ตอนที่ 3 : สาวน้อยเฟยอิน
"เตี่ย" เธอวิ่งฝ่าฝูงคนจะเข้าไปประคองเตี่ยของเธอ ไกรออกวิ่งทีหลังแต่ถึงก่อน พุ่งตัวมายืนขวางหน้าเตี่ยของเธอ ไกรมองเข้าไปในเรือนชาย 2 คนยืนอยู่ในเรือน ชาย 3 คนนั่งอยู่บนเก้าอี้พวกเขาใส่ชุดแบบครูมวยจีนสีดำดูก็รู้ว่าเป็นลูกพี่ 3 พี่น้องตระกูลตง ชายคนขวามือสุด “ตงเฉิน” ไกร เคยเปรียบมวยด้วยในงานวัด มันเองก็คงจำไกรได้มันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าไกรจำชื่อมันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ชายคนกลางพี่ใหญ่ ตงหลิง นั่งจิบชาช้าๆ อย่างไม่ยี่ระ ชายคนซ้าย ตงลี่ มองประเมินไกรด้วยหางตา ก่อนชายที่ไกรเคยประมือด้วยจะเอยปากช้าๆ
“” ตงเฉิน สูงเกือบเท่าไกร เตี้ยกว่าเพียงเล็กน้อย กัดฟันส่งเสียงลอดออกมาตามร่องฟัน ในการเปรียบมวยกับไกรมันแพ้หมดท่า มวยพยัคฆ์ตระกูลตงต้องเสื่อมเสียหน้า แผนการประกาศศักดาแก๊งเสือขาวล่มไม่เป็นท่า ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้ไกร มันจดบัญชีแค้นทั้งหมดโยนมาที่เขา
“ไอ้หมัดแมว” ไกรตอบเสียงดังพร้อมกับเอียงคอมองอย่างกวนประสาท
“...หมัดพยัคฆ์คำรนโว้ย” มันหน้าแดงก่ำกำหมัดแน่น คนรอบข้างๆ กลั่นขำจนหน้าแดง ชายชุดดำสองคนถึงกับสำนักน้ำชา
“เอาเถอะจะหมัดแมวหมัดหมาก็ว่ามาทำแบบนี้ทำไม” ไกรเท้าเอวมันมองมาทางเฟยอินพูดลอดไรฟันออกมา
“หัวหน้าแก็งเสือขาวต้องการรับน้องเฟยอินเป็นอนุ” แล้วชี้มือไปทางตะกร้า 3-4 ใบที่กองอยู่ที่มุมห้อง
“สินสอด วันนี้มารับตัว” เฟยอินที่ด้านหลังขมวดคิ้วส่ายหน้า ให้ไปเป็นเมียน้อยของตาแก่รุ่นปู่เธอไม่ยอม
“ไม่ ไม่มีทางเอาของพวกแกกลับไป” เธอตะโกนเสียงดัง เตี่ยกับม๊าโวยวายว่าไม่รับ
“เอาน่าพวกเขาก็ปฎิเสธแล้ว หัวหน้าแก็งพวกแกก็แก่แล้ว อยู่บ้านเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเถอะหัวหงอกแล้วจะยังอยากได้เมียสาวไปทำไม หัวใจวายตายห่าไม่รู้ด้วยนะ” ไกรใช้มือทำท่าไล่ ตงเฉินหน้าแดงก่ำไอ้ผู้ชายคนนี้ปากจัดเหมือนสตรี มันตบโต๊ะดัง “ปัง”
“กรงเล็บพยัคฆ์เหิน” มันแหกปากพร้อมทำมือเป็นกรงเล็บกระโจนใส่ไกร พุ่งนิ้วใส่ดวงตาเขา เสียงกรี๊ดดังขึ้นมันลงมือเหี้ยมโหดหวังเล่นงานจนเขาตาบอดกลายเป็นชายพิการ “พี่ไกร” เฟยอินปิดตาหวีดร้อง
“ฉัวะ” พร้อมเสียงร้องของตงเฉิน ไกรฟันศอกลงบนกรงเล็บพยัคฆ์ที่ตอนนี้แหลกลงไปแล้ว นิ้วชี้กับนิ้วกลางหักจนผิดรูป หว่างนิ้วฉีกออกจากกันเป็นแผลเลือดข้นคลั่กพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเลือด “กรงเล็บเยี่ยวหรือจะสู้เขาแรด” ไกรคิดในใจแล้วยกการ์ดขึ้นส่งขาซ้ายหวดขึ้นสูง เร็วกว่าที่ตงเฉินจะการ์ดรับทัน ขาข้างซ้ายก็ฟาดเข้ากับก้านคอของเขาร่างลอยละลิ่ว กระแทกเข้ากับตะกร้าสินสอดจนล้มระเนระนาดแน่นิ่ง
ทุกคนรอบบริเวณเงียบกริบไร้เสียง
