ต้องเตรียมรับความโสดยังไง หลังจากเคยมีคนรักมา 25 ปี

เป็นกระทู้แรกที่เขียน ตอนนี้เศร้า และ สับสนมากๆ รู้สึกชีวิตไม่มีความสุขเลยค่ะ
อยากถามเพื่อนๆว่า ถ้าเราจะต้องเป็นโสด หลังจากผ่านการแต่งงานมา 9 ปี และคบมา ก่อนแต่งอีก 15 ปี เราต้องทำยังไงบ้าง เราต้องเตรียมตัวยังไง

อายุ 44 ปีแล้วค่ะ ไม่มีลูก เราป่วยบ่อย ไม่แข็งแรง  สามีเราเจ้าชู้มาก  เรื่องนี้เรารู้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว แต่เราก็ยังยอมแต่ง เพราะเชื่อในคำพูดที่ว่าจะไม่ทอดทิ้ง จะอยู่ดูแลกันไปตลอดชีวิต หลังแต่งไม่นาน ก็มีผู้หญิงเข้ามา แต่ครั้งนั้นจบลงด้วยแฟนเราเลือกที่จะอยู่กับเราเหมือนเดิม

จนตอนนี้ ผ่านมาอีก 7 ปี ก็จับได้ว่ามี ผู้หญิงอีกคน เราก็เข้าสู่โหมดเดิม เครียด เศร้า กลุ้ม ท้อแท้ เหนื่อย เราอยากเดินออกมา  แต่ก็กลัวค่ะ เรากลัวการอยู่คนเดียว กลัวการเป็นโสด กลัวไม่สบาย กลัวทุกอย่างเลย แต่มันคือการสองจิตสองใจ เหมือนยืนอยู่ ตรงหน้าผา แล้วกำลังคิดว่า กระโดดดีมั้ย กระโดดลงไปแล้วจะเจออะไร เราจะรอดมั้ย เราคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่จะกระโดด หน้าผา ช่วยให้คำแนะนำเราได้มั้ยคะ ตอนนี้เราไม่มีสมาธิในการทำงานเลย เหนื่อยและท้อมากๆเลยค่ะ

**ขอแก้ไขและลบเนื้อหา กลัวจะเป็นปัญหาน่ะค่ะ  ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะคะ มีประโยชน์กับเรามากค่ะ เรามีกำลังใจมากขึ้น และจะเข้มแข็งให้ได้โดยเร็วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 110
ขอมาเป็นกำลังใจให้ จขกท นะครับ

ผมขออนุญาติเปรียบเปรยนะครับ ผมคิดว่าสภาวะของ จขกท เหมือนเป็น กบ ที่กำลังถูกต้มอยู่ในน้ำ (อ่าน ทฤษฎีต้มกบได้ที่ https://m.facebook.com/dr.sinchai/photos/a.302884133111380.75319.165194050213723/525815230818268/ )

เข้าใจว่า จขกท ชินกับสภาวะที่เคยเป็นมา แม้จะหวานอมขมกลืน แต่ก็ดีกว่าไม่มีเค้าอยู่ด้วย แต่หารู้ไม่ว่าการที่อยู่อดทนไปเรื่อยๆ ซักวันเราก็จะถูกต้มตายแบบไม่มีใครเหลียวแล

ข้างหน้าของ จขกท มันไม่ใช่เหวหรอกครับ มันเป็นแค่ความว่างเปล่า ที่เราไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร แต่ข้างหลังของเรา เราเคยผ่านมันมา เรารู้เพราะเราเคยเห็น เราเลยคิดว่าเราอยู่กับมันได้ แต่ถ้าที่ๆเราอยู่มันเป็นโคลน ที่ค่อยๆดูดเราลงไปเรื่อยๆล่ะ ดูเหมือนเราชิน เราอยู่ได้ แต่เรากำลังจะตาย

ข้างหน้า ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่ามันจะดีหรือจะแย่กว่าเดิม แต่การเลือกเดินไปข้างนอก อย่างน้อยมันก็คือการให้โอกาสตัวเองที่จะมีชีวิตรอดต่อไป เพราะถ้าอยู่ต่อก็ตายซากแน่นอน

มนุษย์เราไม่ได้กลัวการเปลี่ยนแปลงหรอกครับ เราแค่กลัวสิ่งที่เราไม่รู้ เราจึงอดทนต่อสิ่งที่เราเคยเจอแม้ว่าสิ่งนั้นจะจรรลัยแค่ไหนก็ตาม

