MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะ
ยู้ฮู สวัสดีค่ะ วันนี้นู๋สร้างชาติทำหน้าที่ ใกล้ถึงวันไอศครีมแล้ว เรามาปาร์ตี้ไอศครีมกันเถอะ เดี๋ยวนู๋จะพาไปรู้จักประวัติไอศครีม ทั้งของต่างประเทศและในไทยด้วย
วันไอศครีม National Ice Cream Day
เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่า ไอศครีม ของโปรดใครหลายๆ คน จะมีวันไอศครีม National Ice Cream Day ด้วย แล้ววันไอศครีมนี้มีที่มาอย่างไร? ไปดูกันเลย
- ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคมนั้น จะถูกกำหนดให้เป็น วันไอศครีม (National Ice Cream Day) ดังนั้นใน
ปี 2017 นี้ วันไอศครีมก็จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม อีก 2 วันเอง ใครสะดวกก็พาครอบครัวไปฉลองปาร์ตี้ไอศครีมแล้วกันนะคะ นู๋ก็เล็งไว้แล้ว ฮี่ๆๆ
- ย้อนกลับไปในปี 1984 ประธานาธิบดี โรนัลด์ รีแกน แห่งสหรัฐได้ประกาศกำหนดให้เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนไอศครีมครับ เหตุผลก็เพราะว่า 90% ของคนอเมริกันนั้นนิยมทานไอศครีมกันนั่นเองค่ะ
- และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ มีการกำหนด วันฉลองไอศครีมรสต่างๆตลอดทั้งปี เช่น เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม วันที่ 15 นั้น เป็นวันไอศครีมรสสตรอเบอรี่ (Strawberry Ice Cream Day)
ต้นกำเนิดไอศครีม มีหลายตำนานค่ะ
การกินไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งราชอาณาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารกล้าที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาจึงเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท (Sherbet) นั่นเอง
บางกระแสก็ว่าบรรพชนชาวจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานจีนระบุว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะรู้จักการรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม
เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็กินไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ ชนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกเก็บไว้ในหิมะเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆ จนกระทั่งน้ำนมที่นำไปหมกไว้ในหิมะกลายเป็นนมแช่แข็งขึ้นมา
ต่อมาจีนได้สอนวิธีการผลิตให้กับอินเดียและเปอร์เซีย ราชวงศ์โมกุล จะมีการนำนมสดมาผสมถั่วพิสตาชิโอ ทำเป็นของหวานแช่แข็ง เรียกว่า kulfi ซึ่งเชื่อว่าเป็นแบบแรกของไอศครีมและในแนวเดียวกัน
ปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล ได้นำวิธีการผลิตไอศครีมจากจีนไปเผยแพร่ที่อิตาลี และมีการพัฒนาไปมากมายจนทำให้อิตาลีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งไอศครีมเลิศรสประมาณศตวรรษที่ 15 สกุลเมดิช ผู้ครองแคว้นพลอเรนซ์ เป็นผู้นำตำรับการผลิตไอศครีมไปเผยแพร่ที่ฝรั่งเศสและมีการแพร่หลายอย่างรวดเร็วเมื่อปี คริสต์ศักราช 1670 นายฟรานเชลโก โปรโดนิโค ได้นำไปจำหน่ายในร้านกาแฟของตน และมีการพัฒนาให้เกิดไอศกรีมกลิ่น รส ต่าง ๆ จนกระทั่งตั้งเป็น บริชน์ ผลิตขึ้น สำหรับในอังกฤษ ยุคแรกจะเรียกไอศครีมว่า กรีมไอซ์ (ครีม Cream ) หรือ ไอซด์ครีม (Iced Cream) ซึ่งที่มาของชื่ออาจมาจากลักษณะของไอศครีมยุดแรก ๆ ที่มีหน้าตาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง นั่นเอง หรือต้องการให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติดีขึ้น จนมีการพัฒนาวิธีการผลิตรวมทั้งเครื่องปั่นไอศครีม จนกระทั่งปี คริสต์ศักราช 1846 แนนซี จอห์นสัน ได้คิดเครื่องปั่นไอศครีม ที่ใช้มือหมุนได้สำเร็จ และมีการผลิตตู้เย็นได้ใน ศตวรรษที่ 19 ที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้ต้นศตวรรษที่ 20 เริ่มมีการผลิตไอศครีม ออกขายเป็นจำนวนมาก
