สรภัญญะนิยมใช้ กาพย์ใช้ฉันท์ในการแต่ง แต่ก็จำกัดว่าจะต้องใช้ฉันทลักษณ์อะไร หรืออาจรูปแบบขึ้นมาใหม่ก็ได้
วันนี้ผมได้แต่งเท่านี้ ลองดูกันนะครับ
เรื่อง : ปฏาจารา (เรื่องจากธรรมบทครับ ไม่ได้คิดขึ้นมาเอง)
(ขึ้น)
บัดนี้...สิได้กล่าว ถึงเรื่องราว แต่ปางก่อน......
เรื่องราว..ที่สะท้อน พิษรักรอน กับชีวี
(รับ)
มีสาว แรกรุ่นหนึ่ง พ่อก็หึง เป็นเศรษฐี
ในเมือง สาวัตถี นามนางมี "ปฏาจารา" (คำเกินนิดหนึ่งนะครับเป็นชื่อ)
หนุ่มแน่น คอยรับใช้ ถวายใจ เสน่หา
รักนี้ ปิดบังมา ทั้งบิดา บ่เคยรู้
อีกหนุ่ม ผู้สู่ศักดิ์ ส่งความรัก มาขอสู่
วิวาห์ คงจะหรู ก็สมคู่ ฐานันดร
แต่นาง ต้องบอกไว้ บอกหัวใจ คนรักก่อน
หากฉัน วิวาห์จร รักร้าวรอน ตัดขาดกัน
หากเธอ รักฉันแท้ พาหนีแม่ และพ่อฉัน
สร้างรัก ต่อสัมพันธ์ ความรักนั้น เหนื่อชีวี
ชายหนุ่ม คนรับใช้ พาดวงใจ ลักลอบหนี
นางปลอม เป็นทาสี สร้างรักที่ อยู่ป่าดง
///////////// ขอจบตอน แค่นี้ก่อนนะครับ จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เศร้าที่สุด ในธรรมบท (สำหรับผมนะ อินมาก ยิ่งกว่านิยายสมัยไหมซะอีก)
ส่วนนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบทั้งเรื่องและทำนอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ขึ้น)บัดนี้จะได้กล่าวประวัติเรื่องราวก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
(รับ)ในสมัยแต่โบราณ ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านตาดทอง
บ้านนั้นมีอาชีพทำนา จะกล่าวถึงลูกกำพร้าที่ชื่อว่าเจ้าทอง
เดือนหกฝนตกน้ำนอง จะกล่าวถึงเจ้าทองพาควายไปไถนา
เจ้าทองทำนาถ้าแม่ วันนั้นสายแท้รอแม่ไม่เห็นมา
เจ้าทองหิวข้าวจนตาลาย หิวจนแสบไส้ทั้งจ่มทั้งไถนา
จะกล่าวถึงแม่ของเจ้าทอง หาบเอาก่องข้าวน้อยไปส่งลูกที่นา
พอมาถึงจึงเอิ่นใส่ลูก ให้เจ้าผูกควายไว้มากินข้าวสาหล้า
มีแจ่วบองพร้อมทั้งปิ้งปลา มากินสาลูกหล้าแม่เอามาส่งให้
เจ้าทองพอเห็นก่องข้าวน้อย ย้านข้าวมีหน่อยเลยฮ้องมาใส่
ก่องข้าวใหญ่เป็นยังบ่เอามา โอ๊ยอีห่าแพงไว้ท่าผู้ใด๋
แม่เลยบอกกับลูกว่า ก่องข้าวน้อยก็จริงอยู่หล้าแต่ว่ามันแน่นใน
กินส่าก่อนจึงว่ามารดา ลูกจะรู้ว่ามันน้อยหรือมันใหญ่
เจ้าทองหิวข้าวเหลืออด เลยปลดแอกน้อยจะฆ่าแม่ทันที
แม่มองเห็นว่าลูกจะมาตี จึงวอนให้ลูกปราณี
อย่าตีแม่เด้อลูกเด้อ อย่าตีแม่เด้อลูกหล่า............
(ขึ้นเศร้า นำทำนองหมอลำมาผสม)
โอ้..............โอ่...................โอ้.................
