เมื่อประมาณปีก่อนได้มีกระทู้หนึ่งผ่านเข้าตาเราเขาใช้ชื่อว่า ' ภ า พ ห ลุ ด จ า ก ส ว ร ร ค์ ' แค่กดเข้าไปเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกเลย เป็นอะไรที่ทำให้เรารีบไปจดเข้าลิสต์ของเราไว้เลยว่าต้องพาตัวเองไปเจอแบบนั้นให้ได้สักครั้ง ซึ่งนั่นไม่ได้เกี่ยวกับที่มาของกระทู้นี้ใดใดทั้งสิ้น 55555
เข้าสู่ที่มาของกระทู้นี้กันบ้าง เกิดจากช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นหน้าหนาวทามไลน์ของเราต่างก็พากันขึ้นดอย เราก็เลยนัดแนะกับเพื่อนเพื่อไปขึ้นดอยกันบ้าง แต่เพื่อนเราดันไม่มีปิดเทอมแบบคนปกติเขา เลยทำให้เรามีเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นในทริปครั้งนี้คือแค่ เสาร์ - อาทิตย์
เราและเพื่อนอยู่กันคนละจังหวัดจึงจองตั๋วรถทัวร์ให้มาถึง บขส.เวียงสาในเวลาใกล้เคียงกัน เราออกจากกรุงเทพเดินทางโดยสมบัติทัวร์เที่ยว 19.50 น. ถึงเวียงสา 5.35 น. และเนื่องจากวันที่เราออกเป็นวันศุกร์รถจึงติดที่ดอนเมืองเกือบ 2 ชม.โดยไม่ขยับใดใด
และแล้วก็ไปถึงช้ากว่ากำหนดพอสมควร เมื่อเราไปถึงเพื่อนเราซึ่งมาจากเชียงใหม่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ขนส่งเวียงสา เป็นที่เล็กๆ มีที่นั่งเพียงไม่กี่ตัว ขณะนั้นได้มีคุณลุงมาถามเราว่าไปที่ไหน มากี่คน และเสนอราคาเหมาเราที่ 700 บาท เราถามว่าไปเพิ่มได้ไหม เพราะมีอีก 2 คนลงมาจากรถคันเดียวกับพวกเราและมีปลายทางที่เดียวกัน จึงตกลงไปด้วยกันที่ราคาเท่าเดิม ระหว่างทางเราแวะตลาดเพื่อซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้ก่อนระหว่างเดินทางกัน
ก่อนขึ้นดอยคุณลุงแวะให้เราได้ถ่ายรูปเล่นที่ ' เสาดินนาน้อย ' และบังคับพวกเราให้ลงไปถ่าย บอกต้องถ่ายนะ ใครๆก็ถ่าย 5555 ก็ได้ๆค่ะคุณลุง ครึ่งชม.ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นี่เค้าบังคับแกจริงหรอห๊ะ
ระหว่างทางขึ้นเขามีหมอกตลอดทางเลย แอบหวังว่าจะได้เห็นสวรรค์กับเค้าบ้าง
พอเราขึ้นไปถึง เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าพวกเราว่าขึ้นไปดูทะเลหมอกเร็วน้อง เอาของไปวางไว้ก่อน เดี๋ยวหมอกหายไป เพิ่งมีวันแรกหลังจากฝนตกยาวเลย เราก็รีบวิ่งกันด้วยความเร็ว แต่ว่าคงไม่ทัน เพราะไปถ่ายรูปที่ก่อนหน้านี้เพลินไปหน่อย ขึ้นไปถึงเกือบ 9 โมง เลยเห็นเป็นหมอกปะหน้าแบบนี้เท่านั้นเอง
