สวัสดีจ้าา นี่เป็นกระทู้ที่ ๒ ของเรา ^^
เมื่อสิ้นปีเราได้มีโอกาสไปเที่ยวมาเลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง
#แบกเป้เที่ยวน่าน 31 ธ.ค.61- 3 ม.ค.62 แบบฉบับสาวตัวคนเดียวไม่มีรถส่วนตัว
#แบกเป้เที่ยวดอยเสมอดาว
#แบกเป้เที่ยวปัว
เ ที่ ย ว น่ า น น า น น า น น ะ 😎
4 วัน 4 คืน พกแบงค์พันไป 4 ใบ จบทริปมีแบงค์ห้าร้อยกลับมา 3 ใบ
การเดินทาง 📍
Day1 : 31ธ.ค. เราจองตั๋วรถหมอชิต-น่านรอบ 19.50 น.ในเว็บสมบัติทัวร์ได้มาในราคา 466 บาท+service 20 = 486 บาทถ้วน
ขึ้นรถแล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่าลงที่ขนส่งเวียงสานะคะ 😙
Day 2 : 1 ม.ค. ถึงขนส่งเวียงสาประมาณ 5.15 น. นั่งรถเมล์เขียวที่ป้ายข้างหน้าเขียนว่าเวียงสา-นาหมื่นไปลงที่นาน้อยนะคะ รถเที่ยวแรกออกประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ บอกคนขับว่าจะไปดอยเสมอดาวเขาจะจอดส่งเราเองค่ะ ค่ารถ 40 บาท
เมื่อถึงนาน้อยแล้วหารถขึ้นดอย ชาวบ้านที่บริการรถรับจ้างขึ้นดอยเขาจะเดินเข้ามาหาเราเอง ค่ารถก็อยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท ถ้าไปเยอะก็หารกันถูกไปอีก เราไปคนเดียวเจอเพื่อนที่จะขึ้นดอยด้วยอีก 2 คน เจ้าของรถคิดคนละ 120 บาทค่ะ ก่อนขึ้นดอยถ้าเรายังไม่มีเต๊นท์เขาจะพาเราไปเช่าเต๊นท์เอกชนแล้วก็แวะให้ซื้อของใช้ด้วยนะคะ ค่าเช่าเต๊นท์เอกชนของเราก็อยู่ที่ 300 บาทค่ะ ไม่มีมัดจำนะเขาจะเก็บบัตรประชาชนเราไว้แล้วคืนให้ในวันที่เราเอาเต๊นท์มาคืน
ขากลับลงจากดอยเราก็กลับรถคันเดิมนะถ้ากลัวไม่มีรถลงมาก็ขอนามบัตรเขาไว้เลย รอบนี้เรามีเพื่อนลงมาด้วย 5 คนหารค่ารถกันไปคนละ 80 บาท
นี่ ๆ ที่นอนเรา คือเราไม่ได้กางเต๊นท์ในพื้นที่ของอุทยานฯ นะ เพราะลุงคนขับรถแนะนำให้เรากางเต๊นท์พื้นที่ชาวบ้านเพราะวิวสวยกว่ามาก ก็เลยตามนั้นค่ะลุง แต่วิวสวยจริงค่ะ
หมูกระทะบนดอยกับอากาศหนาว ๆ คนเดียวฟินมากกก
นี่วิวหน้าเต๊นท์จ้ะ ตื่นมาเจอแบบนี้เลย
คือก่อนมาก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าไม่เจอทะเลหมอกแน่ ๆ เพราะเห็นในเพจอุทยานฯบอกว่า2-3วันมานี้ลมแรง+กับมีฝนหมอกไม่มี เช้านี้ตื่นมาเลยลองเดินขึ้นที่จุดชมวิวของอุทยานฯ สรุปเจอหมอกค่าาาา โชคดีจัง ❤️
Day 3 : 2 ม.ค. ลงจากดอยเอาเต๊นท์ไปคืนเรียบร้อย ก็นั่งรถเมล์เขียวกลับเวียงสา ค่ารถ 40 บาทเหมือนเดิม เสร็จแล้วจะไปปัวก็นั่งรถเมล์จากเวียงสาไปในตัวเมืองน่านค่ารถ 25 บาท นั่งรถจากน่านไปอ.ปัว ค่ารถ 50 บาท (รถตู้ก็มีนะคะวิ่งตรงจากเวียงสาไปปัวเลยไม่ต้องแวะต่อรถที่เมืองน่าน)