“ตกลงมันชื่ออะไรวะลืมถามอีกแล้ว” ไกรเกาหัว “มันตลกดีนะเขาชอบ เวลาที่มันตะโกนชื่อท่าก่อนลงมือดูเหมือนการ์ตูนดี แบบ พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า แล้วก็ อะโช่ว ปล่อยพลังออกมา” ไกรคิดในใจเสียงซุบซิบดังขึ้น หลายคนเคยเห็นไกรต่อยมวยในงานวัดก็ยังตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า หลังตั้งสติได้ฝ่ายตระกูลตงโวยวายบางคนทำท่าฮึดฮัด
ชายคนกลางที่นิ่งมาตลอดไม่แม้แต่เหลือบมองค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บรรยากาศที่มีเสียงซุบซิบเงียบสนิทลง ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของมันทำให้ไกรไม่กล้าประมาท
“ร้ายกาจ ไม่ทราบว่าน้องชายเรียกว่าอะไร” มันพอยื่นขึ้น สูงกว่าที่ไกรคิดสูงเท่าเขาเลย แต่ผอมกว่า ด้านหลังผูกเปียยาว การยกมือวางเท้าดูเหมือนเฉื่อยช้าแต่กลับไร้ช่องโหว่ ชุดครูมวยสีดำ มือไพล่หลัง ไกรไม่มั่นใจว่าในมือมันมีอาวุธไหม
“ชื่อไกร ไกรทอง” ไกรแนะนำตัว สองคนลอบสำรวจอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ข้าตงหลิง พี่ชายคนโตแห่งหมัดพยัคฆ์ตระกูลตง ขอโทษด้วยที่น้องข้าเสียมารยาท” มันยื่นประจันหน้ากับไกรโดยไม่ระย่นย่อ บรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองทำเอาคนรอบข้างอึดอัด
“น้องไกรเป็นศิษย์สำนักใด” ตามองไกรไม่กระพริบ ถึงจะเห็นน้องชายตัวเองที่สลบด้วยการโจมทีเพียงครั้งเดียวแต่กลับไร้แววกลัวจากดวงตาไกรพยายามสังเกตหาริ้วคลื่นความว้าวุ่นใจจากอีกฝ่ายแต่กลับไม่พบอะไร ไกรเงยหน้าขึ้นเกาคาง ชูนิ้วออกก่อนจะหักลงทีล่ะนิ้วช้าๆ “ถ้าศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวก็คง มวยไทย ยูโด แซมโบ ยิวยิตสู เทควันโด คาราเต้ ประมาณนี้แหละ” จริงๆ มีพวกคอร์สสั้นๆ ของศิลปะการต่อสู้อื่นอีกนะแต่คงนับว่าเรียนไม่ได้ ส่วนที่เรียนจริงจังก็คงราวๆ นี้แหละ “ถนัดมวยไทยที่สุด” ไกรยิ้มตอบ
“ที่แท้ก็พวกครูพักลักจำ แต่สามารถล้มตงเฉินได้ใน 2 ท่านับว่าไม่ธรรมดา” มันมองตาไกร “รบกวนชี้แนะแล้ว” พูดจบ ไม่รอให้ไกรตอบกรงเล็บที่เหมือนกับของตงเฉินพุ่งเข้าตรงหน้าแต่ความเร็วคนล่ะระดับ เร็วกว่ามาก ไกรเอียงคอหลบตามสัญชาตญาณ แต่ยังคงช้ากว่ากรงเล็บพยัคฆ์ฉีกเนื้อบริเวณแก้มออกเป็นทางยาว เขายกแขนฟันศอกขนานกับลำตัวเล็งไปที่กกหู ของตงหลิง อีกฝ่ายใช้แขนรับออกแรงส่งศอกของเขาเบี่ยงออก เขาโจมตีต่อเนื่องส่ง เข่าตามเข้าไปเล็งไปทีหว่างขาถ้าโดน สกุลตง คงไร้ทายาทแล้ว ตงหลิงใช้มือข้างขวากันเข่าของเขา พร้อมกับกำปั้นซ้ายพุ่งตรง มาตรงหน้า ไกรใช้หน้าผากของตัวเองพุ่งเข้าเข้าปะทะกำปั้นของอีกฝ่าย “เปรี้ยง” แหลก เสียงดังลั่น ทั้งสองคนถอยออกจากกัน มีเลือดไหล ซึมออกจากหน้าผากไกร