ต้นกำเนิดไอศครีมในประเทศไทย
ไอศกรีมเริ่มเข้ามาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมตะวันตกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเผยแพร่ในสยาม หลังเสร็จประพาสอินเดีย, ชวาและสิงคโปร์
น้ำแข็งในตอนแรก ๆ ก็ยังไม่สามารถผลิตในประเทศได้ จึงต้องนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อไทยสั่งเครื่องทำน้ำแข็งเข้ามาก็เริ่มมีการทำไอศกรีมกินกันมากขึ้น ถือว่าไอศกรีมเป็นของเสวยเฉพาะสำหรับเจ้าขุนมูลนายเท่านั้น ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพบันทึกไว้ว่า
ไอศกรีมเป็นของที่วิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็กที่เขาทำกันตามบ้านเข้ามา ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมบ้างบางวันก็ไม่มี จึงเห็นเป็นของวิเศษ
โดยไอศกรีมในพระราชวังนั้นจะทำจากน้ำมะพร้าวอ่อน ใส่เม็ดมะขามคั่ว จนต่อมาเมื่อมีโรงงานทำน้ำแข็ง แต่ก็ยังถือเป็นของชั้นดี โดยมีไอศกรีมระดับชาวบ้านทำเองด้วย ในช่วงแรก ๆ นั้นไอศกรีมกะทิมีลักษณะเป็นน้ำแข็งละเอียดใส ๆ รสหวานไม่มาก และมีกลิ่นหอมของดอกนมแมว ในสมัยนั้นวิถีการกินของผู้คนจะนิยมกินอาหารกันในเรือนแพ เหมือนที่สมัยนั้นจะขายก๋วยเตี๋ยว หรือกาแฟกันบนเรือ
ลักษณะของไอศกรีมกะทิใส่ถ้วยพร้อมโรยด้วยถั่วลิสงคั่วก็มีมาตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งต่อมาไอศกรีมกะทิก็มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น จากกะทิใส ๆ ก็มีความเข้มข้น มีการใส่ลอดช่อง, เม็ดแมงลัก และขนุนฉีกเข้าไป โดยคนไทยได้ดัดแปลงไอศกรีมของต่างชาติมาเป็นไอติมกะทิ โดยใช้กะทิสดผสมกับน้ำตาลนำไปปั่นให้แข็ง เนื้อไอติมค่อนข้างใสเป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียด เวลารับประทานต้องขูดไอติมออกจากขอบหม้อโลหะเมื่อไอติมเริ่มแข็งตัว ตอนขายตักใส่ถ้วยเป็นลูก ๆ เรียกไอติมตัก กินกับถั่ว ข้าวเหนียวหรือลูกชิด บางคนกินกับขนมปังที่หั่นเป็นท่อน และมีรอยแยกเป็นร่องอยู่ตรงกลาง
ส่วน ไอศกรีมหลอด หรือไอศกรีมแท่งก็เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยใช้น้ำหวานใส่หลอดสังกะสีและเขย่าให้แข็ง และมีก้านไม้เสียบ โดยจะใส่ถังขับไปขายตามถนน สั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณเพื่อเรียกลูกค้า นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่การลุ้นไอศกรีมฟรีจากไม้เสียบที่หากมีสีแดงป้ายอยู่ก็จะได้กินฟรีอีกหนึ่งแท่งด้วย ซึ่งไอศกรีมแบบหลอดก็มีการพัฒนาจนมาเป็นไอศกรีมโบราณที่มีส่วนผสมของนมโดยมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม อาจทานเป็นแท่ง หรือตัดใส่ถ้วยรับประทานก็ได้
จากนั้นมาก็เป็นยุคของไอศกรีมแบบวัฒนธรรมตะวันตกแท้ ๆ จนถึงปัจจุบัน
ที่มา
https://teen.mthai.com/variety/57735.html
https://www.gotoknow.org/posts/333419
https://nationaldaycalendar.com/national-ice-cream-day-third-sunday-in-july/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1
https://www.stainlessworld.net/16168994/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%991
ใครชอบไอศครีมแบบไหนมาแชร์กันค่ะ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 14/7/2017 (ปาร์ตี้ไอศครีม)
