สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่ายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยผมอยู่ม.ปลาย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
โรงเรียนมัธยมของผมนั้นเป็นโรงเรียนชื่อดังของจังหวัด มีหลายสาขาทั่วประเทศ
ที่โรงเรียนของผมจะมีอาจารย์ที่เหมือนมีสัมผัสพิเศษอยู่หนึ่งคน
ผมขอสมมุตินามเขาว่า อาจารย์อ่ำ นักเรียนทั่วโรงเรียนจะชอบล้ออาจารย์คนนี้ลับหลัง ว่าเพี้ยนบ้าง งมงายบ้าง
แต่สิ่งที่อาจารย์พูดน่าขนลุกทุกครั้ง เช่น เขาชอบทักว่าเห็นวิญญาณในโรงเรียนบ่อยๆ เขาบอกว่าที่ตั้งโรงเรียนอยุ่ในที่ที่ไม่ดี
เป็นทางผ่านของวิญญาณ รวมถึงเรื่องอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน
ที่จะต้องมีนักเรียนหรือครูในโรงเรียนเสียชีวิตเกือบทุกปี ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง
ล่าสุดก่อนที่จะเข้าเรื่องที่ผมจะเล่า อาจารย์อ่ำชอบเล่าให้เด็กๆในโรงเรียนฟังว่า
“ มีเด็กผู้หญิงมาอาศัยอยุ่กับพวกเรานะ เธอเป็นนางรำในหมู่บ้านไม่ไกลจากโรงเรียน แต่ถูกฆ่าถ่วงน้ำตายไปซะก่อน
เธอตายไปสิบกว่าปีแล้ว เธอไม่มีที่ไป เลยมาขอพ่อปู่พวกเราอยู่
ถ้าใครเห็นเด็กผู้หญิงตามมุมต่างๆของโรงเรียนห้ามทักเด็ดขาดนะ อย่าหาว่าไม่เตือน”
อาจารย์อ่ำชอบพูดประมาณนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งนักเรียนหลายคนคงชินและขำๆว่าเพ้อเจ้อ แต่สำหรับคนที่กลัวผีมากๆจะไม่ตลกเลย
เรื่องเกิดขึ้นตอนผมอยุ่ ม.6 ก่อนจะเข้าเรื่อง มีเหตุเกิดการณ์เกิดขึ้นดังนี้ครับ…
ตอนเย็นวันศุกร์... โรงเรียนของผมจะมีกิจกรรมช่วงเย็น ผมจึงอยู่ทำกิจกรรมกับเพื่อนจนเลิกเย็นมากๆ ประมาณเกือบห้าโมงเย็น
ผมกับเพื่อนๆกำลังจะเดินออกไปที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ผมได้ยินเสียงคนชุลมุลข้างหลัง
พอผมหันไป เห็นอาจารย์สองคนพยุงเด็กผู้ชายมอต้น ในแขนมีผ้าพัน และเห็นเหมือนมีแผลตามใบหน้า และมีเลือดเปื้อนเสื้อนักเรียน
เขากำลังพานักเรียนขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไว ผมกับเพื่อนคุยกันว่าเด็กมอต้นคงซุกซนตามประสาเด็กเลยเกิดอุบัติเหตุ
เลยไม่ได้คิดอะไร และผมก็กลับบ้านในเย็นวันนั้น …
ตอนเย็นของวันจันทร์….หลังจากหมดคาปเรียนวิชาสุดท้ายที่อาจารย์ปล่อยเร็ว ในขณะที่ผมกับเพื่อนๆนั่งตรงเกวียนหน้าตึกเรียน
เพื่อรอปล่อยกลับบ้าน ผมเห็นรุ่นน้องชื่อจอม เขาเป็นรุ่นน้องผม1ปี เขาวิ่งมาที่เกวียนผมท่าทางแปลกๆ ในคอเขามีพระห้อยหลายเส้น
จนเพื่อนๆผมล้อว่าจะไปบวชหรอ แต่ท่าทางจอมไม่ตลก จอมทำหน้าจริงจังมาก และบอกพวกผมว่า
”พี่ๆ เจอพวกพี่ก็ดีแล้ว พี่รุ้หรือป่าวพวกผมเกือบตายเมื่อคืนวันศุกร์ เจอผีหลอก!!!”