เมื่อดูไอหมอกและถ่ายรูปเล่นไปสักพ้ก ก็ลงมานั่งบริเวณที่พี่เจ้าหน้าที่อยู่ เพื่อทานอาหารเช้าและรอพี่ๆเก็บเต็นท์ พี่เจ้าหน้าที่เห็นเรามาเร็ว บอกว่าน้องไปเลือกเต็นท์ไว้ก่อนเลย เอาวิวที่ชอบเลยนะ (เราจองเต็นท์และโอนเงินล่วงหน้ามาเรียบร้อยแล้ว เต็นท์ 3 คนพร้อมเครื่องนอน 405 บาท) แต่จริงๆแล้วเราไป 4 คนด้วยกัน แต่ว่าเปลี่ยนเต็นท์ไม่ทันเนื่องจากเพื่อนเราอีกคนตัดสินใจกระทันหันมาก เต็นท์จึงเต็มไปเรียบร้อย เลยแบกไปเอง 1 เต็นท์ซึ่งสามารถกางใกล้ๆเต็นท์ของอุทยานได้เลย จัดไปค่ะ ที่นอนคืนนี้พร้อมแล้ว
เมื่อที่นอนพร้อมเราที่นอนมาทั้งคืนยังไม่ได้อาบน้ำกันเลย เลยผลัดกันเฝ้าเต็นท์และไปอาบน้ำ ตอนประมาณ 2 โมงน้ำไม่หนาวมากอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเมื่ออาบน้ำเรียบร้อยพวกเราเดินลงไปข้างล่างตามทางที่ขึ้นมามีอาหารหลายร้านรสชาติอร่อยเลยค่ะ เราฝากท้องร้านเดิมทุกมื้อเลย (มีที่ชาร์ตแบตด้วยนะคะ โทรศัพท์ 20 บาท Powerbank 40 บาท)
จริงๆแล้ว ดอยเสมอดาวแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น และเป็นที่ที่หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดาวเยอะมาก และเป็นที่ที่นอนดูดาวเต็มท้องฟ้าเลย แต่ตอนเราไป แทบไม่มีดาวเลย จุดประสงค์หลักของเราคือการไปดูดาวก็เลยแอบเสียใจเบาๆ
ที่นี่ 4 ทุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานจะประกาศงดใช้เสียงเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนรอบข้าง จึงเงียบสงบมากๆ
และไม่รู้ด้วยอะไร อยู่ดีดีก็มีเหตุการณ์เต็นท์ข้างๆเสียงดังแบบไม่พึงประสงค์ ดังมากจนเจ้าหน้าที่เดินมาหลายรอบ ทำให้เราได้รู้จักกับพี่เต็นท์ด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งด้วยเพียงแค่ถามพี่เขาว่าพี่ได้ยินเหมือนหนูมั้ย แล้วก็นั่งคุยกันยาวเลย แต่คุยกันด้วยเสียงแหบๆนะคะ กลัวรบกวนคนอื่น
เป็นมิตรภาพที่เจอได้บ่อยๆของคนไทยจริงๆ พี่เขามาจากภาคใต้กัน 3 คน ทัวร์เหนือหลากหลายที่
พวกเราหลับกันประมาณตี 2-3 เพราะจริงๆดูพยากรณ์อากาศว่าช่วงนั้นฟ้าจะปลอดโปร่งด้วยความหวังที่จะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าดั่งชื่อดอย แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเมฆมาแทนที่ดาวแทน สงสัยเราจะหมดหวังแล้วจริงๆ เมื่อทำใจได้ก็ล้มตัวลงนอน
