ทุกสิ่งทุกอย่างทุกชีวิตล้วนเริ่มต้นที่ปลายเชือกด้านหนึ่งและจบลงที่ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งทั้งสิ้น เราใช้ชีวิตอยู่บนเชือกของตัวเองและการที่เชือกจะมีความหนักเบาหนาบางเรียบหรือขรุขระทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราสถานการณ์ภายนอกเป็นเพียงภาพเสมือนจริงที่ทำให้เราเรียนรู้และทำความเข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราประสบพบเจอทุกคนทุกสถานการณ์ทุกๆความคิดทุกๆอารมณ์ทุกๆความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเราล้วนเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจ รูปแบบของปัญหาอาจแตกต่างแบ่งออกได้เป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งปัญหาทุกปัญหามีทางเข้าและทางออกอยู่บนปลายเชือกคนละด้านเหมือนกับเกิดและตายเพราะฉะนั้นถ้าเรารู้วิธีเราก็สามารถจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาหมดไปในบางกรณีขึ้นอยู่กับว่าใครคือผู้ก่อปัญหา ถ้าเราคือผู้ก่อเราก็ต้องเป็นผู้แก้ไข ถ้าผู้อื่นเป็นผู้ก่อผู้อื่นก็ต้องเป็นผู้แก้ไข การลงลึกรายละเอียดถึงที่มาที่ไปของปัญหาด้วยใจที่เป็นกลางไม่กล่าวหาหรือกล่าวโทษผู้ใดรวมทั้งตัวเราเองด้วยจะทำให้เราสามารถมองเห็นและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างท่องแท้และเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นใจผู้อื่นแทนเป็นเหตุให้เราสามารถปลดปล่อยความคิดที่เกิดขึ้นที่ทำให้เรามีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับผู้อื่นได้เป็นเหตุให้เราสามารถปล่อยวางได้โดยอัตโนมัติ
ความสามารถในการรับรู้และมองเห็นหรือเข้าถึงเข้าใจสถานการณ์ที่แตกต่างกันของมนุษย์ขึ้นอยู่กับจิตที่ปล่อยวางและจิตที่ยึดติดของเราเอง จิตคือคลื่นพลังงาน จิตไม่สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้แต่จิตสามารถแยกแยะคลื่นพลังงานด้านลบและพลังงานบวกได้จึงทำให้จิตมีความรู้สึกและความคิดที่แบ่งแยกออกไปตามคลื่นพลังงานที่เข้ามาตกกระทบ เราจะเห็นได้ว่ากฎของการดึงดูดเริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ความคิดเมื่อเราคิดสิ่งใดเราก็จะได้รับผลจากความคิดนั้น 100% ไม่มีข้อยกเว้น แต่เรามองไม่เห็นเราจึงไม่รู้ตัวว่ากฎของแรงดึงดูดได้ทำหน้าทีของเค้าแล้วเพราะเรามัวแต่มุ่งความคิดไปที่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากภายนอก ซึ่งปัจจัยที่เพิ่มขึ้นทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างออกไป เมื่อไหร่ที่เราสามารถลดปัจจัยที่เพิ่มขึ้นลงได้เราก็จะได้ผลลัพธ์จากการกระทำของเรา 100% เช่นเดิม
ความแตกต่างของมนุษย์เกิดจากจิตมนุษย์ที่มีการสะสมคลื่นพลังด้านบวกหรือด้านลบมากน้อยกว่ากันซึ่งเป็นผลทำให้เรามีแนวโน้มในการดำเนินชีวิตตามพลังงานด้านบวกและพลังงานลบที่เราเลือกหยิบขึ้นมาปฎิบัติ ผลลัพธ์ที่ได้อาจช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะได้รับผลของการกระทำของเรา 100% ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น.
ชีวิตมนุษย์เปรียบได้กับเชือกเส้นหนึ่ง
ความสามารถในการรับรู้และมองเห็นหรือเข้าถึงเข้าใจสถานการณ์ที่แตกต่างกันของมนุษย์ขึ้นอยู่กับจิตที่ปล่อยวางและจิตที่ยึดติดของเราเอง จิตคือคลื่นพลังงาน จิตไม่สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้แต่จิตสามารถแยกแยะคลื่นพลังงานด้านลบและพลังงานบวกได้จึงทำให้จิตมีความรู้สึกและความคิดที่แบ่งแยกออกไปตามคลื่นพลังงานที่เข้ามาตกกระทบ เราจะเห็นได้ว่ากฎของการดึงดูดเริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ความคิดเมื่อเราคิดสิ่งใดเราก็จะได้รับผลจากความคิดนั้น 100% ไม่มีข้อยกเว้น แต่เรามองไม่เห็นเราจึงไม่รู้ตัวว่ากฎของแรงดึงดูดได้ทำหน้าทีของเค้าแล้วเพราะเรามัวแต่มุ่งความคิดไปที่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากภายนอก ซึ่งปัจจัยที่เพิ่มขึ้นทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างออกไป เมื่อไหร่ที่เราสามารถลดปัจจัยที่เพิ่มขึ้นลงได้เราก็จะได้ผลลัพธ์จากการกระทำของเรา 100% เช่นเดิม
ความแตกต่างของมนุษย์เกิดจากจิตมนุษย์ที่มีการสะสมคลื่นพลังด้านบวกหรือด้านลบมากน้อยกว่ากันซึ่งเป็นผลทำให้เรามีแนวโน้มในการดำเนินชีวิตตามพลังงานด้านบวกและพลังงานลบที่เราเลือกหยิบขึ้นมาปฎิบัติ ผลลัพธ์ที่ได้อาจช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะได้รับผลของการกระทำของเรา 100% ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น.