พวกผมจากที่นั่งอยู่คนละทิศ ต้องมารวมตัวกระจุกเดียวกันตรงเกวียนที่ผมนั่ง ผมเร่งถามจอมว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องราวต่อจากนี้ไป เป็นเรื่องราวจากจอมที่เล่าให้พวกผมฟัง ผมสรุปเรื่องราวทั้งหมดไว้ด้านล่างนี้ เริ่มเรื่องเลยนะครับ
จอมเป็นนักเรียนชั้นมอห้า อยู่ในชมรมโปงลางของโรงเรียน ทางโรงเรียนจะส่งคณะโปงลางของโรงเรียนไปออกงานของจังหวัด
เพื่อนำรายได้เข้ามาในชมรมและโรงเรียนด้วย ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทางคณะโปลงลางของโรงเรียนถูกส่งไปออกงานที่กรมทหารช่วงกลางคืน
นี่เป็นครั้งแรกที่ทางโรงเรียนรับงานกลางคืน เพราะปกติจะรับงานช่วงกลางวัน หรือเสร็จช่วงเย็น
แต่ครั้งนี้ทางโรงเรียนอนุมัติเพราะเป็นงานใหญ่ของทางกรมทหาร และเป็นคืนวันศุกร์ เพราะเสาร์-อาทิตย์นักเรียนจะได้พักผ่อนได้
ดังนั้นช่วงเย็นของวันศุกร์ จอมกับเพื่อนๆในคณะโปงลางกำลังจัดอุปกรณ์ในห้องดนตรีไทย พร้อมขนขึ้นรถอาจารย์เอ็ม
ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชมมาโปงลางนี้ ในขณะที่จอมกำลังจะแบกของขึ้นไป จอมเห็นเด็กมอต้นผู้ชาย
ซึ่งอยู่ในชมรมโปงลางเหมือนกัน ขึ้นไปนั่งเล่นบนกลองไม้โบราณ ทันใดนั้นมีเสียงเตือนจากเพื่อนผู้หญิงในชมรมว่า
“น้อง อย่าขึ้นไปนั่งบนกลองนั้นนะ อาจารย์อ่ำเคยบอกว่าของเก่าแก่ในห้องนี้มีใครคอยเฝ้าอยู่”
เด็กผู้ชายคนนั้นลบหลู่กลับว่า “ไร้สาระ อาจารย์อ่ำใกล้จะบ้าแระ ผีอะไรจะมาสิงในกลอง กลัวตายล่ะ!” พร้อมกับนั่งขย่มๆ
จอมจึงบอกเด็กผู้ชายมอต้นคนนั้นให้เลิกเล่น และลงมาช่วยขนของ เด็กมอต้นคนนั้นจึงลงมาช่วยจอมขนของ
และเดินนำหน้าจอมไป แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องดนตรีไทย ซึ่งจะเป็นประตูมีบานกระจกตรงกลาง
เด็กมอต้นคนนั้นอยู่ๆก็หยุดเดิน และทิ้งของทุกอย่างลงกับเพื่อน
และอยู่ๆก็เอาตัวกระแทกเข้าไปที่ประตูจนกระจกแตก และเป็นแผลบาดแขนเป็นแผลลึก
ส่วนใบหน้าก็มีลอยบาดเล็กน้อย และเลือดไหลตรงแขนเยอะมาก จอมตกใจรีบตระโกนเรียกอาจารย์
อาจารย์ในละแวกนั้นจึงนำผ้าพันแขนเพื่อห้ามเลือด และรีบพาลงไปขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาล
(ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่ผมเห็นเมื่อเย็นวันศุกร์)
ส่วนประตูห้องดนตรีไทยตรงกลางที่เป็นกระจกแตกเป็นรูใหญ่มากๆ อาจารย์จึงจะให้ช่างเข้ามาซ่อมวันจันทร์ทีเดียว จึงปล่อยไว้แบบนั้น
จอมกับเพื่อนๆจึงขนของขึ้นรถปกติ จึงออกเดินทางไปที่กรมทหารเพื่อไปเล่นโปงลางในคืนนั้น ...
หลังจากเล่นโปงลางเสร็จ ทุกคนช่วยกันขนของกลับ ในคณะโปงลางที่ไปเล่นในงานนี้มีประมาณ 20 กว่าคน
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเลยในคืนนั้น เพราะผู้ปกครองมารอรับที่งาน
ยกเว้นจอมและเพื่อนๆอีกประมาณ 5 คนรวมจอมเป็น 6 คน หกคนนี้แบ่งเป็น ผู้หญิง 3 คนชื่อ เดือน, กิ่ง, เบน
และมีผู้ชายอีก 2 คนชื่อ ตี้, อาร์ม ที่จะต้องกลับมาโรงเรียนเพื่อนำของมาไว้ที่ห้องดนตรีไทยที่โรงเรียน
และอาจารย์เอ็มจะไปส่งจอมกับเพื่อนๆที่บ้าน
จอมกับเพื่อนๆอีก 5 คนขึ้นมาบนรถบัสกลับโรงเรียนก่อน ซึ่งได้ขนอุปกรณ์ทุกอย่างบนรถนี้ทั้งหมด
ส่วนอาจารย์เอ็มกำลังเคลียร์เรื่องบิลกับทางเจ้าหน้าที่ และจะขับรถตามมาที่โรงเรียนทีหลัง
ซึ่งให้จอมกับเพื่อนๆนำของมาขนไว้ที่ห้องดนตรีไทยก่อน เมื่ออาจารย์มาแล้วจะได้รับกลับบ้านเลย ไม่ต้องเสียเวลา
รถบัสมาจอดที่หน้ารั้วโรงเรียนตอนประมาณสี่ทุ่ม ในบริเวณโรงเรียนอยู่ออกนอกตัวเมืองของจังหวัดมา
บรรยากาศในตอนกลางคืนจึงเงียบสงัด รถบัสมาจอดที่หน้ารั้ว แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู จอมเลยลงจากรถไป
เพื่อไปเช็คหายามว่าหายไปไหน จอมชะเง้อไปที่ป้อมยามหน้ารั้วก็ไม่มีใครอยู่ แต่ไฟในป้อมเปิดทิ้งไว้
จอมมองเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศเงียบมาก ไฟที่เปิดก็สลัวๆอยุ่แค่บางมุม ซึ่งสลัวมากดูยังไงก็ไม่สว่าง
มันมืดไปหมดด้านในโรงเรียน จอมไม่มีเบอร์ติดต่อของลุงยาม จอมจึงตระโกนขึ้นไปบนรถ
“พวกเมิงมีเบอร์ลุงยามป่าว”
เสียงตอบมาว่าไม่มีใครมี จอมจึงตระโกนเรียกให้ ตี้ ลงมาจากรถ และปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนเป็นเพื่อน
จอมกับตี้ปีนรั้วเข้ามาในโรงเรียน ในขณะที่รถบัสจอดอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับส่องไฟให้ทั้งสองคนเดินเข้าไป
จอมกับตี้เดินมาถึงหน้าตึกหนึ่ง ซึ่งจะอยู่เยื้องทางเข้าโรงเรียน จอมจะดูห้องน้ำตึกหนึ่งก่อนว่าลุงยามมาเข้าห้องน้ำที่นี่หรือป่าว
พอจอมกับตี้เลี้ยวเข้ามาหน้าตึกหนึ่ง แสงไฟรถส่องมาไม่ถึงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความมืด
และมีไฟตรงมุมตึกดวงหนึ่งที่สะท้อนมาจึงพอเห็นบ้าง
จอมกำลังจะเดินไปดูในห้องน้ำชั้นล่างตึกหนึ่ง ห้องน้ำจะอยู่ท้ายตึก
แต่ในระหวางที่เดินไปท้ายตึกจะต้องผ่านห้องกระจกซึ่งเป็นห้องพักบรรดาอาจารย์ แต่จอมสะดุดตาในห้องนี้
จอมเห็นแสงไฟเปิดสลัวๆในห้องพักอาจารย์ และเห็นคนยืนหันหลังอยู่ในห้องกระจกชั้นล่างตรงโต๊ะครู แต่เป็นผู้ชายชุดขาว
จอมคิดว่าเป็นอาจารย์เวรแน่นอน จึงรีบวิ่งเอาหน้าไปแนบกระจกเพื่อส่องดูเพื่อความแน่ใจ
ทันใดนั้น ข้างในมีแต่ความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงไฟสลัวๆเหมือนที่เห็นเมื่อกี้ และไม่มีใครยืนอยู่เลย
จอมขาแข็ง หน้าชา เพราะมั่นใจว่าตาไม่ฝาดแน่นอน จอมจึงบอกตี้ทันทีว่า
“เมื่อกี้เมิงเห็นไฟเปิดในห้องพักครูและเห็นคนยืนอยู่ป่ะ”
ตี้เป็นคนขี้กลัวมาก จึงด่ากลับว่า “เฮ้ย ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น” ตี้บอกจอมว่าเห็นไฟปิดมืดอยู่ตั้งแต่แรก ไม่มีแสงไฟอะไรเลย
แต่จอมยืนยันว่าไม่ได้ล้อเล่น ตี้จึงกลัวมาก รีบชวนจอมกลับไปที่หน้าโรงเรียน
ทันใดนั้น จอมกับตี้ได้ยินเสียงรถมอไซค์ขับผ่านถนนในโรงเรียน ซึ่งวิ่งออกมาจากหลังโรงเรียน
ซึ่งเป็นรถของลุงยามนั้นเอง จอมกับตี้ดีใจรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน ลุงยามบอกว่า ขอโทษที่ไม่ได้มาเปิด
เพราะแกลืมว่าคืนนี้พวกนักเรียนต้องกลับเอาของมาไว้ ลุงยามบอกอาจารย์เวรเตือนเมื่อกี้ว่าให้มาเปิดประตูรั้วไว้
ลุงยามไปนั่งอยู่บ้านพักหลังโรงเรียนกับอาจารย์เวร กำลังนั่งปรับทุกข์กันอยู่
ลุงเปิดประตูเสร็จ ลุงขออนุญาติกลับไปที่หลังโรงเรียน และฝากจอมล็อคประตูรั้วก่อนกลับด้วย
*หลังโรงเรียนอยู่ไกล ต้องขับรถไปประมาณ 1-2 กิโล ด้านหลังโรงเรียนจะมีบ้านพักอาจารย์เวร
และมีบ้านพักแม่บ้านภารโรงประมาณ 1-2 หลัง
รถบัสได้เข้ามาในโรงเรียน เลี้ยวเข้ามาที่หน้าตึกหนึ่ง และจอดอยู่ท้ายตึก เพราะห้องดนตรีไทยอยู่ท้ายตึกหนึ่งชั้นที่สอง
จอมและเพื่อนๆช่วยกันขนของและเครื่องดนตรีขึ้นไปไว้บนห้องดนตรีไทย จากนั้นรถบัสขับออกไปจากโรงเรียน
เหลือแต่จอมและเพื่อนๆที่อยู่ในห้องดนตรีไทยเพื่อรออาจารย์เอ็มมารับกลับบ้าน
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องดนตรีไทย โดยเปิดไฟในห้อง และต่างคนต่างกระจายไปคนละมุม
เบนกับกิ่งอยุ่อีกมุมของห้องกำลังอ่านหนังสือและคุยกัน เดือนคนเดียวนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่หลังห้องตรงกลองไม้โบราณ
ส่วนจอม อาร์ม และตี้ นั่งคุยกันตรงโต๊ะอาจารย์ในห้อง ตี้เซ้าซี้ให้จอมเล่าเรื่องที่เห็นผู้ชายยืนอยุ่ในห้องพักครูให้ทุกคนฟัง
แต่จอมไม่เล่า เพราะกลัวทุกคนกลัว และบรรยากาศตอนนี้ก็วังเวงด้วย
ในขณะที่ต่างกลุ่มต่างคุยกันในห้อง จากนั้นไม่นาน อยู่ๆ เดือนที่นั่งอยู่หลังห้องคนเดียวได้พูดออกมาว่า
“พวกเมิง เงียบหน่อย เสียงใครร้องให้วะ?”