ประมาณตี 5 เกือบๆ 6 โมง มีเสียงคนเดินผ่านเต็นท์เราเยอะมาก จนทำให้เราสะดุ้งตื่น พร้อมกับเสียงหนึ่งที่เขาเหมือนจะบอกเพื่อนของเขาแต่ดันสะกดเราไว้ ' ตื่ น ๆ ท ะ เ ล ห ม อ ก ส ว ย ม า ก ' เท่านั้นแหละ เราหูพึ่งเลย ปลุกเพื่อนทั้งเต็นท์ให้วิ่งขึ้นไปจับจองพื้นที่กับเรา จับจองพื้นที่สักพัก คนเริ่มเยอะขึ้น พร้อมกับภาพตรงหน้าค่อยๆชัดเจน
สำหรับคนที่อยากเห็นภาพนี้สักครั้งแบบที่เราบอกไว้ต้นกระทู้ เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากจริงๆค่ะ ด้วยความที่เราไม่ได้ไปปลายฝนต้นหนาว แต่เราไปหน้าหนาว แทบไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เห็น เพราะฤดูก็ไม่ตรงกับที่มีคนเคยบอก และที่ดอยนี้เราก็ไม่เคยอ่านรีวิวเกี่ยวกับทะเลหมอกมาก่อน เราเฝ้ารอดูจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวง และเหลือแต่แสง แต่ละเวลาสวยคนละแบบจริงๆค่ะ เหมือนสะกดให้เราไปไหนไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีหลายร้อยรูปไปแล้ว
ทั้งด้านหน้า และด้านหลังล้วนเป็นทะเลหมอก ด้านซ้ายด้านขวาก็เช่นกัน เรียกว่าทะเลหมอก 360 องศาจริงๆค่ะ เต็นท์สีฟ้าๆเทาๆในรูปนั้น คือเต็นท์ของอุทยานนะคะ ขอบอกเลยว่าวิวดีที่สุดจริงๆ เดินขึ้นแปปเดียวถึงจุดชมวิวเลย
ถ่ายรูปกันจนเพลินก็พบว่าเกือบๆ 9 โมงแล้ว รีบลงไปอาบน้ำคืนเต็นท์และไปหาอะไรทานกัน พี่ๆเต็นท์ข้างๆที่คุยกันเมื่อคืนถามว่าน้องไปไหนต่อ จริงๆพวกเรามีแพลนไปผาชู้ต่อ แต่พี่เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำพวกเราว่าโบกรถไปเลยน้อง มีรถไปหลายคัน เราเลยถามพี่ๆเต็นท์ข้างๆว่าไปด้วยกันไหมคะ พี่เค้ายังไม่ตอบอะไร แต่ชวนกันลงไปกินข้าวด้วยกัน สักพักพี่เค้าจะไปแล้ว พวกเราเลยทำการหลอกล่อพี่ๆให้ไปด้วยกัน และพี่ๆเค้าก็ตกลง 5555 ไปเที่ยวผาชู้ด้วยกันเลยยย
ถ่ายกับป้ายสักหน่อยยย รูปรวมก็มา ขอบคุณพี่ๆนะคะ ถ้าวันนั้นพี่ๆไม่ไปส่ง พวกหนูก็คงไม่ได้ไป
หลังจากนั้นพี่ๆก็มาส่งที่เดิม คุณป้าร้านประจำของพวกเราบอกว่าวันนี้จะลงไปข้างล่างพอดี เดี๋ยวไปส่งที่รอรถเข้าเมือง เป็นความบังเอิญจริงๆ คุณป้าร้านข้าวใจดีมาก ส่งเราถึงจุดรอรถเลย รอไปสักพักรถหวานเย็นก็มา ไปบขส.เวียงสา 50 บาท ไปกันเลยยยยย
ตามแพลนเดิมเราตั้งใจจะเข้าไปไหว้พระในตัวเมืองน่าน แต่เพื่อนเราเลื่อนตั๋วขากลับเป็นที่ตัวเมืองไม่ได้เพราะเต็ม เราเลยไม่ได้เข้าไปไหว้พระกันเลย สงสัยเป็นลางว่าต้องให้มาซ้ำ ระหว่างนั้นเราเลยนั่งร้านกาแฟในบขส.รอ พี่พนักงานสมบัติทัวร์สาขาเวียงสาแนะนำร้านนี้ให้พวกเราและให้พวกเราวางของไว้ที่นั่นก่อนได้เลย (ร้านนี้สตอเบอรี่สมูทตี้อร่อยมาก