ยู้ฮู สวัสดีค่ะ วันนี้นู๋สร้างชาติทำหน้าที่ ใกล้ถึงวันไอศครีมแล้ว เรามาปาร์ตี้ไอศครีมกันเถอะ เดี๋ยวนู๋จะพาไปรู้จักประวัติไอศครีม ทั้งของต่างประเทศและในไทยด้วย
วันไอศครีม National Ice Cream Day
เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่า ไอศครีม ของโปรดใครหลายๆ คน จะมีวันไอศครีม National Ice Cream Day ด้วย แล้ววันไอศครีมนี้มีที่มาอย่างไร? ไปดูกันเลย
- ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคมนั้น จะถูกกำหนดให้เป็น วันไอศครีม (National Ice Cream Day) ดังนั้นในปี 2017 นี้ วันไอศครีมก็จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม อีก 2 วันเอง ใครสะดวกก็พาครอบครัวไปฉลองปาร์ตี้ไอศครีมแล้วกันนะคะ นู๋ก็เล็งไว้แล้ว ฮี่ๆๆ
- ย้อนกลับไปในปี 1984 ประธานาธิบดี โรนัลด์ รีแกน แห่งสหรัฐได้ประกาศกำหนดให้เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนไอศครีมครับ เหตุผลก็เพราะว่า 90% ของคนอเมริกันนั้นนิยมทานไอศครีมกันนั่นเองค่ะ
- และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ มีการกำหนด วันฉลองไอศครีมรสต่างๆตลอดทั้งปี เช่น เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม วันที่ 15 นั้น เป็นวันไอศครีมรสสตรอเบอรี่ (Strawberry Ice Cream Day)
ต้นกำเนิดไอศครีม มีหลายตำนานค่ะ
การกินไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งราชอาณาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารกล้าที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาจึงเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท (Sherbet) นั่นเอง
บางกระแสก็ว่าบรรพชนชาวจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็งและได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตามตำนานจีนระบุว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะรู้จักการรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม
เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็กินไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ ชนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกเก็บไว้ในหิมะเพื่อต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆ จนกระทั่งน้ำนมที่นำไปหมกไว้ในหิมะกลายเป็นนมแช่แข็งขึ้นมา
ต่อมาจีนได้สอนวิธีการผลิตให้กับอินเดียและเปอร์เซีย ราชวงศ์โมกุล จะมีการนำนมสดมาผสมถั่วพิสตาชิโอ ทำเป็นของหวานแช่แข็ง เรียกว่า kulfi ซึ่งเชื่อว่าเป็นแบบแรกของไอศครีมและในแนวเดียวกัน
ปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล ได้นำวิธีการผลิตไอศครีมจากจีนไปเผยแพร่ที่อิตาลี และมีการพัฒนาไปมากมายจนทำให้อิตาลีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งไอศครีมเลิศรสประมาณศตวรรษที่ 15 สกุลเมดิช ผู้ครองแคว้นพลอเรนซ์ เป็นผู้นำตำรับการผลิตไอศครีมไปเผยแพร่ที่ฝรั่งเศสและมีการแพร่หลายอย่างรวดเร็วเมื่อปี คริสต์ศักราช 1670 นายฟรานเชลโก โปรโดนิโค ได้นำไปจำหน่ายในร้านกาแฟของตน และมีการพัฒนาให้เกิดไอศกรีมกลิ่น รส ต่าง ๆ จนกระทั่งตั้งเป็น บริชน์ ผลิตขึ้น สำหรับในอังกฤษ ยุคแรกจะเรียกไอศครีมว่า กรีมไอซ์ (ครีม Cream ) หรือ ไอซด์ครีม (Iced Cream) ซึ่งที่มาของชื่ออาจมาจากลักษณะของไอศครีมยุดแรก ๆ ที่มีหน้าตาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง นั่นเอง หรือต้องการให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติดีขึ้น จนมีการพัฒนาวิธีการผลิตรวมทั้งเครื่องปั่นไอศครีม จนกระทั่งปี คริสต์ศักราช 1846 แนนซี จอห์นสัน ได้คิดเครื่องปั่นไอศครีม ที่ใช้มือหมุนได้สำเร็จ และมีการผลิตตู้เย็นได้ใน ศตวรรษที่ 19 ที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้ต้นศตวรรษที่ 20 เริ่มมีการผลิตไอศครีม ออกขายเป็นจำนวนมาก