ส่วนตงหลิงกลับซ่อนมือไว้ด้านหลัง กำปั้นซ้ายคงหักไปแล้ว เพียงสูดหายใจช่วงสั้นๆ มันตวัดขาขึ้นจนเป็นเส้นตรงแล้วฟาดลงตรงกลางกระหม่อมไกร เขายกแขนขวาขึ้นเหนือหัวรับ ง้างหมัดซ้ายเตรียมตอบโต้ พริบตาขาของตงหลิงเบี่ยงออกแล้วหมุนในทิศทางที่คาดไม่ถึง มันหวดเข้ากกหูด้านซ้ายของเขา “เปรี้ยง” เสียงดัง ร่างไกรลอยกระเด็นไปจนติดกำแพง “โครม” “พี่ไกร” เฟยอินหน้าซีดกำลังจะพุ่งเข้ามาหาไกรแต่ถูกม๊าของเธอดึงไว้
ไกร “อูย เห็นดาวเลย” ไกรนอนแผ่หลามองเพดานกระพริบตาปริบๆ “พอแล้วพี่ไกรๆ พี่ไกร” เสียงของเฟยอินเรียกเขาดรุณีน้อยนิ่วหน้าตาแดงน้ำตาไหลอาบแก้มดูน่าเวทนายิ่งนัก “น้องไกรจะนอนอีกนานไหมข้ารู้ว่าเพียงลูกเตะทำอะไรน้องไกรมิได้” ตงหลิงมือไพล่หลัง สีหน้าสงบนิ่ง มองร่างที่นอนแผ่ของไกรกลับไม่ใช้โอกาสนี้ซ้ำเขา ไกรยิ้มแล้วยกสะโพกเหวี่ยงตัวขึ้น “ฮึบ....” ทั้งสองคนมองหน้ากัน ถ้าใครไม่รู้ต้องคิดว่าเขาสองคนกำลังเปรียบมวยกระชับมิตร “หมั่นไส้หน้ากากจอมปลอมนั้นจริง จะทำให้ยิ้มไม่ออกเลย” ไกรพูด มองตอบตงหลิง “ถ้าน้องไกรสามารถก็เข้ามา” สิ้นคำไกรพุ่งเข้าใส่ รวบขาอีกฝ่ายตงหลิงชะงัก แต่ใช่จะไร้ฝีมือ มันยกเท้าเตะเข้าที่ใบหน้า เขาไม่หลบไม่ถอย “เปรี้ยง” เท้าของ ตงหลิงเตะเข้าบริเวณใบหน้าไกรอย่างถนัดเลือดกระเซ็น แต่หยุดไกรไม่ได้เขารวบขาของ ตงหลิงแล้วกระชากดึง “ตึง” ทั้งสองคนล้มลงพร้อมกัน ตงหลิงขมวดคิ้วสีหน้างงงัน “นี้มันเชิงมวยใด” ยังไม่ทันที่จะตั้งสติ ไกรใช้อุ้งมือกระชากเสื้อตงหลิงพร้อมพุ่งร่างตัวเองขึ้น มันรีบส่งหมัดขวาเข้าสู่ใบหน้า ไกรคว้าข้อมือมันไว้ แล้วกระชากเบี่ยงออก เพื่อเข้าสู่ท่าล็อก แขนขวาของตงหลิงถูก ไกรตรึงไว้ด้วยท่าล็อกขาขวาของไกรพาดอยู่ตรงคอตงหลิง ขาซ้ายลอดอยู่ใต้ขาขวา แขนของตงหลิงถูกมือสองข้างของไกรล็อกไว้แน่นราวกับคีม ตงหลิงหน้าเปลี่ยนเป็นสีตับหมูเหงื่อพระกาฬไหลทั่วกรอบหน้า หัวไหล่ถูกงัดขึ้นราวกับจะฉีก เจ็บจนหน้าถอดสี
“ต่ำช้า” เสียงของน้องรองตระกูลตงดังขึ้น มันพุ่งตัวเข้าใส่ใช้เท้าพุ่งเข้าบริเวณใบหน้าไกร ไกรรีบผละตัวออกจากพี่ชายมัน “กร็อบ” “อ๊าก” ตงหลิงหน้าถอดสี แขนหักแล้ว จริงๆ เขาไม่ได้ดิดจะเล่นงานอีกฝ่ายจนแขนหักหรอกนะแต่เมื่อกี้พอดีโดนโจมตีเลยตกใจหนักมือไปเท่านั้นเอง ตงลี่รีบเข้าประคองพี่ชายที่ตอนนี้แขนห้อยร่องแร่ง หน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ “มารดาเอ็ง เชิงมวยใดช่างต่ำช้า คล้ายสตรีตบตีเช่นนี้” ตงลี่ชี้หน้าถกเหตุผล ไกรใช้นิ้วก้อยแคะหู ไม่พูดก็แล้วไปเถอะแต่ถ้าให้เขากัดใครล่ะก็กระอักเลือดแน่ “เชิงมวยคล้ายสตรีตบตีแล้วเยี่ยงไร ถ้าเยี่ยงนั้นมวยตระกลูตงที่พ่ายให้กับเชิงมวยของสตรีไม่ยิ่งกระจอกกว่ารึ” ตงลี่โกรธจะหน้าแดงแทบระเบิดตงหลิง ไม่ใช่ไร้ฝีมือเขาร้ายกาจเพียงแต่ไม่เคยเจอ การต่อสู้ท่านอนจึงรับมือไม่ถูก ตงหลิงยกมือซ้ายที่กำปั้นหัก ห้ามปราม ขมวดคิ้ว “น้องไกรกล่าวถูกต้อง ไม่ทราบว่าที่น้องไกรใช้เป็นเชิงมวยใด” ตงหลิงถาม “บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู” ไกรเป็นทหารมิใช่ ครูมวย นักรบเหรอยิ่งห่างไกล เขาไม่สนวิธีการ ในสงครามไร้กติกา เอ็งไม่ตายก็ข้าม้วย ถ้าอีกฝ่ายยืนสู้เก่งกว่าเขา เขาจะกระชากมันลงมานอนสู้ ถ้ามันนอนสู้เก่งกว่า เขาจะใช้อาวุธ ถ้าอาวุธยังสู้ไม่ได้ จะใช้กลยุทธ์ ถ้ายังแพ้ก็จะหนี แล้วกลับมาล้างแค้น
“ช่างร้ายกาจถูกสั่งสอนแล้ว” ตงหลิงหน้าซีดเหงื่อไหลท่วมหน้าไกรสังเกตเห็นดวงตาที่สั่นไหว ไกรประสานมือคารวะแบบจีน “ชมเกินไป มวยตระกูลตงร้ายกาจสมคำเล่าลือ นับถือ แขนที่หักผู้น้องลงมือรวดเร็วแผลเรียบหากพี่ตงได้หมอกระดูกฝีมือดีรับรองไม่เกิน 2 เดือนหายสนิท” ในเมื่ออีกฝ่ายมีมารยาทตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องหักหน้า “กลับ” ตงหลิงเอ่ยปากชายสองคนเดินเข้าไปหาม ตงเฉินที่ยังสลบ ไม่ฟื้นถูกหามออกไป “เฮ้ยเอาสินสอดกลับไปด้วย” ไกรชี้มือไปยังกองตะกร้าที่ล้มระเนระนาด พวกมันรีบเก็บในหาบแล้วหามกลับไป 3 พยัคฆ์ตระกูลตง ตอนนี้ หนึ่งสลบ หนึ่งมือแตกแขนหัก อีกหนึ่งไม่กล้าแม้จะเข้าสู้ซึ่งหน้า จากวันนี้ตระกูลตงไม่มีสิทธิช่วงชิงความเป็นใหญ่ในแก็งเสือขาวอีกแล้ว
เสียงเล่าลือถูกเติมแต่งจนไกลจากความจริงไปเรื่อยๆ ไกรกลายเป็นเทพสงคราม บ้างว่า ใช้เพียงนิ้วเดียวสยบ สองพี่สองตระกูลตง บ้างว่า ใช้เพียงพลังภายในไม่ทันได้สัมผัสตัวด้วยซ้ำ ส่วนเจ้าของข่าวลือกลับนอนเล่นในเพิงหลังคาจากที่เช่าจากชาวบ้านอย่างสบายอารมณ์ ฟังเสียงนกร้องกลับรัง เด็กน้อยหลายคนวิ่งหยอกล้อกัน ไกรนอนกระดิกเท้า ฮัมเพลงมาร์ชกองทัพบกอย่างสบายอารมณ์
“พี่ไกร” ไกรลืมตามอง เฟยอินดรุณีน้อย ในชุดกี่เพ้าสีขาวดิ้นทอง มวยผมขึ้นสูงปักปิ่นไม้ไผ่มีพู่สีแดงดูรับกับชุดในมือถือตะกร้าใส่ไข่ไก่ดิบหลายฟอง หมูสามชั้นชิ้นโตอีกชิ้น ส้มหลายผล เฟยอินยื่นตะกร้ามาตรงหน้าไกร “อะไร” ไกรถามเธอหน้าแดงเหมือนผลตำลึงสุก ใช้สายตาที่เย้ายวนส่งมาให้มัน “เตี่ยกับม๊าให้เอามาให้” หลังจากวันนั้นเตี่ยกับม๊าเฟยอินก็ขอบคุณเขาหลายครั้งแล้วให้เฟยอินเอา ของมาให้แทบทุกวัน “ของเก่ายังกินไม่หมดเลยบอกเตี่ยกับม๊าว่าเฮียขอบคุณแต่พอแล้ว บ้านหมวยก็อยู่กันหลายคนไม่ใช่เหรอของเต็มตะกร้าเลี้ยงคนได้อย่างน้อยก็ 2-3 วันเฮียตัวคนเดียวพอแล้ว” เขาปฎิเสธน้ำใจ เธอส่งสายตาตัดพ้อมา “เฮียรับไว้เถอะเตี่ยอยากขอบคุณเฮียจริงๆ หนูวางไว้เฮียจะรับก็รับไม่รับก็เรื่องของเฮีย” เธอวางไว้แล้วหันหลังสะบัดก้นไป ก่อนจะหันกลับมาแลบลิ้นให้เขา ไกรได้แต่ถอนหายใจ “สาวน้อยอย่าเล่นกับไฟ”ด่านรักยากข้ามผ่านจริงๆ