) สักพักเพื่อนเราอยู่ดีๆก็เกิดอยากทำผม เลยเดินไปร้านทำผมที่อยู่ตรงข้ามสมบัติทัวร์ ทำไปสักพัก อีกคนก็ตามไปทำด้วย เราและเพื่อนอีกคนเลยไปนั่งในร้านรอ และก็ทำตาม สรุปทำกัน 3 คนเลย เหมือนเป็นการฆ่าเวลารอรถ คุณลุงในร้านทำผมจึงถามเราว่าไปไหนมาบ้าง มากี่วันแล้ว เราก็เล่าให้ฟัง แต่!!!!! ความบังเอิญก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเราเล่าว่านั่งรถกลับมาจากทางขึ้นดอย 50 บาท คุณลุงอยู่ๆก็ถามว่านั่งคันไหน ใครเป็นคนเก็บเงิน ความบังเอิญยังไม่จบลง เพราะรถคันที่เรานั่งมามีเด็ก น่าจะเป็นลูกหรือหลานคนขับรถหรือคนเก็บเงิน ซึ่งเพื่อนเราชอบเด็กมากเล่นกันมาตลอดทาง ก่อนลงรถเลยถ่ายรูปคู่กับเด็กไว้ และในรูปนั้นติดเลขข้างรถด้วย จึงได้ให้คุณลุงดู คุณลุงหายไปสักพักและนำเงินมาคืนเรา 40 บาท เพราะค่ารถจริงๆแล้วคนละ 40 เท่านั้น ซึ่งจังหวัดน่านมีนโยบายไม่ให้ขึ้นราคากับนักท่องเที่ยว แต่รถคันนี้เพิ่งมาวิ่งใหม่อาจจะยังไม่รู้ (คุณลุงบอกเราแบบนี้ค่ะ และบอกเราอีกว่าแถวนี้มีอะไรบอกลุงได้เลย ลุงดูแลแถวนี้อยู่ ป๊าดดดด ความบังเอิญไม่สิ้นสุดจริงๆ)
หลังจากทำผมกันเสร็จเรียบร้อย ส่งเพื่อนกลับเชียงใหม่ พวกเราที่จองรถเที่ยวสุดท้ายกลับกรุงเทพฯนั้นก็ได้ไปเป็นหมาหงอยนั่งเฝ้าสมบัติทัวร์กับพี่พนักงาน (อย่าถามนะคะพนักงานคนไหน อย่างที่บอกข้างบนแล้วว่าบขส.เวียงสาเป็นที่เล็กๆ พนักงานมีคนเดียวค่ะ 5555) เฝ้าไปสักพักพี่เค้าแนะนำให้เราไปเดินตลาดหน้าวัด หาอาหารเย็นทาน เดินไปสักพัก ใกล้จริงๆ อาหารเยอะมาก และถูกชนิดที่เราตกใจต้องถามอีกรอบเลย
เครปร้านนี้ อร่อยมากและ 15 บาทเท่านั้นนนน
หลังจากนั้นกลับมานั่งรอขึ้นรถที่สมบัติทัวร์ ซึ่งรถคันที่เราขึ้นกลับนั้น ไม่เข้าขบส.เวียงสา แต่เวลาขณะนั้นดึกมากแล้วพี่พนักงานจึงให้เราติดรถคันก่อนหน้าเพื่อไปรอรถคันของเรา ที่หน้าโลตัส ขอบคุณนะคะ คืนนั้นมืดมากๆ ถ้าเดินมาพวกหนูหลงแน่ๆเลย
รถขากลับไม่เลทค่ะ ออกจะถึงเร็วกว่ากำหนดนิดหน่อย นอนสบายมากๆ สมบัติทัวร์ มีแวะศูนย์พักรถให้ทานอาหารด้วย เพียงแค่เก็บตั๋วไว้ใช้ในการทานอาหาร
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ารถไป - กลับ : 932 บาท
- ค่ารถขึ้นดอย : 117 บาท