ช่วงเวลาแรกๆที่เรายอมก้าวออกมา มันย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดาครับ ถ้า กบ ตัวนั้น ยอมกระโดดจากหม้อต้ม มันก็ต้องทรมาน สับสน กับอุณหภูมิ ที่เปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน มันอาจรู้สึกหนาว ทั้งๆที่เป็นอุณหภูมิปกติ ก็เป็นเพราะมันชินกับน้ำร้อนที่มันอยู่มานาน

ลองมองคนที่เค้าติดยาเสพติดสิครับ ทำไมเค้าถึงไม่เลิกกัน ทั้งๆที่มันก็ทำร้ายเค้าทุกอย่าง นั้นเป็นเพราะนอกจากเค้าเหล่านั้นยังลุ่มหลงต่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวที่ยามันหลอก  เค้ายังกลัวการเลิก ความเจ็บปวดของร่างกายที่จะไม่ได้เสพ ทั้งหมดก็เพราะจิตใจเค้าอ่อนแอ

แต่คนที่เค้ายอมเลิกเสพยา แรกๆร่างกายมันต้องทรมาน ต้องปวดร้าว แต่เมื่อผ่านไปได้ เค้าก็ได้เกิดใหม่กัน

ครั้งนึงผมก็เคยตัดสินใจก้าวออกมาจากเรื่องแย่ๆ ผลของมัน แน่นอนว่าทรมานมากๆๆ จนหลายครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ารู้ว่าต้องทรมานแบบนี้ สู้ยอมอยู่แบบ้ดิมดีกว่า แต่ ณ ตอนนั้นภายในใจลึกๆๆๆ ก็รู้ดีว่า เราก้าวออกมาแล้ว เราจะถอยไม่ได้ live must go on ผมท่องคำนี้เสมอ

บางคนเคยพูดเอาไว้ว่า แค่ผมยอมลุกออกจากหลุม และไม่หันกลับไป ผมก็พ้นแล้ว คำนี้ง่าย แต่ทำยากมาก

ผมอยากให้กำลังใจ จขกท ลองให้โอกาสตัวเองนะครับ มันจะเจ็บปวด มันจะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่ผลของมัน ผมเชื่อว่ามันยิ่งกว่าคุ้มค่า เพราะ จขกท จะได้พบกับแสงสว่าง และคำตอบว่าทำไมถึงต้องเคยเจอเรื่องแย่ๆในชีวิต เพราะความสุขที่แท้จริง เราจะได้เจอก็ต่อเมื่อเราผ่านเรื่องเลวร้ายมาครับ

ไม่มีทุกข์ เราย่อมไม่รู้ว่ามีความสุข ลองออกจากความทุกข์ นะครับ และขอให้ จขกท ได้เจอความสุขที่มาจากข้างใน ไวๆ

เป็นกำลังใจให้เสมอ นะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
คนที่อายุขนาดนี้ เลิกกันแล้ว มักจะไม่ได้แต่งงานใหม่อีก

ส่วนหนึ่ง เพราะเราอายุมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น เลือกเก่ง ดูออกว่า คนไหนดี คนไหนไม่ดี
ส่วนหนึ่งเพราะเรามีคนให้เลือกน้อย แต่ละคนที่เหลือมาให้เราเลือก ก็ดูแทบไม่ได้เลย

คนที่เคยสละที่นั่งให้คนอื่น ทั้งที่ตัวเองอยู่ไกล จำเป็นต้องนั่ง จะเจ็บปวดมากเมื่อที่นั่งที่เราให้เขาไปนั้น
เขานั่งไม่ถึง 5 นาทีก็ลุกไปแล้ว เรากลับต้องยืนอีกเป็นชั่วโมง กว่าจะลง

สาเหตุที่เราลุกจากที่ เพราะเราทนต่อสิ่งเร้าข้างหน้าไม่ได้ เราตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

ผู้ชายคนนี้ อาจจะไม่ดีพอในสายตาคนอื่น แต่ก็ดีพอสำหรับคุณ 25 ปีที่ผ่านมา บอกว่า คุณกับเขาเข้ากันได้
แต่เขาไม่ดีพร้อม เขามีตำหนิ มีจุดอ่อน คุณรู้ดี เหมือนคนที่ซื้อแก้วร้าว

คุณถามแก้วว่า ไม่ร้าวได้ไหม ไม่ร้าวไปกว่านี้ได้ไหม
แก้ว ตอบคุณไม่ได้ เพราะเขาเองก็แก้นิสัยนี้ของเขาไม่ได้

