หมดกันโลกสวย... ประสบการณ์การทำงานจริง 6 เดือนแรกของชีวิต

ไม่ต้องเกริ่นนำมากมายนะคะ กระทู้บ่นสนอง need ตัวเองเช่นเคย

ณ วันนี้ก็เป็นวันที่ทำงานที่แรกได้ครบ 6 เดือน ตอนแรกที่เพิ่งเข้ามาทำงาน มองทุกอย่างเป็นบวกไปหมด (ดังวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ยังไงยังงั้นเลย 55) คนส่วนใหญ่ก็ดูดีมีความรู้พร้อมให้ความช่วยเหลือ บริษัทข้ามชาติดูมีความมั่นคงน่าจะฝากชีวิตไปได้อีกนาน สวัสดิการก็ดีใช้ได้เลย
แต่ยิ่งทำก็ยิ่งรู้มากขึ้น ชีวิตการทำงานมันก็ไม่ต่างอะไรกับตอนเรียนหนังสือ โดยเฉพาะ คน ที่มีนิสัย การศึกษา ภูมิหลัง ต่างๆกันไป มีทั้งคนที่เราชอบและไม่ชอบ

ความจริงที่ได้เรียนรู้ (นี่ทำงานได้แค่แป๊ปเดียวเองนะ)

1. คนที่เป็นหัวหน้าอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ทำได้หลายอย่าง แต่อาจไม่ใช่ specialist
2. คนที่เรามองว่าตำแหน่งสูง ชีวิตดูรวยโก้ใช้ของแบรนด์ พอน้ำลดตอย่อมผุด คดโกงบริษัทบ้าง ก็มี
(คนดีชั่ว วัดกันที่เงิน ไม่ได้เลย... นักการเมือง รวยแล้วเป็นพันล้าน ก็ยังโกง)
3. เช่นเดียวกัน คนที่ตำแหน่งสูง เงินเดือนเยอะ มีหลายคนที่ไม่ตรงต่อเวลา ไม่ให้เกียรติคนอื่น
ตอนเรียนเคยคิดว่า วัยทำงานแล้ว ต้องตรงเวลามากแน่ๆ เพราะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ในความเป็นจริง คือ นิสัยเดิมๆ ย่อมแก้ได้ยาก จะวัยไหนก็ไม่เกี่ยว

4. มักมีการพูดถึงกันลับหลังอยู่เสมอๆ (นินทา? แซว?) ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานต๊อกต๋อย ก็จะยังมีคนให้ความสนใจ(รึเปล่า)
5. เกี่ยงงานกัน ไม่มีใครรับผิด โยนอุจจาระกันไปมา
6. ในขณะที่บริษัทพยายามยัดเยียดอุดมการณ์ให้พนักงานทำงานร่วมกันเพื่อผลประกอบการที่ดีขึ้น สุดท้ายแล้วพนักงานก็ทำเพื่อตัวเองอยู่ดี ไม่ใช่เพื่อส่วนรวม ถ้าข้ามแผนก โดยเฉพาะไม่รู้จักกันมาก่อน เค้าก็ไม่คิดจะช่วยเรา เมื่อเราไปขอความช่วยเหลืออยู่ดี แต่กลับมองเราเป็นตัวปัญหาที่ไปหางานให้เค้าเพิ่มขึ้น

7. คนที่เราคิดว่าเราสนิทด้วย อาจไม่ได้รู้สึกสนิทกับเราก็เป็นได้
อันนี้ผิดหวังเล็กน้อย เพราะเราเป็นคนค่อนข้างจริงใจกับทุกคนที่เข้ามา สิ้นเดือนก่อนเพื่อนในแผนกลาออกจากงาน เราก็หวังดีคิดว่าเดี๋ยวเค้าทำงานวันสุดท้ายแล้วนะ จะไปกินข้าวเที่ยงด้วย เอาแบบพร้อมหน้าพร้อมตา พอเราเข้าไปถามเค้า บอกแต่ว่าจะไปข้างนอก ถามอีกคน ก็บอกเดี๋ยวไปข้างนอก (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียด) ทำตัวลับๆล่อๆกัน