- ค่าที่พัก : 135 บาท
- ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม : 300 บาท
รวมประมาณ 1500 บาท
[CR] Doi Samer Dao - Sri Nan National Park : สายชิวรีวิว ' น่าน '
เข้าสู่ที่มาของกระทู้นี้กันบ้าง เกิดจากช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นหน้าหนาวทามไลน์ของเราต่างก็พากันขึ้นดอย เราก็เลยนัดแนะกับเพื่อนเพื่อไปขึ้นดอยกันบ้าง แต่เพื่อนเราดันไม่มีปิดเทอมแบบคนปกติเขา เลยทำให้เรามีเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นในทริปครั้งนี้คือแค่ เสาร์ - อาทิตย์
เราและเพื่อนอยู่กันคนละจังหวัดจึงจองตั๋วรถทัวร์ให้มาถึง บขส.เวียงสาในเวลาใกล้เคียงกัน เราออกจากกรุงเทพเดินทางโดยสมบัติทัวร์เที่ยว 19.50 น. ถึงเวียงสา 5.35 น. และเนื่องจากวันที่เราออกเป็นวันศุกร์รถจึงติดที่ดอนเมืองเกือบ 2 ชม.โดยไม่ขยับใดใด และแล้วก็ไปถึงช้ากว่ากำหนดพอสมควร เมื่อเราไปถึงเพื่อนเราซึ่งมาจากเชียงใหม่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ขนส่งเวียงสา เป็นที่เล็กๆ มีที่นั่งเพียงไม่กี่ตัว ขณะนั้นได้มีคุณลุงมาถามเราว่าไปที่ไหน มากี่คน และเสนอราคาเหมาเราที่ 700 บาท เราถามว่าไปเพิ่มได้ไหม เพราะมีอีก 2 คนลงมาจากรถคันเดียวกับพวกเราและมีปลายทางที่เดียวกัน จึงตกลงไปด้วยกันที่ราคาเท่าเดิม ระหว่างทางเราแวะตลาดเพื่อซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้ก่อนระหว่างเดินทางกัน
ก่อนขึ้นดอยคุณลุงแวะให้เราได้ถ่ายรูปเล่นที่ ' เสาดินนาน้อย ' และบังคับพวกเราให้ลงไปถ่าย บอกต้องถ่ายนะ ใครๆก็ถ่าย 5555 ก็ได้ๆค่ะคุณลุง ครึ่งชม.ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่เค้าบังคับแกจริงหรอห๊ะ
ระหว่างทางขึ้นเขามีหมอกตลอดทางเลย แอบหวังว่าจะได้เห็นสวรรค์กับเค้าบ้าง
พอเราขึ้นไปถึง เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าพวกเราว่าขึ้นไปดูทะเลหมอกเร็วน้อง เอาของไปวางไว้ก่อน เดี๋ยวหมอกหายไป เพิ่งมีวันแรกหลังจากฝนตกยาวเลย เราก็รีบวิ่งกันด้วยความเร็ว แต่ว่าคงไม่ทัน เพราะไปถ่ายรูปที่ก่อนหน้านี้เพลินไปหน่อย ขึ้นไปถึงเกือบ 9 โมง เลยเห็นเป็นหมอกปะหน้าแบบนี้เท่านั้นเอง
