สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) จัดกิจกรรมเชิญชวนคนไทยร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้แนวคิด "งดเหล้าครบพรรษา พักตับทั่วไทย" ที่ โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์
ดร.นพ. บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมกับเครือข่ายฯ รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรรษามาอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) ต่องานรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปีที่ผ่านมา ในกลุ่มอายุ 15 ปี ขึ้นไป จาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ประชากร 14.88 ล้านคน คิดเป็น 70.9% งดและลดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา ในจำนวนนี้ 6.78 ล้านคน คิดเป็น 32.3% งดดื่มได้ตลอดพรรษา 8.10 ล้านคน คิดเป็น 38.6% ลดหรืองดได้เป็นช่วงๆขณะที่ 385 ชุมชนทั่วประเทศพร้อมใจจัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ส่งผลให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีขึ้น ประเทศชาติประหยัดเงินได้มากถึง 6.4 หมื่นล้านบาท
"อยากเชิญชวนให้ผู้นำชุมชน องค์กรต่างๆ สร้างมาตรการชวนคนที่ดื่มหันมาตั้งใจและพยายามงดเหล้าให้ครบพรรษา ชวนให้มาพักตับ 3 เดือน ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม นอกจากนี้เครือข่ายฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมช่วงเข้าพรรษาอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรมชวนแรงงานชวนพักตับ กิจกรรมกับเด็กและเยาชน การประกวด สุนทรพจน์ ชวนงดเหล้าในระดับมัธยมศึกษาต้น โดยให้ตีโจทย์จากคำขวัญในวันงดดื่มสุราแห่งชาติของนายกรัฐมนตรี "ครอบครัว เยาวชน คนรุ่นใหม่ ห่างไกลสุรา พาชาติเจริญ"ซึ่งผู้เข้าประกวดต้องอธิบายความหมายของคำขวัญว่าทำไมต้องห่างไกลจากสุรา และยังมีกิจกรรมรณรงค์อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในทุกจังหวัด" ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคมโรงพยาบาลน่าน จังหวัดน่าน กล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารเคมีที่เป็นพิษต่อตับ ส่วนตับมีหน้าที่เหมือนโรงงานกำจัดขยะ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆ และเมื่อเกิดโรคขึ้นมา นั่นแสดงว่า ตับทำงานหนัก และสูญเสียการทำงานไปแล้ว ซึ่งบางคนเมื่อไปตรวจเลือดจึงพบว่า การทำงานของเอนไซม์ในตับลดลง สำหรับผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่อตับ เริ่มจาก ไขมันสะสมในตับ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเริ่มต้น หากหยุดดื่มตับจะกลับมาทำงานเป็นปกติ ส่วนระยะต่อมาคือตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ตับจะมีขนาดใหญ่ และกดเจ็บ แต่หากหยุดดื่มอาการจะดีขึ้นและอาจจกลับมาเป็นปกติ แต่หากยังดื่มต่อจะมีโอกาสลามเข้าสู่ระยะ3 คือตับแข็ง การรักษาคือต้องหยุดดื่มเด็ดขาด เนื่องจากเป็นระยะสุดท้ายที่ผังผืดเกาะอยู่ที่เนื้อตับ ทำให้ตับมีลักษณะผิวไม่เรียบ ขรุขระ เป็นก้อน ผู้ป่วยระยะนี้มักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการดีซ่าน ท้องมาน หรืออาเจียนเป็นเลือดสดๆ เนื่องจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารแตก นอกจากนี้ผู้ที่เป็นตับแข็งมีโอกาสเสี่ยงเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง
"การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยดูแลตับ พักตับไม่ให้ได้รับสารเคมีในช่วง3เดือน เท่ากับเป็นการช่วยให้ตับทำงานได้ดี ไม่ให้ตับเกิดความเสียหายมากขึ้น และอีกหลายๆ คน ใช้เทศกาลเข้าพรรษาเป็นเป็นแรงจูงใจให้เลิกดื่มแอลกอฮอล์ได้ อย่าลืมว่าการทำงานของตับมีกำลังสำรองในการทำงานประมาณ 3 เท่า หากยังดื่มทุกวัน จะไม่รู้ตัวว่าตับถูกทำลาย และเมื่อตับถูกทำลายลงไปถึง 75% ร่างกายจะแสดงผลออกมาคือ โรคตับแข็ง ซึ่งตับจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติอีกต่อไป" นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นายจักรพันธ์ กลั่นเรืองแสง อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า เริ่มดื่มเหล้าช่วงเป็นวัยรุ่น เพื่อนชวนและอยากสังสรรค์ เมื่อมีงานทำยิ่งดื่มหนักขึ้น ต้องแอบดื่มขณะทำงาน ทั้งเหล้าสีเหล้าขาวได้หมด ตกประมาณวันละ 5 แก้ว เมื่อดื่มจนติดจึงต้องดื่มทุกเช้า ไม่กินข้าวแต่ขอให้มีเหล้าติดบ้านไว้ กระทั่งมีอาการ เวียนหัว อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำ ตาเหลือง หน้าคล้ำ ท้องบวมโต ครอบครัวจึงพาส่งโรงพยาบาล