ทุกคนที่ได้ยินเสียงเดือนทัก รีบมารวมตัวกันตรงหลังห้องแบบไมได้นัดหมาย
“เสียงใคร ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย” จอมบอก ถามทุกคนว่าได้ยินหรือป่าว แต่ไม่มีใครได้ยินยกเว้นเดือน
“เห็นมั๊ย เมิง กูยังได้ยินเสียงอยู่เลย”
ทุกคนเงียบ ค่อยๆใช้หูฟังเสียงนั้นที่เดือนบอก แต่เสียงกลับเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด
ทุกคนเริ่มใจไม่ดี จอมเลยถามว่า ได้ยินเสียงมาจากไหน เดือนตอบว่าเสียงดังมาจากในห้องนี้ที่เราอยู่
ทุกคนกลัวมาก เสียวสันหลังกันหมด เพราะทุกคนรู้นิสัยเดือนดี ว่าเดือนไม่มีนิสัยขี้แกล้งเลย เดือนเป็นคนตรง พูดจริง
เดือนเริ่มตัวสั่น เพราะนางเริ่มรู้ว่าสิ่งที่นางได้ยิน ไม่ใช่เสียงคน เพราะไม่มีใครได้ยินนอกจากนาง
จอมจึงบอกทุกคนให้ใจเย็นๆ จอมจึงโทรหาครูเอ็มว่าให้รีบมา เพราะทุกคนต้องการกลับบ้าน
แต่ครูเอ็มบอกว่าเพิ่งเคลียร์กับทางงานเสร็จ อยู่ระหว่างทางแล้ว กำลังจะรีบตามเข้าไป
เดือนบอกว่า “พวกเมิง เสียงเงียบไปแล้ว”
ทุกคนเลยพยายามปลอบใจตัวเองคิดว่าเดือนหูแว่ว เดือนบอกว่าคอแห้ง
จอมจึงกำลังจะเดินไปหยิบน้ำตรงโต๊ะอาจารย์มาให้เดือน
ตอนที่จอมกำลังจะเดินไปโต๊ะอาจารย์ อยู่ๆเดือนก็พูดขึ้นเสียงดังว่า
“พวกเมิง! ใครหัวเราะวะ? กูได้ยินเสียงหัวเราะ”
จอมรีบคว้าน้ำ และกระโดดไปที่หลังห้องไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอย่างไว
“เฮ้ย อีกแล้วหรอ? เสียงมาจากไหน?” เพื่อนในกลุ่มถาม
เดือนบอกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะมาจากข้างนอกห้อง ทุกคนหันไปที่ข้างนอกห้อง ตรงประตูห้องดนตรีไทย
มีรูกระจกแตกใหญ่มากตรงกลาง เหตุเกิดที่เด็กมอต้นเอาตัวไปชนเมื่อตอนเย็น
จึงทำให้ทุกคนเห็นความมืดจากทางเดินข้างนอกห้องผ่านทางรูกระจกแตกนั่น
ทันใดนั้น เดือนกรี๊ดเสียงดัง และหลับตา ตัวสั่น และตระโกนเสียงดังว่า
“กูเห็นผู้หญิงเอาหัวโผล่เข้ามาจากรูกระจกนั่น ตามันโตมาก มันจ้องหน้ากูด้วย!”