เมื่อดูไอหมอกและถ่ายรูปเล่นไปสักพ้ก ก็ลงมานั่งบริเวณที่พี่เจ้าหน้าที่อยู่ เพื่อทานอาหารเช้าและรอพี่ๆเก็บเต็นท์ พี่เจ้าหน้าที่เห็นเรามาเร็ว บอกว่าน้องไปเลือกเต็นท์ไว้ก่อนเลย เอาวิวที่ชอบเลยนะ (เราจองเต็นท์และโอนเงินล่วงหน้ามาเรียบร้อยแล้ว เต็นท์ 3 คนพร้อมเครื่องนอน 405 บาท) แต่จริงๆแล้วเราไป 4 คนด้วยกัน แต่ว่าเปลี่ยนเต็นท์ไม่ทันเนื่องจากเพื่อนเราอีกคนตัดสินใจกระทันหันมาก เต็นท์จึงเต็มไปเรียบร้อย เลยแบกไปเอง 1 เต็นท์ซึ่งสามารถกางใกล้ๆเต็นท์ของอุทยานได้เลย จัดไปค่ะ ที่นอนคืนนี้พร้อมแล้ว
เมื่อที่นอนพร้อมเราที่นอนมาทั้งคืนยังไม่ได้อาบน้ำกันเลย เลยผลัดกันเฝ้าเต็นท์และไปอาบน้ำ ตอนประมาณ 2 โมงน้ำไม่หนาวมากอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเมื่ออาบน้ำเรียบร้อยพวกเราเดินลงไปข้างล่างตามทางที่ขึ้นมามีอาหารหลายร้านรสชาติอร่อยเลยค่ะ เราฝากท้องร้านเดิมทุกมื้อเลย (มีที่ชาร์ตแบตด้วยนะคะ โทรศัพท์ 20 บาท Powerbank 40 บาท)
จริงๆแล้ว ดอยเสมอดาวแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น และเป็นที่ที่หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดาวเยอะมาก และเป็นที่ที่นอนดูดาวเต็มท้องฟ้าเลย แต่ตอนเราไป แทบไม่มีดาวเลย จุดประสงค์หลักของเราคือการไปดูดาวก็เลยแอบเสียใจเบาๆ ที่นี่ 4 ทุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานจะประกาศงดใช้เสียงเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนรอบข้าง จึงเงียบสงบมากๆ
และไม่รู้ด้วยอะไร อยู่ดีดีก็มีเหตุการณ์เต็นท์ข้างๆเสียงดังแบบไม่พึงประสงค์ ดังมากจนเจ้าหน้าที่เดินมาหลายรอบ ทำให้เราได้รู้จักกับพี่เต็นท์ด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งด้วยเพียงแค่ถามพี่เขาว่าพี่ได้ยินเหมือนหนูมั้ย แล้วก็นั่งคุยกันยาวเลย แต่คุยกันด้วยเสียงแหบๆนะคะ กลัวรบกวนคนอื่น เป็นมิตรภาพที่เจอได้บ่อยๆของคนไทยจริงๆ พี่เขามาจากภาคใต้กัน 3 คน ทัวร์เหนือหลากหลายที่
พวกเราหลับกันประมาณตี 2-3 เพราะจริงๆดูพยากรณ์อากาศว่าช่วงนั้นฟ้าจะปลอดโปร่งด้วยความหวังที่จะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าดั่งชื่อดอย แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเมฆมาแทนที่ดาวแทน สงสัยเราจะหมดหวังแล้วจริงๆ เมื่อทำใจได้ก็ล้มตัวลงนอน
ประมาณตี 5 เกือบๆ 6 โมง มีเสียงคนเดินผ่านเต็นท์เราเยอะมาก จนทำให้เราสะดุ้งตื่น พร้อมกับเสียงหนึ่งที่เขาเหมือนจะบอกเพื่อนของเขาแต่ดันสะกดเราไว้ ' ตื่ น ๆ ท ะ เ ล ห ม อ ก ส ว ย ม า ก ' เท่านั้นแหละ เราหูพึ่งเลย ปลุกเพื่อนทั้งเต็นท์ให้วิ่งขึ้นไปจับจองพื้นที่กับเรา จับจองพื้นที่สักพัก คนเริ่มเยอะขึ้น พร้อมกับภาพตรงหน้าค่อยๆชัดเจน