ถึงอ.ปัวแล้วเราก็เดินถามหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ จำชื่อร้านไม่ได้นะคะแต่เขาขายรถมือสองด้วย ค่าเช่าวันละ 300 มัดจำ 500 ค่ะ เสร็จแล้วก็ขับหาที่พักในปัว เราขับหาตั้งนานจนมาจบที่ 'บ้านพักกลางทุ่ง' คุณลุงเจ้าของใจดีมากเห็นเรามาคนเดียวคิดเรา 300 บาท : )ห้องใหญ่มาก มีครบทุกสิ่งอย่าง (แอร์ พัดลม ตู้เย็น กาน้ำร้อน ทีวี ยันเครื่องทำน้ำอุ่น)
Day 4 : 3 ม.ค. ตื่นแล้วเราล้างหน้าแล้วรีบขับรถออกไปจองตั๋วกลับกทม.ค่ะ กลัวไม่มีรถกลับ ของสมบัติทัวร์เต็มทุกรอบแล้ว (เสียใจนิด ๆ นะ เพราะนั่งสบายไม่อึดอัด บริการก็ดี)เราเลยจองของอีกทัวร์นึง ราคาตั๋ว 500 บาทถ้วน เสร็จแล้วกลับมาที่พักอาบน้ำแต่งตัวออกไปขับรถเที่ยวจนหนำใจแล้วเอารถไปคืนเตรียมตัวกลับกทม. ร้านเช่ารถใจดีด้วยนะเราคืนรถเรียบร้อยถามเราว่าน้องจะไปไหนต่อ เราบอกว่าจะไปบขส.ขึ้นรถกลับแล้วค่ะ พี่เขาเลยให้น้องไปส่งเราที่บขส.
ขับรถไปแชะเล่นหาดน้ำปัว
อาการเหนือที่เราชอบกินที่สุดคือลาบเหนือ เครื่องลาบเขาหอมมากกก ชอบ มื้อนี้ 70 บาท
ระหว่างทาง ^_^
ขับรถไปแชะที่ลำดวนผ้าทอ อยู่ในอำเภอปัวนั่นแหละถามทางเขาเอา
แชะ 😎
❤
ถึงตอนนี้แล้วถ้าเราอธิบายไม่ละเอียดหรือไม่เข้าใจอะไรตรงไหนถามได้เลยนะคะ 😙
แล้วพบกันระหว่างทางค่ะ
เที่ยวน่านนาน ๆ นะ ดอยเสมอดาว-ปัว แบบฉบับสาวตัวคนเดียวไม่มีรถส่วนตัว
เมื่อสิ้นปีเราได้มีโอกาสไปเที่ยวมาเลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง
#แบกเป้เที่ยวน่าน 31 ธ.ค.61- 3 ม.ค.62 แบบฉบับสาวตัวคนเดียวไม่มีรถส่วนตัว
#แบกเป้เที่ยวดอยเสมอดาว
#แบกเป้เที่ยวปัว
เ ที่ ย ว น่ า น น า น น า น น ะ 😎
4 วัน 4 คืน พกแบงค์พันไป 4 ใบ จบทริปมีแบงค์ห้าร้อยกลับมา 3 ใบ
การเดินทาง 📍
Day1 : 31ธ.ค. เราจองตั๋วรถหมอชิต-น่านรอบ 19.50 น.ในเว็บสมบัติทัวร์ได้มาในราคา 466 บาท+service 20 = 486 บาทถ้วน
ขึ้นรถแล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่าลงที่ขนส่งเวียงสานะคะ 😙
Day 2 : 1 ม.ค. ถึงขนส่งเวียงสาประมาณ 5.15 น. นั่งรถเมล์เขียวที่ป้ายข้างหน้าเขียนว่าเวียงสา-นาหมื่นไปลงที่นาน้อยนะคะ รถเที่ยวแรกออกประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ บอกคนขับว่าจะไปดอยเสมอดาวเขาจะจอดส่งเราเองค่ะ ค่ารถ 40 บาท
เมื่อถึงนาน้อยแล้วหารถขึ้นดอย ชาวบ้านที่บริการรถรับจ้างขึ้นดอยเขาจะเดินเข้ามาหาเราเอง ค่ารถก็อยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท ถ้าไปเยอะก็หารกันถูกไปอีก เราไปคนเดียวเจอเพื่อนที่จะขึ้นดอยด้วยอีก 2 คน เจ้าของรถคิดคนละ 120 บาทค่ะ ก่อนขึ้นดอยถ้าเรายังไม่มีเต๊นท์เขาจะพาเราไปเช่าเต๊นท์เอกชนแล้วก็แวะให้ซื้อของใช้ด้วยนะคะ ค่าเช่าเต๊นท์เอกชนของเราก็อยู่ที่ 300 บาทค่ะ ไม่มีมัดจำนะเขาจะเก็บบัตรประชาชนเราไว้แล้วคืนให้ในวันที่เราเอาเต๊นท์มาคืน