ทองจ้าทองลูกหล้าอย่าฆ่าแม่ ฟังกระแสแม่ก่อนนะลูกหนา
อย่าฆ่าแม่บาปกรรมจะตามมา เพราะมารดามีคุณเหลืออนันต์
ตั้งแต่เล็กจนโตแม่เลี้ยงเจ้า คุณของแม่ยายเฒ่ามีมากหลาย
เลี้ยงแต่น้อยจนโตใหญ่ให้เห็นใจ บ่เคยเอามือป่ายตีลูกตน
พอเลี้ยงใหญ่ขึ้นมาทรยศ เจ้าใจคดให้เลียวไม่สงน
ทองจ๋าทองบุตรตาโอ้ฤทน แม่ขอชีวิตเจ้าสักหนเถอะลูกยา
ทองจ๊าทองบุตรตาอย่าสิทำแม่กลัวแล้ว....
(รับ) เจ้าทองไม่ฟังคำแม่จักหน่อย จับได้แอกน้อยตีใส่หัวมารดา
ตีจนแม่มรณา ไม่มีความปราณีไม่มีความเมตตา
ฆ่าแม่ตายทองก็เปิดก่องข้าว พ่อเปิดออกแล้วก็เศร้าเพราะมองเห็นเลือดมารดา
ว่าจะกินข้าวก็กินไม่ลง กอดจูบแม่ตนแล้วก็หลั่งน้ำตา
แม่จ๋าลูกผิดไปแล้ว อภัยให้ลูกแก้วเทิดหนามารดา
ฆ่าแม่ตายเพราะความโกธา ยมบาลคงพาลูกลงอเวจี
เจ้าทองก็คิดกลัวบาป เลยสร้างพระธาตุบรรจุกระดูกมารดา
เลยใส่ชื่อธาตุก่องข้าวน้อย เพื่อเท้ารอยบาปกรรมที่เคยทำมา
นี้แหละหนาความหิวของคน หน้ามืดมัวมนฆ่าแม่ตนจนมรณา
เพราะความหิวจึงฆ่าตาย ของเตือนลูกหญิงชายอย่าเป็นดั่งว่ามา
ถ้าอยากเห็นเชิญแวะไปดู ธาตุก่องข้าวน้อยตั้งอยู่ที่บ้านตาดทอง
เข้าพรรษาแล้ว มาแต่งสรภัญญะกันเถอะ
วันนี้ผมได้แต่งเท่านี้ ลองดูกันนะครับ
เรื่อง : ปฏาจารา (เรื่องจากธรรมบทครับ ไม่ได้คิดขึ้นมาเอง)
(ขึ้น)
บัดนี้...สิได้กล่าว ถึงเรื่องราว แต่ปางก่อน......
เรื่องราว..ที่สะท้อน พิษรักรอน กับชีวี
(รับ)
มีสาว แรกรุ่นหนึ่ง พ่อก็หึง เป็นเศรษฐี
ในเมือง สาวัตถี นามนางมี "ปฏาจารา" (คำเกินนิดหนึ่งนะครับเป็นชื่อ)
หนุ่มแน่น คอยรับใช้ ถวายใจ เสน่หา
รักนี้ ปิดบังมา ทั้งบิดา บ่เคยรู้
อีกหนุ่ม ผู้สู่ศักดิ์ ส่งความรัก มาขอสู่
วิวาห์ คงจะหรู ก็สมคู่ ฐานันดร
แต่นาง ต้องบอกไว้ บอกหัวใจ คนรักก่อน
หากฉัน วิวาห์จร รักร้าวรอน ตัดขาดกัน
หากเธอ รักฉันแท้ พาหนีแม่ และพ่อฉัน
สร้างรัก ต่อสัมพันธ์ ความรักนั้น เหนื่อชีวี
ชายหนุ่ม คนรับใช้ พาดวงใจ ลักลอบหนี
นางปลอม เป็นทาสี สร้างรักที่ อยู่ป่าดง
///////////// ขอจบตอน แค่นี้ก่อนนะครับ จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เศร้าที่สุด ในธรรมบท (สำหรับผมนะ อินมาก ยิ่งกว่านิยายสมัยไหมซะอีก)
ส่วนนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบทั้งเรื่องและทำนอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้