สำหรับคนที่อยากเห็นภาพนี้สักครั้งแบบที่เราบอกไว้ต้นกระทู้ เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากจริงๆค่ะ ด้วยความที่เราไม่ได้ไปปลายฝนต้นหนาว แต่เราไปหน้าหนาว แทบไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เห็น เพราะฤดูก็ไม่ตรงกับที่มีคนเคยบอก และที่ดอยนี้เราก็ไม่เคยอ่านรีวิวเกี่ยวกับทะเลหมอกมาก่อน เราเฝ้ารอดูจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวง และเหลือแต่แสง แต่ละเวลาสวยคนละแบบจริงๆค่ะ เหมือนสะกดให้เราไปไหนไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีหลายร้อยรูปไปแล้ว
ทั้งด้านหน้า และด้านหลังล้วนเป็นทะเลหมอก ด้านซ้ายด้านขวาก็เช่นกัน เรียกว่าทะเลหมอก 360 องศาจริงๆค่ะ เต็นท์สีฟ้าๆเทาๆในรูปนั้น คือเต็นท์ของอุทยานนะคะ ขอบอกเลยว่าวิวดีที่สุดจริงๆ เดินขึ้นแปปเดียวถึงจุดชมวิวเลย
ถ่ายรูปกันจนเพลินก็พบว่าเกือบๆ 9 โมงแล้ว รีบลงไปอาบน้ำคืนเต็นท์และไปหาอะไรทานกัน พี่ๆเต็นท์ข้างๆที่คุยกันเมื่อคืนถามว่าน้องไปไหนต่อ จริงๆพวกเรามีแพลนไปผาชู้ต่อ แต่พี่เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำพวกเราว่าโบกรถไปเลยน้อง มีรถไปหลายคัน เราเลยถามพี่ๆเต็นท์ข้างๆว่าไปด้วยกันไหมคะ พี่เค้ายังไม่ตอบอะไร แต่ชวนกันลงไปกินข้าวด้วยกัน สักพักพี่เค้าจะไปแล้ว พวกเราเลยทำการหลอกล่อพี่ๆให้ไปด้วยกัน และพี่ๆเค้าก็ตกลง 5555 ไปเที่ยวผาชู้ด้วยกันเลยยย
ถ่ายกับป้ายสักหน่อยยย รูปรวมก็มา ขอบคุณพี่ๆนะคะ ถ้าวันนั้นพี่ๆไม่ไปส่ง พวกหนูก็คงไม่ได้ไป
หลังจากนั้นพี่ๆก็มาส่งที่เดิม คุณป้าร้านประจำของพวกเราบอกว่าวันนี้จะลงไปข้างล่างพอดี เดี๋ยวไปส่งที่รอรถเข้าเมือง เป็นความบังเอิญจริงๆ คุณป้าร้านข้าวใจดีมาก ส่งเราถึงจุดรอรถเลย รอไปสักพักรถหวานเย็นก็มา ไปบขส.เวียงสา 50 บาท ไปกันเลยยยยย
ตามแพลนเดิมเราตั้งใจจะเข้าไปไหว้พระในตัวเมืองน่าน แต่เพื่อนเราเลื่อนตั๋วขากลับเป็นที่ตัวเมืองไม่ได้เพราะเต็ม เราเลยไม่ได้เข้าไปไหว้พระกันเลย สงสัยเป็นลางว่าต้องให้มาซ้ำ ระหว่างนั้นเราเลยนั่งร้านกาแฟในบขส.