"หมอระบุว่าผมเป็นโรคตับแข็ง ต้องหยุดดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาด ได้ยินก็ตกใจและไม่อยากกลับไปดื่มเพราะกลัวตาย แม้ช่วงแรกจะมีอาการอยากดื่ม แต่ต้องเอาชนะใจตัวเอง มุ่งมั่นและตั้งใจจริง เห็นคุณค่าของชีวิต จึงทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นทำให้เลิกดื่มเหล้าได้ในที่สุด แม้ปัจจุบันต้องทนทุกข์เพราะเหล้าทำลายชีวิต เข้าออกโรงพยาบาลรักษาโรคตับทานยาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังดีที่ได้ชีวิตใหม่และครอบครัวกลับคืนมา ขอฝากถึงคนที่ยังดื่มเหล้าให้เปลี่ยนแปลงตัวเองหันมารักสุขภาพลดละเลิกใช้เทศกาลเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้น" นายจักรพันธ์ กล่าว
ขณะที่ นายชะมัด เสาร์ทอง อายุ 63 ปี อาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า ตนดื่มมาตั้งแต่10 ขวบ หลังเลิกงานก็ตั้งวงกินเหล้าทุกวัน หมดค่าเหล้าวันละ 200-300 บางวันก็ไปทำงานไม่ไหว จนมาป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้องผ่าตัดเนื้อร้ายออกไป แม้แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าตรวจตับเพราะกลัวผลออกมาจะเป็นตับแข็ง ยอมรับว่ากลัวมากตอนกินเหล้าหนักๆก็ไม่ได้คิดอะไร คงไม่เป็นอะไรมากหรอก ช่วงหนุ่มๆทำงานขับรถโดยสารประจำทาง เลิกงานดึกแค่ไหนก็ต้องดื่มสังสรรค์กับเพื่อน พอเปลี่ยนอาชีพมาขับวินแม้จะรู้ว่าร่างกายไม่ไหว ก็ยังดื่มเบียร์วันละ 2-3 ขวด ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างพักรักษาตัว หมดเงินค่ารักษาไปมาก และที่ดีใจที่สุดคือเอาชนะใจตัวเองเลิกดื่มเหล้าได้อย่างเด็ดขาด หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้า เพราะมันเป็นต้นเหตุให้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ขอฝากไปถึงคนที่ยังดื่มให้คิดถึงสุขภาพ คนที่เรารัก ก่อนที่จะสายเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thaihealth.or.th/Content/32006-%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%AA.-%20%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%A5.%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%20%22%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2%20%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%22.html
ดื่มมาหนัก พักตับ กันไหม
ดร.นพ. บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมกับเครือข่ายฯ รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรรษามาอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) ต่องานรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปีที่ผ่านมา ในกลุ่มอายุ 15 ปี ขึ้นไป จาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ประชากร 14.88 ล้านคน คิดเป็น 70.9% งดและลดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา ในจำนวนนี้ 6.78 ล้านคน คิดเป็น 32.3% งดดื่มได้ตลอดพรรษา 8.10 ล้านคน คิดเป็น 38.6% ลดหรืองดได้เป็นช่วงๆขณะที่ 385 ชุมชนทั่วประเทศพร้อมใจจัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ส่งผลให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีขึ้น ประเทศชาติประหยัดเงินได้มากถึง 6.4 หมื่นล้านบาท
"อยากเชิญชวนให้ผู้นำชุมชน องค์กรต่างๆ สร้างมาตรการชวนคนที่ดื่มหันมาตั้งใจและพยายามงดเหล้าให้ครบพรรษา ชวนให้มาพักตับ 3 เดือน ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม นอกจากนี้เครือข่ายฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมช่วงเข้าพรรษาอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรมชวนแรงงานชวนพักตับ กิจกรรมกับเด็กและเยาชน การประกวด สุนทรพจน์ ชวนงดเหล้าในระดับมัธยมศึกษาต้น โดยให้ตีโจทย์จากคำขวัญในวันงดดื่มสุราแห่งชาติของนายกรัฐมนตรี "ครอบครัว เยาวชน คนรุ่นใหม่ ห่างไกลสุรา พาชาติเจริญ"ซึ่งผู้เข้าประกวดต้องอธิบายความหมายของคำขวัญว่าทำไมต้องห่างไกลจากสุรา และยังมีกิจกรรมรณรงค์อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในทุกจังหวัด" ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคมโรงพยาบาลน่าน จังหวัดน่าน