ทุกคนอุทานเสียงหลง “เฮ้ยยยยยย!!” และไม่กล้าที่จะหันไปมองรูกระจกใหญ่ตรงกลางประตู ทุกคนนั่งหันหลังให้ประตู
และกลัวมากๆ เดือนหลับตาและตัวสั่นบอกไม่กล้าลืมตา และเดือนบอกเสียงดังว่า
“กูได้ยินเสียงหัวเราะ ดังจากประตู มันเริ่มใกล้เข้ามาหาพวกเราแล้ว”
เดือนได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะลอยเข้ามาจากประตู และค่อยๆดังขึ้นมาหลังห้องที่พวกเขานั่งจุกกันอยู่ เดือนไม่กล้าลืมตา
เพราะถ้าลืมตาต้องเห็นแน่ๆ เพราะสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้ามาในห้อง และเดือนรู้สึกตลอดว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจ้องนางอยู่
--- เดี๋ยวจะเข้ามาต่อนะครับ
เหตุเกิดจากห้องดนตรีไทย...(เรื่องจริง)
โรงเรียนมัธยมของผมนั้นเป็นโรงเรียนชื่อดังของจังหวัด มีหลายสาขาทั่วประเทศ
ที่โรงเรียนของผมจะมีอาจารย์ที่เหมือนมีสัมผัสพิเศษอยู่หนึ่งคน
ผมขอสมมุตินามเขาว่า อาจารย์อ่ำ นักเรียนทั่วโรงเรียนจะชอบล้ออาจารย์คนนี้ลับหลัง ว่าเพี้ยนบ้าง งมงายบ้าง
แต่สิ่งที่อาจารย์พูดน่าขนลุกทุกครั้ง เช่น เขาชอบทักว่าเห็นวิญญาณในโรงเรียนบ่อยๆ เขาบอกว่าที่ตั้งโรงเรียนอยุ่ในที่ที่ไม่ดี
เป็นทางผ่านของวิญญาณ รวมถึงเรื่องอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน
ที่จะต้องมีนักเรียนหรือครูในโรงเรียนเสียชีวิตเกือบทุกปี ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง
ล่าสุดก่อนที่จะเข้าเรื่องที่ผมจะเล่า อาจารย์อ่ำชอบเล่าให้เด็กๆในโรงเรียนฟังว่า
“ มีเด็กผู้หญิงมาอาศัยอยุ่กับพวกเรานะ เธอเป็นนางรำในหมู่บ้านไม่ไกลจากโรงเรียน แต่ถูกฆ่าถ่วงน้ำตายไปซะก่อน
เธอตายไปสิบกว่าปีแล้ว เธอไม่มีที่ไป เลยมาขอพ่อปู่พวกเราอยู่
ถ้าใครเห็นเด็กผู้หญิงตามมุมต่างๆของโรงเรียนห้ามทักเด็ดขาดนะ อย่าหาว่าไม่เตือน”
อาจารย์อ่ำชอบพูดประมาณนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งนักเรียนหลายคนคงชินและขำๆว่าเพ้อเจ้อ แต่สำหรับคนที่กลัวผีมากๆจะไม่ตลกเลย
เรื่องเกิดขึ้นตอนผมอยุ่ ม.6 ก่อนจะเข้าเรื่อง มีเหตุเกิดการณ์เกิดขึ้นดังนี้ครับ…
ตอนเย็นวันศุกร์... โรงเรียนของผมจะมีกิจกรรมช่วงเย็น ผมจึงอยู่ทำกิจกรรมกับเพื่อนจนเลิกเย็นมากๆ ประมาณเกือบห้าโมงเย็น
ผมกับเพื่อนๆกำลังจะเดินออกไปที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ผมได้ยินเสียงคนชุลมุลข้างหลัง
พอผมหันไป เห็นอาจารย์สองคนพยุงเด็กผู้ชายมอต้น ในแขนมีผ้าพัน และเห็นเหมือนมีแผลตามใบหน้า และมีเลือดเปื้อนเสื้อนักเรียน
เขากำลังพานักเรียนขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไว ผมกับเพื่อนคุยกันว่าเด็กมอต้นคงซุกซนตามประสาเด็กเลยเกิดอุบัติเหตุ
เลยไม่ได้คิดอะไร และผมก็กลับบ้านในเย็นวันนั้น …
ตอนเย็นของวันจันทร์….หลังจากหมดคาปเรียนวิชาสุดท้ายที่อาจารย์ปล่อยเร็ว ในขณะที่ผมกับเพื่อนๆนั่งตรงเกวียนหน้าตึกเรียน
เพื่อรอปล่อยกลับบ้าน ผมเห็นรุ่นน้องชื่อจอม เขาเป็นรุ่นน้องผม1ปี เขาวิ่งมาที่เกวียนผมท่าทางแปลกๆ ในคอเขามีพระห้อยหลายเส้น
จนเพื่อนๆผมล้อว่าจะไปบวชหรอ แต่ท่าทางจอมไม่ตลก จอมทำหน้าจริงจังมาก และบอกพวกผมว่า
”พี่ๆ เจอพวกพี่ก็ดีแล้ว พี่รุ้หรือป่าวพวกผมเกือบตายเมื่อคืนวันศุกร์ เจอผีหลอก!!!”