ย้อนเวลาขึ้นเป็นเจ้าพระยา ตอนที่ 3
"เตี่ย" เธอวิ่งฝ่าฝูงคนจะเข้าไปประคองเตี่ยของเธอ ไกรออกวิ่งทีหลังแต่ถึงก่อน พุ่งตัวมายืนขวางหน้าเตี่ยของเธอ ไกรมองเข้าไปในเรือนชาย 2 คนยืนอยู่ในเรือน ชาย 3 คนนั่งอยู่บนเก้าอี้พวกเขาใส่ชุดแบบครูมวยจีนสีดำดูก็รู้ว่าเป็นลูกพี่ 3 พี่น้องตระกูลตง ชายคนขวามือสุด “ตงเฉิน” ไกร เคยเปรียบมวยด้วยในงานวัด มันเองก็คงจำไกรได้มันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าไกรจำชื่อมันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ชายคนกลางพี่ใหญ่ ตงหลิง นั่งจิบชาช้าๆ อย่างไม่ยี่ระ ชายคนซ้าย ตงลี่ มองประเมินไกรด้วยหางตา ก่อนชายที่ไกรเคยประมือด้วยจะเอยปากช้าๆ
“” ตงเฉิน สูงเกือบเท่าไกร เตี้ยกว่าเพียงเล็กน้อย กัดฟันส่งเสียงลอดออกมาตามร่องฟัน ในการเปรียบมวยกับไกรมันแพ้หมดท่า มวยพยัคฆ์ตระกูลตงต้องเสื่อมเสียหน้า แผนการประกาศศักดาแก๊งเสือขาวล่มไม่เป็นท่า ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้ไกร มันจดบัญชีแค้นทั้งหมดโยนมาที่เขา
“ไอ้หมัดแมว” ไกรตอบเสียงดังพร้อมกับเอียงคอมองอย่างกวนประสาท
“...หมัดพยัคฆ์คำรนโว้ย” มันหน้าแดงก่ำกำหมัดแน่น คนรอบข้างๆ กลั่นขำจนหน้าแดง ชายชุดดำสองคนถึงกับสำนักน้ำชา
“เอาเถอะจะหมัดแมวหมัดหมาก็ว่ามาทำแบบนี้ทำไม” ไกรเท้าเอวมันมองมาทางเฟยอินพูดลอดไรฟันออกมา
“หัวหน้าแก็งเสือขาวต้องการรับน้องเฟยอินเป็นอนุ” แล้วชี้มือไปทางตะกร้า 3-4 ใบที่กองอยู่ที่มุมห้อง
“สินสอด วันนี้มารับตัว” เฟยอินที่ด้านหลังขมวดคิ้วส่ายหน้า ให้ไปเป็นเมียน้อยของตาแก่รุ่นปู่เธอไม่ยอม
“ไม่ ไม่มีทางเอาของพวกแกกลับไป” เธอตะโกนเสียงดัง เตี่ยกับม๊าโวยวายว่าไม่รับ
“เอาน่าพวกเขาก็ปฎิเสธแล้ว หัวหน้าแก็งพวกแกก็แก่แล้ว อยู่บ้านเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเถอะหัวหงอกแล้วจะยังอยากได้เมียสาวไปทำไม หัวใจวายตายห่าไม่รู้ด้วยนะ” ไกรใช้มือทำท่าไล่ ตงเฉินหน้าแดงก่ำไอ้ผู้ชายคนนี้ปากจัดเหมือนสตรี มันตบโต๊ะดัง “ปัง”
“กรงเล็บพยัคฆ์เหิน” มันแหกปากพร้อมทำมือเป็นกรงเล็บกระโจนใส่ไกร พุ่งนิ้วใส่ดวงตาเขา เสียงกรี๊ดดังขึ้นมันลงมือเหี้ยมโหดหวังเล่นงานจนเขาตาบอดกลายเป็นชายพิการ “พี่ไกร” เฟยอินปิดตาหวีดร้อง
“ฉัวะ” พร้อมเสียงร้องของตงเฉิน ไกรฟันศอกลงบนกรงเล็บพยัคฆ์ที่ตอนนี้แหลกลงไปแล้ว นิ้วชี้กับนิ้วกลางหักจนผิดรูป หว่างนิ้วฉีกออกจากกันเป็นแผลเลือดข้นคลั่กพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเลือด “กรงเล็บเยี่ยวหรือจะสู้เขาแรด” ไกรคิดในใจแล้วยกการ์ดขึ้นส่งขาซ้ายหวดขึ้นสูง เร็วกว่าที่ตงเฉินจะการ์ดรับทัน ขาข้างซ้ายก็ฟาดเข้ากับก้านคอของเขาร่างลอยละลิ่ว กระแทกเข้ากับตะกร้าสินสอดจนล้มระเนระนาดแน่นิ่ง