กล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารเคมีที่เป็นพิษต่อตับ ส่วนตับมีหน้าที่เหมือนโรงงานกำจัดขยะ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆ และเมื่อเกิดโรคขึ้นมา นั่นแสดงว่า ตับทำงานหนัก และสูญเสียการทำงานไปแล้ว ซึ่งบางคนเมื่อไปตรวจเลือดจึงพบว่า การทำงานของเอนไซม์ในตับลดลง สำหรับผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่อตับ เริ่มจาก ไขมันสะสมในตับ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเริ่มต้น หากหยุดดื่มตับจะกลับมาทำงานเป็นปกติ ส่วนระยะต่อมาคือตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ตับจะมีขนาดใหญ่ และกดเจ็บ แต่หากหยุดดื่มอาการจะดีขึ้นและอาจจกลับมาเป็นปกติ แต่หากยังดื่มต่อจะมีโอกาสลามเข้าสู่ระยะ3 คือตับแข็ง การรักษาคือต้องหยุดดื่มเด็ดขาด เนื่องจากเป็นระยะสุดท้ายที่ผังผืดเกาะอยู่ที่เนื้อตับ ทำให้ตับมีลักษณะผิวไม่เรียบ ขรุขระ เป็นก้อน ผู้ป่วยระยะนี้มักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการดีซ่าน ท้องมาน หรืออาเจียนเป็นเลือดสดๆ เนื่องจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารแตก นอกจากนี้ผู้ที่เป็นตับแข็งมีโอกาสเสี่ยงเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง
"การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยดูแลตับ พักตับไม่ให้ได้รับสารเคมีในช่วง3เดือน เท่ากับเป็นการช่วยให้ตับทำงานได้ดี ไม่ให้ตับเกิดความเสียหายมากขึ้น และอีกหลายๆ คน ใช้เทศกาลเข้าพรรษาเป็นเป็นแรงจูงใจให้เลิกดื่มแอลกอฮอล์ได้ อย่าลืมว่าการทำงานของตับมีกำลังสำรองในการทำงานประมาณ 3 เท่า หากยังดื่มทุกวัน จะไม่รู้ตัวว่าตับถูกทำลาย และเมื่อตับถูกทำลายลงไปถึง 75% ร่างกายจะแสดงผลออกมาคือ โรคตับแข็ง ซึ่งตับจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติอีกต่อไป" นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นายจักรพันธ์ กลั่นเรืองแสง อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า เริ่มดื่มเหล้าช่วงเป็นวัยรุ่น เพื่อนชวนและอยากสังสรรค์ เมื่อมีงานทำยิ่งดื่มหนักขึ้น ต้องแอบดื่มขณะทำงาน ทั้งเหล้าสีเหล้าขาวได้หมด ตกประมาณวันละ 5 แก้ว เมื่อดื่มจนติดจึงต้องดื่มทุกเช้า ไม่กินข้าวแต่ขอให้มีเหล้าติดบ้านไว้ กระทั่งมีอาการ เวียนหัว อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำ ตาเหลือง หน้าคล้ำ ท้องบวมโต ครอบครัวจึงพาส่งโรงพยาบาล
"หมอระบุว่าผมเป็นโรคตับแข็ง ต้องหยุดดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาด ได้ยินก็ตกใจและไม่อยากกลับไปดื่มเพราะกลัวตาย แม้ช่วงแรกจะมีอาการอยากดื่ม แต่ต้องเอาชนะใจตัวเอง มุ่งมั่นและตั้งใจจริง เห็นคุณค่าของชีวิต จึงทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นทำให้เลิกดื่มเหล้าได้ในที่สุด แม้ปัจจุบันต้องทนทุกข์เพราะเหล้าทำลายชีวิต เข้าออกโรงพยาบาลรักษาโรคตับทานยาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังดีที่ได้ชีวิตใหม่และครอบครัวกลับคืนมา ขอฝากถึงคนที่ยังดื่มเหล้าให้เปลี่ยนแปลงตัวเองหันมารักสุขภาพลดละเลิกใช้เทศกาลเข้าพรรษานี้เป็นจุดเริ่มต้น" นายจักรพันธ์ กล่าว
ขณะที่ นายชะมัด เสาร์ทอง อายุ 63 ปี อาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า ตนดื่มมาตั้งแต่10 ขวบ หลังเลิกงานก็ตั้งวงกินเหล้าทุกวัน หมดค่าเหล้าวันละ 200-300 บางวันก็ไปทำงานไม่ไหว จนมาป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้องผ่าตัดเนื้อร้ายออกไป แม้แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าตรวจตับเพราะกลัวผลออกมาจะเป็นตับแข็ง ยอมรับว่ากลัวมากตอนกินเหล้าหนักๆก็ไม่ได้คิดอะไร คงไม่เป็นอะไรมากหรอก ช่วงหนุ่มๆทำงานขับรถโดยสารประจำทาง เลิกงานดึกแค่ไหนก็ต้องดื่มสังสรรค์กับเพื่อน พอเปลี่ยนอาชีพมาขับวินแม้จะรู้ว่าร่างกายไม่ไหว ก็ยังดื่มเบียร์วันละ 2-3 ขวด ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างพักรักษาตัว หมดเงินค่ารักษาไปมาก และที่ดีใจที่สุดคือเอาชนะใจตัวเองเลิกดื่มเหล้าได้อย่างเด็ดขาด หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้า เพราะมันเป็นต้นเหตุให้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ขอฝากไปถึงคนที่ยังดื่มให้คิดถึงสุขภาพ คนที่เรารัก ก่อนที่จะสายเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้