พวกผมจากที่นั่งอยู่คนละทิศ ต้องมารวมตัวกระจุกเดียวกันตรงเกวียนที่ผมนั่ง ผมเร่งถามจอมว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องราวต่อจากนี้ไป เป็นเรื่องราวจากจอมที่เล่าให้พวกผมฟัง ผมสรุปเรื่องราวทั้งหมดไว้ด้านล่างนี้ เริ่มเรื่องเลยนะครับ
จอมเป็นนักเรียนชั้นมอห้า อยู่ในชมรมโปงลางของโรงเรียน ทางโรงเรียนจะส่งคณะโปงลางของโรงเรียนไปออกงานของจังหวัด
เพื่อนำรายได้เข้ามาในชมรมและโรงเรียนด้วย ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทางคณะโปลงลางของโรงเรียนถูกส่งไปออกงานที่กรมทหารช่วงกลางคืน
นี่เป็นครั้งแรกที่ทางโรงเรียนรับงานกลางคืน เพราะปกติจะรับงานช่วงกลางวัน หรือเสร็จช่วงเย็น
แต่ครั้งนี้ทางโรงเรียนอนุมัติเพราะเป็นงานใหญ่ของทางกรมทหาร และเป็นคืนวันศุกร์ เพราะเสาร์-อาทิตย์นักเรียนจะได้พักผ่อนได้
ดังนั้นช่วงเย็นของวันศุกร์ จอมกับเพื่อนๆในคณะโปงลางกำลังจัดอุปกรณ์ในห้องดนตรีไทย พร้อมขนขึ้นรถอาจารย์เอ็ม
ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชมมาโปงลางนี้ ในขณะที่จอมกำลังจะแบกของขึ้นไป จอมเห็นเด็กมอต้นผู้ชาย
ซึ่งอยู่ในชมรมโปงลางเหมือนกัน ขึ้นไปนั่งเล่นบนกลองไม้โบราณ ทันใดนั้นมีเสียงเตือนจากเพื่อนผู้หญิงในชมรมว่า
“น้อง อย่าขึ้นไปนั่งบนกลองนั้นนะ อาจารย์อ่ำเคยบอกว่าของเก่าแก่ในห้องนี้มีใครคอยเฝ้าอยู่”
เด็กผู้ชายคนนั้นลบหลู่กลับว่า “ไร้สาระ อาจารย์อ่ำใกล้จะบ้าแระ ผีอะไรจะมาสิงในกลอง กลัวตายล่ะ!” พร้อมกับนั่งขย่มๆ
จอมจึงบอกเด็กผู้ชายมอต้นคนนั้นให้เลิกเล่น และลงมาช่วยขนของ เด็กมอต้นคนนั้นจึงลงมาช่วยจอมขนของ
และเดินนำหน้าจอมไป แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องดนตรีไทย ซึ่งจะเป็นประตูมีบานกระจกตรงกลาง
เด็กมอต้นคนนั้นอยู่ๆก็หยุดเดิน และทิ้งของทุกอย่างลงกับเพื่อน
และอยู่ๆก็เอาตัวกระแทกเข้าไปที่ประตูจนกระจกแตก และเป็นแผลบาดแขนเป็นแผลลึก
ส่วนใบหน้าก็มีลอยบาดเล็กน้อย และเลือดไหลตรงแขนเยอะมาก จอมตกใจรีบตระโกนเรียกอาจารย์
อาจารย์ในละแวกนั้นจึงนำผ้าพันแขนเพื่อห้ามเลือด และรีบพาลงไปขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาล
(ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่ผมเห็นเมื่อเย็นวันศุกร์)
ส่วนประตูห้องดนตรีไทยตรงกลางที่เป็นกระจกแตกเป็นรูใหญ่มากๆ อาจารย์จึงจะให้ช่างเข้ามาซ่อมวันจันทร์ทีเดียว จึงปล่อยไว้แบบนั้น
จอมกับเพื่อนๆจึงขนของขึ้นรถปกติ จึงออกเดินทางไปที่กรมทหารเพื่อไปเล่นโปงลางในคืนนั้น ...
หลังจากเล่นโปงลางเสร็จ ทุกคนช่วยกันขนของกลับ ในคณะโปงลางที่ไปเล่นในงานนี้มีประมาณ 20 กว่าคน
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเลยในคืนนั้น เพราะผู้ปกครองมารอรับที่งาน
ยกเว้นจอมและเพื่อนๆอีกประมาณ 5 คนรวมจอมเป็น 6 คน หกคนนี้แบ่งเป็น ผู้หญิง 3 คนชื่อ เดือน, กิ่ง, เบน
และมีผู้ชายอีก 2 คนชื่อ ตี้, อาร์ม ที่จะต้องกลับมาโรงเรียนเพื่อนำของมาไว้ที่ห้องดนตรีไทยที่โรงเรียน
และอาจารย์เอ็มจะไปส่งจอมกับเพื่อนๆที่บ้าน
จอมกับเพื่อนๆอีก 5 คนขึ้นมาบนรถบัสกลับโรงเรียนก่อน ซึ่งได้ขนอุปกรณ์ทุกอย่างบนรถนี้ทั้งหมด
ส่วนอาจารย์เอ็มกำลังเคลียร์เรื่องบิลกับทางเจ้าหน้าที่ และจะขับรถตามมาที่โรงเรียนทีหลัง
ซึ่งให้จอมกับเพื่อนๆนำของมาขนไว้ที่ห้องดนตรีไทยก่อน เมื่ออาจารย์มาแล้วจะได้รับกลับบ้านเลย ไม่ต้องเสียเวลา
รถบัสมาจอดที่หน้ารั้วโรงเรียนตอนประมาณสี่ทุ่ม ในบริเวณโรงเรียนอยู่ออกนอกตัวเมืองของจังหวัดมา
บรรยากาศในตอนกลางคืนจึงเงียบสงัด รถบัสมาจอดที่หน้ารั้ว แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู จอมเลยลงจากรถไป
เพื่อไปเช็คหายามว่าหายไปไหน จอมชะเง้อไปที่ป้อมยามหน้ารั้วก็ไม่มีใครอยู่ แต่ไฟในป้อมเปิดทิ้งไว้
จอมมองเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศเงียบมาก ไฟที่เปิดก็สลัวๆอยุ่แค่บางมุม ซึ่งสลัวมากดูยังไงก็ไม่สว่าง
มันมืดไปหมดด้านในโรงเรียน จอมไม่มีเบอร์ติดต่อของลุงยาม จอมจึงตระโกนขึ้นไปบนรถ
“พวกเมิงมีเบอร์ลุงยามป่าว”
เสียงตอบมาว่าไม่มีใครมี จอมจึงตระโกนเรียกให้ ตี้ ลงมาจากรถ และปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนเป็นเพื่อน
จอมกับตี้ปีนรั้วเข้ามาในโรงเรียน ในขณะที่รถบัสจอดอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับส่องไฟให้ทั้งสองคนเดินเข้าไป
จอมกับตี้เดินมาถึงหน้าตึกหนึ่ง ซึ่งจะอยู่เยื้องทางเข้าโรงเรียน จอมจะดูห้องน้ำตึกหนึ่งก่อนว่าลุงยามมาเข้าห้องน้ำที่นี่หรือป่าว
พอจอมกับตี้เลี้ยวเข้ามาหน้าตึกหนึ่ง แสงไฟรถส่องมาไม่ถึงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความมืด
และมีไฟตรงมุมตึกดวงหนึ่งที่สะท้อนมาจึงพอเห็นบ้าง
จอมกำลังจะเดินไปดูในห้องน้ำชั้นล่างตึกหนึ่ง ห้องน้ำจะอยู่ท้ายตึก
แต่ในระหวางที่เดินไปท้ายตึกจะต้องผ่านห้องกระจกซึ่งเป็นห้องพักบรรดาอาจารย์ แต่จอมสะดุดตาในห้องนี้
จอมเห็นแสงไฟเปิดสลัวๆในห้องพักอาจารย์ และเห็นคนยืนหันหลังอยู่ในห้องกระจกชั้นล่างตรงโต๊ะครู แต่เป็นผู้ชายชุดขาว
จอมคิดว่าเป็นอาจารย์เวรแน่นอน จึงรีบวิ่งเอาหน้าไปแนบกระจกเพื่อส่องดูเพื่อความแน่ใจ
ทันใดนั้น ข้างในมีแต่ความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงไฟสลัวๆเหมือนที่เห็นเมื่อกี้ และไม่มีใครยืนอยู่เลย
จอมขาแข็ง หน้าชา เพราะมั่นใจว่าตาไม่ฝาดแน่นอน จอมจึงบอกตี้ทันทีว่า
“เมื่อกี้เมิงเห็นไฟเปิดในห้องพักครูและเห็นคนยืนอยู่ป่ะ”
ตี้เป็นคนขี้กลัวมาก จึงด่ากลับว่า “เฮ้ย ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น” ตี้บอกจอมว่าเห็นไฟปิดมืดอยู่ตั้งแต่แรก ไม่มีแสงไฟอะไรเลย
แต่จอมยืนยันว่าไม่ได้ล้อเล่น ตี้จึงกลัวมาก รีบชวนจอมกลับไปที่หน้าโรงเรียน
ทันใดนั้น จอมกับตี้ได้ยินเสียงรถมอไซค์ขับผ่านถนนในโรงเรียน ซึ่งวิ่งออกมาจากหลังโรงเรียน
ซึ่งเป็นรถของลุงยามนั้นเอง จอมกับตี้ดีใจรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน ลุงยามบอกว่า ขอโทษที่ไม่ได้มาเปิด
เพราะแกลืมว่าคืนนี้พวกนักเรียนต้องกลับเอาของมาไว้ ลุงยามบอกอาจารย์เวรเตือนเมื่อกี้ว่าให้มาเปิดประตูรั้วไว้
ลุงยามไปนั่งอยู่บ้านพักหลังโรงเรียนกับอาจารย์เวร กำลังนั่งปรับทุกข์กันอยู่
ลุงเปิดประตูเสร็จ ลุงขออนุญาติกลับไปที่หลังโรงเรียน และฝากจอมล็อคประตูรั้วก่อนกลับด้วย
*หลังโรงเรียนอยู่ไกล ต้องขับรถไปประมาณ 1-2 กิโล ด้านหลังโรงเรียนจะมีบ้านพักอาจารย์เวร
และมีบ้านพักแม่บ้านภารโรงประมาณ 1-2 หลัง
รถบัสได้เข้ามาในโรงเรียน เลี้ยวเข้ามาที่หน้าตึกหนึ่ง และจอดอยู่ท้ายตึก เพราะห้องดนตรีไทยอยู่ท้ายตึกหนึ่งชั้นที่สอง
จอมและเพื่อนๆช่วยกันขนของและเครื่องดนตรีขึ้นไปไว้บนห้องดนตรีไทย จากนั้นรถบัสขับออกไปจากโรงเรียน
เหลือแต่จอมและเพื่อนๆที่อยู่ในห้องดนตรีไทยเพื่อรออาจารย์เอ็มมารับกลับบ้าน
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องดนตรีไทย โดยเปิดไฟในห้อง และต่างคนต่างกระจายไปคนละมุม
เบนกับกิ่งอยุ่อีกมุมของห้องกำลังอ่านหนังสือและคุยกัน เดือนคนเดียวนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่หลังห้องตรงกลองไม้โบราณ
ส่วนจอม อาร์ม และตี้ นั่งคุยกันตรงโต๊ะอาจารย์ในห้อง ตี้เซ้าซี้ให้จอมเล่าเรื่องที่เห็นผู้ชายยืนอยุ่ในห้องพักครูให้ทุกคนฟัง
แต่จอมไม่เล่า เพราะกลัวทุกคนกลัว และบรรยากาศตอนนี้ก็วังเวงด้วย
ในขณะที่ต่างกลุ่มต่างคุยกันในห้อง จากนั้นไม่นาน อยู่ๆ เดือนที่นั่งอยู่หลังห้องคนเดียวได้พูดออกมาว่า
“พวกเมิง เงียบหน่อย เสียงใครร้องให้วะ?”