ต้นกำเนิดไอศครีมในประเทศไทย
ไอศกรีมเริ่มเข้ามาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมตะวันตกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเผยแพร่ในสยาม หลังเสร็จประพาสอินเดีย, ชวาและสิงคโปร์
น้ำแข็งในตอนแรก ๆ ก็ยังไม่สามารถผลิตในประเทศได้ จึงต้องนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อไทยสั่งเครื่องทำน้ำแข็งเข้ามาก็เริ่มมีการทำไอศกรีมกินกันมากขึ้น ถือว่าไอศกรีมเป็นของเสวยเฉพาะสำหรับเจ้าขุนมูลนายเท่านั้น ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพบันทึกไว้ว่า
ไอศกรีมเป็นของที่วิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็กที่เขาทำกันตามบ้านเข้ามา ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมบ้างบางวันก็ไม่มี จึงเห็นเป็นของวิเศษ
โดยไอศกรีมในพระราชวังนั้นจะทำจากน้ำมะพร้าวอ่อน ใส่เม็ดมะขามคั่ว จนต่อมาเมื่อมีโรงงานทำน้ำแข็ง แต่ก็ยังถือเป็นของชั้นดี โดยมีไอศกรีมระดับชาวบ้านทำเองด้วย ในช่วงแรก ๆ นั้นไอศกรีมกะทิมีลักษณะเป็นน้ำแข็งละเอียดใส ๆ รสหวานไม่มาก และมีกลิ่นหอมของดอกนมแมว ในสมัยนั้นวิถีการกินของผู้คนจะนิยมกินอาหารกันในเรือนแพ เหมือนที่สมัยนั้นจะขายก๋วยเตี๋ยว หรือกาแฟกันบนเรือ
ลักษณะของไอศกรีมกะทิใส่ถ้วยพร้อมโรยด้วยถั่วลิสงคั่วก็มีมาตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งต่อมาไอศกรีมกะทิก็มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้น จากกะทิใส ๆ ก็มีความเข้มข้น มีการใส่ลอดช่อง, เม็ดแมงลัก และขนุนฉีกเข้าไป โดยคนไทยได้ดัดแปลงไอศกรีมของต่างชาติมาเป็นไอติมกะทิ โดยใช้กะทิสดผสมกับน้ำตาลนำไปปั่นให้แข็ง เนื้อไอติมค่อนข้างใสเป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียด เวลารับประทานต้องขูดไอติมออกจากขอบหม้อโลหะเมื่อไอติมเริ่มแข็งตัว ตอนขายตักใส่ถ้วยเป็นลูก ๆ เรียกไอติมตัก กินกับถั่ว ข้าวเหนียวหรือลูกชิด บางคนกินกับขนมปังที่หั่นเป็นท่อน และมีรอยแยกเป็นร่องอยู่ตรงกลาง
ส่วน ไอศกรีมหลอด หรือไอศกรีมแท่งก็เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยใช้น้ำหวานใส่หลอดสังกะสีและเขย่าให้แข็ง และมีก้านไม้เสียบ โดยจะใส่ถังขับไปขายตามถนน สั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณเพื่อเรียกลูกค้า นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่การลุ้นไอศกรีมฟรีจากไม้เสียบที่หากมีสีแดงป้ายอยู่ก็จะได้กินฟรีอีกหนึ่งแท่งด้วย ซึ่งไอศกรีมแบบหลอดก็มีการพัฒนาจนมาเป็นไอศกรีมโบราณที่มีส่วนผสมของนมโดยมีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม อาจทานเป็นแท่ง หรือตัดใส่ถ้วยรับประทานก็ได้
จากนั้นมาก็เป็นยุคของไอศกรีมแบบวัฒนธรรมตะวันตกแท้ ๆ จนถึงปัจจุบัน
ที่มา
https://teen.mthai.com/variety/57735.html
https://www.gotoknow.org/posts/333419
https://nationaldaycalendar.com/national-ice-cream-day-third-sunday-in-july/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1
https://www.stainlessworld.net/16168994/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%991
ใครชอบไอศครีมแบบไหนมาแชร์กันค่ะ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น