ถ้าคุณทิ้งขว้างเขา ไม่อยากได้แล้ว คนแบบนี้ เขาก็คงได้แต่ทำใจ

ผู้หญิงบางคน รู้ว่า ถ้าเลิกกัน ชีวิตที่เหลือ เธออยู่ได้ แต่เธอจะไม่มีความสุขแบบนี้อีก
จึงเลือกที่จะไม่เลิก ปล่อยให้คนที่ผ่านมา ผ่านไปทีละคน ฉันมาก่อน ฉันไม่ลุกจากที่ ใครก็เอาที่นั่งฉันไปไม่ได้

ถ้าคิดจะเลือกแบบนี้ ก็อย่าไปเปิดศึกท้าเลิกกับเขาอีกเลย เราไม่สวยเหมือนก่อนแล้ว แต่เราฉลาดขึ้น
แต่ถ้าคุณคิดว่า พอแล้ว ฉันไม่ต้องการชีวิตแบบนี้ ความเห็นบน ๆ ก็แนะนำไว้ดีแล้ว
ความคิดเห็นที่ 41
จริงๆถ้าเป็นเรา เราจะถามอะไรตัวเองหลายๆอย่าง

เช่น เวลาที่เราป่วย เค้าดูแลเราเป็นอย่างดีไหม ถึงแม้เค้าจะมีไปกินนอกบ้าน แต่พาไปโรงพยาบาลรึเปล่า
และถ้าคุณเลิกกับเขา คุณมีคนอื่นที่สามารถทำตรงนี้แทนได้ไหม
หรือไหวมั้ยที่จะทำมันทุกอย่างด้วยตัวเอง
ถ้าคำตอบคือไม่ได้ คุณสามารถอยู่กับเค้าแบบไม่รักเค้าได้หรือไม่
มองให้เค้าเป็นแค่คนขับรถไปส่งอะไรแบบนี้

ถ้าออกมาจากชีวิตเค้า เรามีที่อยู่อื่นรึเปล่า ไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ได้ไหม
หรือถ้าบ้านที่อยู่เป็นของเรา เราไล่เค้าออกไปได้หรือไม่

จริงๆเราสนับสนุนให้คุณทำอย่างที่คุณความคิดเห็นที่ 11 บอก
แต่เราเชื่อว่า จุดจบอาจจะไม่ได้มีแค่ 2 ข้อ มันจะมีข้อที่ 3
คือ เค้าจะไม่เลิกกับคุณ แต่ก็ยังหากินกับคนข้างนอกต่อไป
ถ้าจบกับคนนี้ได้ เดี๋ยวเค้าก็เปลี่ยนคนใหม่ได้อีก
คุณต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกชั่วชีวิตเลยนะ

คุณจะยังมีความสุขกับอะไรแบบนั้นอยู่หรอ
คุณมองหน้าสามีตัวเองแล้วไม่รู้สึกขยะแขยงหรอคะ
แล้วอย่าหวังว่าเค้าจะเปลี่ยนตัวเองได้
25 ปีที่ผ่านมา มันได้พิสูจน์อะไรมามากพอแล้วค่ะ

ถ้าคุณเดินออกมา จริงอยู่มันจะทรมานแหละช่วงแรกๆ
แต่มันจะดีขึ้นถ้าเรารู้สึกรักตัวเองให้มากกว่านี้
โลกนี้มีอะไรที่เราทำได้เยอะแยะค่ะ หาคอร์สเรียนอะไรก็ได้ค่ะ
หาอะไรที่ยังทำไม่เป็นลองทำดู ทำอาหาร ออกกำลังกาย ดำน้ำ ตกปลา ยิงธนู บลาๆๆ

อย่าลืมมองตัวเองในกระจก ลองยิ้มให้เค้าดู
ถามตัวเองว่า รอยยิ้มแบบนี้หายไปนานแค่ไหนแล้ว
แล้วผู้หญิงคนนี้ต้องมาเจออะไรแบบนี้หรอ
แล้วตะโกนดังๆเลยค่ะ เราสวย เราเก่ง เรื่องแค่นี้ทำไมจะผ่านไปไม่ได้ ฮึ๊บไว้ค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 1
โสดแบบมีคุณค่า ดีกว่าเสียเวลาให้คนบ้าๆ มองไม่มีคุณค่าเรา
เป็นกำลังใจให้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่