกับตัวเองที่เราทำอยู่นี้มันถือว่าเป็นปรกติของคนเหงาไหมคะ หรือว่าตัวเราควรไปหาวิธีแก้ไขหรือบำบัดทางอื่นมั้ย อย่างหาอะไรทำนี่เราก็ทำบ่อยๆนะคะแต่พอหยุดทำแล้วก็รู้สึกเหมือนเดิมหรือพอมีเรื่องอะไรที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้อีกก็จะพาลรู้สึกไม่อยากทำอะไรขึ้นมาอีก เราคิดว่าเราเองคงเปิดใจพูดเรื่องนี้กับเพื่อนไม่ได้จริงๆ แต่เราก็ยังอยากไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวแบบนี้ต่อไป
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านหรือแสดงความคิดเห็นนะคะ