ทุกคนรอบบริเวณเงียบกริบไร้เสียง
“ตกลงมันชื่ออะไรวะลืมถามอีกแล้ว” ไกรเกาหัว “มันตลกดีนะเขาชอบ เวลาที่มันตะโกนชื่อท่าก่อนลงมือดูเหมือนการ์ตูนดี แบบ พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า แล้วก็ อะโช่ว ปล่อยพลังออกมา” ไกรคิดในใจเสียงซุบซิบดังขึ้น หลายคนเคยเห็นไกรต่อยมวยในงานวัดก็ยังตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า หลังตั้งสติได้ฝ่ายตระกูลตงโวยวายบางคนทำท่าฮึดฮัด
ชายคนกลางที่นิ่งมาตลอดไม่แม้แต่เหลือบมองค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บรรยากาศที่มีเสียงซุบซิบเงียบสนิทลง ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของมันทำให้ไกรไม่กล้าประมาท
“ร้ายกาจ ไม่ทราบว่าน้องชายเรียกว่าอะไร” มันพอยื่นขึ้น สูงกว่าที่ไกรคิดสูงเท่าเขาเลย แต่ผอมกว่า ด้านหลังผูกเปียยาว การยกมือวางเท้าดูเหมือนเฉื่อยช้าแต่กลับไร้ช่องโหว่ ชุดครูมวยสีดำ มือไพล่หลัง ไกรไม่มั่นใจว่าในมือมันมีอาวุธไหม
“ชื่อไกร ไกรทอง” ไกรแนะนำตัว สองคนลอบสำรวจอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ข้าตงหลิง พี่ชายคนโตแห่งหมัดพยัคฆ์ตระกูลตง ขอโทษด้วยที่น้องข้าเสียมารยาท” มันยื่นประจันหน้ากับไกรโดยไม่ระย่นย่อ บรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองทำเอาคนรอบข้างอึดอัด
“น้องไกรเป็นศิษย์สำนักใด” ตามองไกรไม่กระพริบ ถึงจะเห็นน้องชายตัวเองที่สลบด้วยการโจมทีเพียงครั้งเดียวแต่กลับไร้แววกลัวจากดวงตาไกรพยายามสังเกตหาริ้วคลื่นความว้าวุ่นใจจากอีกฝ่ายแต่กลับไม่พบอะไร ไกรเงยหน้าขึ้นเกาคาง ชูนิ้วออกก่อนจะหักลงทีล่ะนิ้วช้าๆ “ถ้าศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวก็คง มวยไทย ยูโด แซมโบ ยิวยิตสู เทควันโด คาราเต้ ประมาณนี้แหละ” จริงๆ มีพวกคอร์สสั้นๆ ของศิลปะการต่อสู้อื่นอีกนะแต่คงนับว่าเรียนไม่ได้ ส่วนที่เรียนจริงจังก็คงราวๆ นี้แหละ “ถนัดมวยไทยที่สุด” ไกรยิ้มตอบ
“ที่แท้ก็พวกครูพักลักจำ แต่สามารถล้มตงเฉินได้ใน 2 ท่านับว่าไม่ธรรมดา” มันมองตาไกร “รบกวนชี้แนะแล้ว” พูดจบ ไม่รอให้ไกรตอบกรงเล็บที่เหมือนกับของตงเฉินพุ่งเข้าตรงหน้าแต่ความเร็วคนล่ะระดับ เร็วกว่ามาก ไกรเอียงคอหลบตามสัญชาตญาณ แต่ยังคงช้ากว่ากรงเล็บพยัคฆ์ฉีกเนื้อบริเวณแก้มออกเป็นทางยาว เขายกแขนฟันศอกขนานกับลำตัวเล็งไปที่กกหู ของตงหลิง อีกฝ่ายใช้แขนรับออกแรงส่งศอกของเขาเบี่ยงออก เขาโจมตีต่อเนื่องส่ง เข่าตามเข้าไปเล็งไปทีหว่างขาถ้าโดน สกุลตง คงไร้ทายาทแล้ว ตงหลิงใช้มือข้างขวากันเข่าของเขา พร้อมกับกำปั้นซ้ายพุ่งตรง มาตรงหน้า ไกรใช้หน้าผากของตัวเองพุ่งเข้าเข้าปะทะกำปั้นของอีกฝ่าย “เปรี้ยง” แหลก เสียงดังลั่น ทั้งสองคนถอยออกจากกัน มีเลือดไหล ซึมออกจากหน้าผากไกร