ทุกคนที่ได้ยินเสียงเดือนทัก รีบมารวมตัวกันตรงหลังห้องแบบไมได้นัดหมาย
“เสียงใคร ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย” จอมบอก ถามทุกคนว่าได้ยินหรือป่าว แต่ไม่มีใครได้ยินยกเว้นเดือน
“เห็นมั๊ย เมิง กูยังได้ยินเสียงอยู่เลย”
ทุกคนเงียบ ค่อยๆใช้หูฟังเสียงนั้นที่เดือนบอก แต่เสียงกลับเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด
ทุกคนเริ่มใจไม่ดี จอมเลยถามว่า ได้ยินเสียงมาจากไหน เดือนตอบว่าเสียงดังมาจากในห้องนี้ที่เราอยู่
ทุกคนกลัวมาก เสียวสันหลังกันหมด เพราะทุกคนรู้นิสัยเดือนดี ว่าเดือนไม่มีนิสัยขี้แกล้งเลย เดือนเป็นคนตรง พูดจริง
เดือนเริ่มตัวสั่น เพราะนางเริ่มรู้ว่าสิ่งที่นางได้ยิน ไม่ใช่เสียงคน เพราะไม่มีใครได้ยินนอกจากนาง
จอมจึงบอกทุกคนให้ใจเย็นๆ จอมจึงโทรหาครูเอ็มว่าให้รีบมา เพราะทุกคนต้องการกลับบ้าน
แต่ครูเอ็มบอกว่าเพิ่งเคลียร์กับทางงานเสร็จ อยู่ระหว่างทางแล้ว กำลังจะรีบตามเข้าไป
เดือนบอกว่า “พวกเมิง เสียงเงียบไปแล้ว”
ทุกคนเลยพยายามปลอบใจตัวเองคิดว่าเดือนหูแว่ว เดือนบอกว่าคอแห้ง
จอมจึงกำลังจะเดินไปหยิบน้ำตรงโต๊ะอาจารย์มาให้เดือน
ตอนที่จอมกำลังจะเดินไปโต๊ะอาจารย์ อยู่ๆเดือนก็พูดขึ้นเสียงดังว่า
“พวกเมิง! ใครหัวเราะวะ? กูได้ยินเสียงหัวเราะ”
จอมรีบคว้าน้ำ และกระโดดไปที่หลังห้องไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอย่างไว
“เฮ้ย อีกแล้วหรอ? เสียงมาจากไหน?” เพื่อนในกลุ่มถาม
เดือนบอกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะมาจากข้างนอกห้อง ทุกคนหันไปที่ข้างนอกห้อง ตรงประตูห้องดนตรีไทย
มีรูกระจกแตกใหญ่มากตรงกลาง เหตุเกิดที่เด็กมอต้นเอาตัวไปชนเมื่อตอนเย็น
จึงทำให้ทุกคนเห็นความมืดจากทางเดินข้างนอกห้องผ่านทางรูกระจกแตกนั่น
ทันใดนั้น เดือนกรี๊ดเสียงดัง และหลับตา ตัวสั่น และตระโกนเสียงดังว่า
“กูเห็นผู้หญิงเอาหัวโผล่เข้ามาจากรูกระจกนั่น ตามันโตมาก มันจ้องหน้ากูด้วย!”
ทุกคนอุทานเสียงหลง “เฮ้ยยยยยย!!” และไม่กล้าที่จะหันไปมองรูกระจกใหญ่ตรงกลางประตู ทุกคนนั่งหันหลังให้ประตู
และกลัวมากๆ เดือนหลับตาและตัวสั่นบอกไม่กล้าลืมตา และเดือนบอกเสียงดังว่า
“กูได้ยินเสียงหัวเราะ ดังจากประตู มันเริ่มใกล้เข้ามาหาพวกเราแล้ว”
เดือนได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะลอยเข้ามาจากประตู และค่อยๆดังขึ้นมาหลังห้องที่พวกเขานั่งจุกกันอยู่ เดือนไม่กล้าลืมตา
เพราะถ้าลืมตาต้องเห็นแน่ๆ เพราะสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้ามาในห้อง และเดือนรู้สึกตลอดว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจ้องนางอยู่
--- เดี๋ยวจะเข้ามาต่อนะครับ