ขากลับลงจากดอยเราก็กลับรถคันเดิมนะถ้ากลัวไม่มีรถลงมาก็ขอนามบัตรเขาไว้เลย รอบนี้เรามีเพื่อนลงมาด้วย 5 คนหารค่ารถกันไปคนละ 80 บาท
นี่ ๆ ที่นอนเรา คือเราไม่ได้กางเต๊นท์ในพื้นที่ของอุทยานฯ นะ เพราะลุงคนขับรถแนะนำให้เรากางเต๊นท์พื้นที่ชาวบ้านเพราะวิวสวยกว่ามาก ก็เลยตามนั้นค่ะลุง แต่วิวสวยจริงค่ะ
หมูกระทะบนดอยกับอากาศหนาว ๆ คนเดียวฟินมากกก
นี่วิวหน้าเต๊นท์จ้ะ ตื่นมาเจอแบบนี้เลย
คือก่อนมาก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าไม่เจอทะเลหมอกแน่ ๆ เพราะเห็นในเพจอุทยานฯบอกว่า2-3วันมานี้ลมแรง+กับมีฝนหมอกไม่มี เช้านี้ตื่นมาเลยลองเดินขึ้นที่จุดชมวิวของอุทยานฯ สรุปเจอหมอกค่าาาา โชคดีจัง ❤️
Day 3 : 2 ม.ค. ลงจากดอยเอาเต๊นท์ไปคืนเรียบร้อย ก็นั่งรถเมล์เขียวกลับเวียงสา ค่ารถ 40 บาทเหมือนเดิม เสร็จแล้วจะไปปัวก็นั่งรถเมล์จากเวียงสาไปในตัวเมืองน่านค่ารถ 25 บาท นั่งรถจากน่านไปอ.ปัว ค่ารถ 50 บาท (รถตู้ก็มีนะคะวิ่งตรงจากเวียงสาไปปัวเลยไม่ต้องแวะต่อรถที่เมืองน่าน)
ถึงอ.ปัวแล้วเราก็เดินถามหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ จำชื่อร้านไม่ได้นะคะแต่เขาขายรถมือสองด้วย ค่าเช่าวันละ 300 มัดจำ 500 ค่ะ เสร็จแล้วก็ขับหาที่พักในปัว เราขับหาตั้งนานจนมาจบที่ 'บ้านพักกลางทุ่ง' คุณลุงเจ้าของใจดีมากเห็นเรามาคนเดียวคิดเรา 300 บาท : )ห้องใหญ่มาก มีครบทุกสิ่งอย่าง (แอร์ พัดลม ตู้เย็น กาน้ำร้อน ทีวี ยันเครื่องทำน้ำอุ่น)
Day 4 : 3 ม.ค. ตื่นแล้วเราล้างหน้าแล้วรีบขับรถออกไปจองตั๋วกลับกทม.ค่ะ กลัวไม่มีรถกลับ ของสมบัติทัวร์เต็มทุกรอบแล้ว (เสียใจนิด ๆ นะ เพราะนั่งสบายไม่อึดอัด บริการก็ดี)เราเลยจองของอีกทัวร์นึง ราคาตั๋ว 500 บาทถ้วน เสร็จแล้วกลับมาที่พักอาบน้ำแต่งตัวออกไปขับรถเที่ยวจนหนำใจแล้วเอารถไปคืนเตรียมตัวกลับกทม. ร้านเช่ารถใจดีด้วยนะเราคืนรถเรียบร้อยถามเราว่าน้องจะไปไหนต่อ เราบอกว่าจะไปบขส.ขึ้นรถกลับแล้วค่ะ พี่เขาเลยให้น้องไปส่งเราที่บขส.
ขับรถไปแชะเล่นหาดน้ำปัว
อาการเหนือที่เราชอบกินที่สุดคือลาบเหนือ เครื่องลาบเขาหอมมากกก ชอบ มื้อนี้ 70 บาท
ระหว่างทาง ^_^
ขับรถไปแชะที่ลำดวนผ้าทอ อยู่ในอำเภอปัวนั่นแหละถามทางเขาเอา
แชะ 😎
❤
ถึงตอนนี้แล้วถ้าเราอธิบายไม่ละเอียดหรือไม่เข้าใจอะไรตรงไหนถามได้เลยนะคะ 😙
แล้วพบกันระหว่างทางค่ะ