ส่วนตงหลิงกลับซ่อนมือไว้ด้านหลัง กำปั้นซ้ายคงหักไปแล้ว เพียงสูดหายใจช่วงสั้นๆ มันตวัดขาขึ้นจนเป็นเส้นตรงแล้วฟาดลงตรงกลางกระหม่อมไกร เขายกแขนขวาขึ้นเหนือหัวรับ ง้างหมัดซ้ายเตรียมตอบโต้ พริบตาขาของตงหลิงเบี่ยงออกแล้วหมุนในทิศทางที่คาดไม่ถึง มันหวดเข้ากกหูด้านซ้ายของเขา “เปรี้ยง” เสียงดัง ร่างไกรลอยกระเด็นไปจนติดกำแพง “โครม” “พี่ไกร” เฟยอินหน้าซีดกำลังจะพุ่งเข้ามาหาไกรแต่ถูกม๊าของเธอดึงไว้
ไกร “อูย เห็นดาวเลย” ไกรนอนแผ่หลามองเพดานกระพริบตาปริบๆ “พอแล้วพี่ไกรๆ พี่ไกร” เสียงของเฟยอินเรียกเขาดรุณีน้อยนิ่วหน้าตาแดงน้ำตาไหลอาบแก้มดูน่าเวทนายิ่งนัก “น้องไกรจะนอนอีกนานไหมข้ารู้ว่าเพียงลูกเตะทำอะไรน้องไกรมิได้” ตงหลิงมือไพล่หลัง สีหน้าสงบนิ่ง มองร่างที่นอนแผ่ของไกรกลับไม่ใช้โอกาสนี้ซ้ำเขา ไกรยิ้มแล้วยกสะโพกเหวี่ยงตัวขึ้น “ฮึบ....” ทั้งสองคนมองหน้ากัน ถ้าใครไม่รู้ต้องคิดว่าเขาสองคนกำลังเปรียบมวยกระชับมิตร “หมั่นไส้หน้ากากจอมปลอมนั้นจริง จะทำให้ยิ้มไม่ออกเลย” ไกรพูด มองตอบตงหลิง “ถ้าน้องไกรสามารถก็เข้ามา” สิ้นคำไกรพุ่งเข้าใส่ รวบขาอีกฝ่ายตงหลิงชะงัก แต่ใช่จะไร้ฝีมือ มันยกเท้าเตะเข้าที่ใบหน้า เขาไม่หลบไม่ถอย “เปรี้ยง” เท้าของ ตงหลิงเตะเข้าบริเวณใบหน้าไกรอย่างถนัดเลือดกระเซ็น แต่หยุดไกรไม่ได้เขารวบขาของ ตงหลิงแล้วกระชากดึง “ตึง” ทั้งสองคนล้มลงพร้อมกัน ตงหลิงขมวดคิ้วสีหน้างงงัน “นี้มันเชิงมวยใด” ยังไม่ทันที่จะตั้งสติ ไกรใช้อุ้งมือกระชากเสื้อตงหลิงพร้อมพุ่งร่างตัวเองขึ้น มันรีบส่งหมัดขวาเข้าสู่ใบหน้า ไกรคว้าข้อมือมันไว้ แล้วกระชากเบี่ยงออก เพื่อเข้าสู่ท่าล็อก แขนขวาของตงหลิงถูก ไกรตรึงไว้ด้วยท่าล็อกขาขวาของไกรพาดอยู่ตรงคอตงหลิง ขาซ้ายลอดอยู่ใต้ขาขวา แขนของตงหลิงถูกมือสองข้างของไกรล็อกไว้แน่นราวกับคีม ตงหลิงหน้าเปลี่ยนเป็นสีตับหมูเหงื่อพระกาฬไหลทั่วกรอบหน้า หัวไหล่ถูกงัดขึ้นราวกับจะฉีก เจ็บจนหน้าถอดสี
“ต่ำช้า” เสียงของน้องรองตระกูลตงดังขึ้น มันพุ่งตัวเข้าใส่ใช้เท้าพุ่งเข้าบริเวณใบหน้าไกร ไกรรีบผละตัวออกจากพี่ชายมัน “กร็อบ” “อ๊าก” ตงหลิงหน้าถอดสี แขนหักแล้ว จริงๆ เขาไม่ได้ดิดจะเล่นงานอีกฝ่ายจนแขนหักหรอกนะแต่เมื่อกี้พอดีโดนโจมตีเลยตกใจหนักมือไปเท่านั้นเอง ตงลี่รีบเข้าประคองพี่ชายที่ตอนนี้แขนห้อยร่องแร่ง หน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ “มารดาเอ็ง เชิงมวยใดช่างต่ำช้า คล้ายสตรีตบตีเช่นนี้” ตงลี่ชี้หน้าถกเหตุผล ไกรใช้นิ้วก้อยแคะหู ไม่พูดก็แล้วไปเถอะแต่ถ้าให้เขากัดใครล่ะก็กระอักเลือดแน่ “เชิงมวยคล้ายสตรีตบตีแล้วเยี่ยงไร ถ้าเยี่ยงนั้นมวยตระกลูตงที่พ่ายให้กับเชิงมวยของสตรีไม่ยิ่งกระจอกกว่ารึ” ตงลี่โกรธจะหน้าแดงแทบระเบิดตงหลิง ไม่ใช่ไร้ฝีมือเขาร้ายกาจเพียงแต่ไม่เคยเจอ การต่อสู้ท่านอนจึงรับมือไม่ถูก ตงหลิงยกมือซ้ายที่กำปั้นหัก ห้ามปราม ขมวดคิ้ว “น้องไกรกล่าวถูกต้อง ไม่ทราบว่าที่น้องไกรใช้เป็นเชิงมวยใด” ตงหลิงถาม “บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู” ไกรเป็นทหารมิใช่ ครูมวย นักรบเหรอยิ่งห่างไกล เขาไม่สนวิธีการ ในสงครามไร้กติกา เอ็งไม่ตายก็ข้าม้วย ถ้าอีกฝ่ายยืนสู้เก่งกว่าเขา เขาจะกระชากมันลงมานอนสู้ ถ้ามันนอนสู้เก่งกว่า เขาจะใช้อาวุธ ถ้าอาวุธยังสู้ไม่ได้ จะใช้กลยุทธ์ ถ้ายังแพ้ก็จะหนี แล้วกลับมาล้างแค้น
“ช่างร้ายกาจถูกสั่งสอนแล้ว” ตงหลิงหน้าซีดเหงื่อไหลท่วมหน้าไกรสังเกตเห็นดวงตาที่สั่นไหว ไกรประสานมือคารวะแบบจีน “ชมเกินไป มวยตระกูลตงร้ายกาจสมคำเล่าลือ นับถือ แขนที่หักผู้น้องลงมือรวดเร็วแผลเรียบหากพี่ตงได้หมอกระดูกฝีมือดีรับรองไม่เกิน 2 เดือนหายสนิท” ในเมื่ออีกฝ่ายมีมารยาทตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องหักหน้า “กลับ” ตงหลิงเอ่ยปากชายสองคนเดินเข้าไปหาม ตงเฉินที่ยังสลบ ไม่ฟื้นถูกหามออกไป “เฮ้ยเอาสินสอดกลับไปด้วย” ไกรชี้มือไปยังกองตะกร้าที่ล้มระเนระนาด พวกมันรีบเก็บในหาบแล้วหามกลับไป 3 พยัคฆ์ตระกูลตง ตอนนี้ หนึ่งสลบ หนึ่งมือแตกแขนหัก อีกหนึ่งไม่กล้าแม้จะเข้าสู้ซึ่งหน้า จากวันนี้ตระกูลตงไม่มีสิทธิช่วงชิงความเป็นใหญ่ในแก็งเสือขาวอีกแล้ว
เสียงเล่าลือถูกเติมแต่งจนไกลจากความจริงไปเรื่อยๆ ไกรกลายเป็นเทพสงคราม บ้างว่า ใช้เพียงนิ้วเดียวสยบ สองพี่สองตระกูลตง บ้างว่า ใช้เพียงพลังภายในไม่ทันได้สัมผัสตัวด้วยซ้ำ ส่วนเจ้าของข่าวลือกลับนอนเล่นในเพิงหลังคาจากที่เช่าจากชาวบ้านอย่างสบายอารมณ์ ฟังเสียงนกร้องกลับรัง เด็กน้อยหลายคนวิ่งหยอกล้อกัน ไกรนอนกระดิกเท้า ฮัมเพลงมาร์ชกองทัพบกอย่างสบายอารมณ์
“พี่ไกร” ไกรลืมตามอง เฟยอินดรุณีน้อย ในชุดกี่เพ้าสีขาวดิ้นทอง มวยผมขึ้นสูงปักปิ่นไม้ไผ่มีพู่สีแดงดูรับกับชุดในมือถือตะกร้าใส่ไข่ไก่ดิบหลายฟอง หมูสามชั้นชิ้นโตอีกชิ้น ส้มหลายผล เฟยอินยื่นตะกร้ามาตรงหน้าไกร “อะไร” ไกรถามเธอหน้าแดงเหมือนผลตำลึงสุก ใช้สายตาที่เย้ายวนส่งมาให้มัน “เตี่ยกับม๊าให้เอามาให้” หลังจากวันนั้นเตี่ยกับม๊าเฟยอินก็ขอบคุณเขาหลายครั้งแล้วให้เฟยอินเอา ของมาให้แทบทุกวัน “ของเก่ายังกินไม่หมดเลยบอกเตี่ยกับม๊าว่าเฮียขอบคุณแต่พอแล้ว บ้านหมวยก็อยู่กันหลายคนไม่ใช่เหรอของเต็มตะกร้าเลี้ยงคนได้อย่างน้อยก็ 2-3 วันเฮียตัวคนเดียวพอแล้ว” เขาปฎิเสธน้ำใจ เธอส่งสายตาตัดพ้อมา “เฮียรับไว้เถอะเตี่ยอยากขอบคุณเฮียจริงๆ หนูวางไว้เฮียจะรับก็รับไม่รับก็เรื่องของเฮีย” เธอวางไว้แล้วหันหลังสะบัดก้นไป ก่อนจะหันกลับมาแลบลิ้นให้เขา ไกรได้แต่ถอนหายใจ “สาวน้อยอย่าเล่นกับไฟ”ด่านรักยากข้ามผ่านจริงๆ