รอ พี่พนักงานสมบัติทัวร์สาขาเวียงสาแนะนำร้านนี้ให้พวกเราและให้พวกเราวางของไว้ที่นั่นก่อนได้เลย (ร้านนี้สตอเบอรี่สมูทตี้อร่อยมาก ) สักพักเพื่อนเราอยู่ดีๆก็เกิดอยากทำผม เลยเดินไปร้านทำผมที่อยู่ตรงข้ามสมบัติทัวร์ ทำไปสักพัก อีกคนก็ตามไปทำด้วย เราและเพื่อนอีกคนเลยไปนั่งในร้านรอ และก็ทำตาม สรุปทำกัน 3 คนเลย เหมือนเป็นการฆ่าเวลารอรถ คุณลุงในร้านทำผมจึงถามเราว่าไปไหนมาบ้าง มากี่วันแล้ว เราก็เล่าให้ฟัง แต่!!!!! ความบังเอิญก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเราเล่าว่านั่งรถกลับมาจากทางขึ้นดอย 50 บาท คุณลุงอยู่ๆก็ถามว่านั่งคันไหน ใครเป็นคนเก็บเงิน ความบังเอิญยังไม่จบลง เพราะรถคันที่เรานั่งมามีเด็ก น่าจะเป็นลูกหรือหลานคนขับรถหรือคนเก็บเงิน ซึ่งเพื่อนเราชอบเด็กมากเล่นกันมาตลอดทาง ก่อนลงรถเลยถ่ายรูปคู่กับเด็กไว้ และในรูปนั้นติดเลขข้างรถด้วย จึงได้ให้คุณลุงดู คุณลุงหายไปสักพักและนำเงินมาคืนเรา 40 บาท เพราะค่ารถจริงๆแล้วคนละ 40 เท่านั้น ซึ่งจังหวัดน่านมีนโยบายไม่ให้ขึ้นราคากับนักท่องเที่ยว แต่รถคันนี้เพิ่งมาวิ่งใหม่อาจจะยังไม่รู้ (คุณลุงบอกเราแบบนี้ค่ะ และบอกเราอีกว่าแถวนี้มีอะไรบอกลุงได้เลย ลุงดูแลแถวนี้อยู่ ป๊าดดดด ความบังเอิญไม่สิ้นสุดจริงๆ)
หลังจากทำผมกันเสร็จเรียบร้อย ส่งเพื่อนกลับเชียงใหม่ พวกเราที่จองรถเที่ยวสุดท้ายกลับกรุงเทพฯนั้นก็ได้ไปเป็นหมาหงอยนั่งเฝ้าสมบัติทัวร์กับพี่พนักงาน (อย่าถามนะคะพนักงานคนไหน อย่างที่บอกข้างบนแล้วว่าบขส.เวียงสาเป็นที่เล็กๆ พนักงานมีคนเดียวค่ะ 5555) เฝ้าไปสักพักพี่เค้าแนะนำให้เราไปเดินตลาดหน้าวัด หาอาหารเย็นทาน เดินไปสักพัก ใกล้จริงๆ อาหารเยอะมาก และถูกชนิดที่เราตกใจต้องถามอีกรอบเลย
เครปร้านนี้ อร่อยมากและ 15 บาทเท่านั้นนนน หลังจากนั้นกลับมานั่งรอขึ้นรถที่สมบัติทัวร์ ซึ่งรถคันที่เราขึ้นกลับนั้น ไม่เข้าขบส.เวียงสา แต่เวลาขณะนั้นดึกมากแล้วพี่พนักงานจึงให้เราติดรถคันก่อนหน้าเพื่อไปรอรถคันของเรา ที่หน้าโลตัส ขอบคุณนะคะ คืนนั้นมืดมากๆ ถ้าเดินมาพวกหนูหลงแน่ๆเลย รถขากลับไม่เลทค่ะ ออกจะถึงเร็วกว่ากำหนดนิดหน่อย นอนสบายมากๆ สมบัติทัวร์ มีแวะศูนย์พักรถให้ทานอาหารด้วย เพียงแค่เก็บตั๋วไว้ใช้ในการทานอาหาร
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ารถไป - กลับ : 932 บาท
- ค่ารถขึ้นดอย : 117 บาท
- ค่าที่พัก : 135 บาท
- ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม : 300 บาท
รวมประมาณ 1500 บาท
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น