แต่พอสิบนาทีก่อนเที่ยง เพิ่งมารู้ว่าคนที่จะออก(รวมกับอีก 3-4 คน) นัดกันไปเลี้ยงอำลาข้างนอกละ และก็ทำเหมือนคนในแผนกคนอื่นๆที่เหลือเป็นอากาศธาตุ ทำนองว่า นัดแต่คนที่สนิทว่างั้นเถอะ ทำยังกับรถที่นั่งไม่พอเลยชวนไม่ได้

สรุป ก็คือ ถ้าอยากสนิทกับใคร ก็ต้องเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะบ่อยๆ หาเรื่องชวนคุย ต้องขอ add friend บน facebook ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ทำงาน เพื่อเม้าท์มอย ไม่งั้นคุณก็จะหลุดจากวงโคจร เค้านัดอะไรก็จะไม่เห็นหัวคุณ เพราะคุณไม่ใช่กลุ่มเค้า(ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กมัธยมในหนัง Mean Girls ยังไงยังงั้น)

----ดังนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป เรียนรู้ต่อไป อย่าให้ใจใคร อย่าคาดหวังสิ่งใดจากใคร นอกจากตัวเอง จะดีที่สุด----
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
1. นายใหญ่บริหารโอกาส นายรองบริหารคน นายน้อยบริหารงาน ส่วนคนทำงานคือลูกน้อง
2.-3. ตำแหน่งสูงและร่ำรวย ก็บอกได้แน่ๆว่ามาจากการได้รับโอกาส บอกได้บ้างว่าอาจจะมี
ความสามารถดี แต่บอกไม่ได้เลยว่าเป็นคนอย่างไร
4. พูดกันลับหลังก็ว่านินทา พูดต่อหน้าก็ว่าด่า ไม่พูดถึงเลยก็ว่าไม่ใส่ใจกันหรือไม่มีตัวตนไป
เอาไว้ถ้าเจอใครที่ชอบพูดถึงแต่หมาที่บ้าน มันอาจจะน่ารำคาญใจกว่านี้อีก
5. เป็นธรรมชาติของคน วันก่อนมีข่าวคนขโมยทองกลืนลงท้อง พอตร.จับได้ก็บอกว่าผีสั่งให้
ทำ -*- ถ้ามีคนชอบรับผิดมันจะแปลกคนไปเสียอีก
6. สมัยนี้เป็นระบบสายพานการผลิต ทุกคนทำงานที่ตัวเองถนัดไปซ้ำซากอยู่อย่างนั้น แล้วก็
จะมีคนเอาส่วนประกอบต่างๆทั้งหมดมาแม็กซ์รวมกันเป็นชิ้นงานเดียวออกขายให้เอง
7. แยกมิตรกับพันธมิตร ให้ออก มิตรคือคนที่คบกันด้วยอุปนิสัยใจคอที่ตรงกัน พันธมิตรคือคน
ที่คบกันด้วยผลประโยชน์หรือความจำเป็นที่ตรงกัน ในชีวิตของเราก็ต้องมีทั้งสองอย่างขาดไม่
ได้เพราะมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแต่เราต้องแยกแยะให้ได้เพื่อการปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง
ความคิดเห็นที่ 10
ข้อสำคัญอย่าเผลอว่าบุคคลที่สามให้ใครฟัง แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนชวนคุยหรือเปิดประเด็นก็ตามที
เพราะเวลาเค้าเอาไปเมาส์ต่อนั้น เค้าไม่บอกใครหรอกว่าตัวเองเองใส่ไฟอะไรหรือว่าพูดอะไรมั่ง
เค้าจะพูดแค่ว่า เราพูดอะไร เราว่าอะไรใคร และเราจะดูร้าย ดูเป็นคนเลวมากๆๆๆๆๆทันที
ระวังให้ดีๆ ยิ่งคนที่วางตัวดี น่าเชื่อถือ เฟรนลี่ คุยได้หมดกับทุกคน ไว้ใจพี่ได้ระบายออกมาเถอะนี่แหละตัวแม่เลยคร๊าาาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่