บันทึกการเดินทาง | สังขละบุรี
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
เหตุผลสั้นๆที่ทำให้เราต้องแบกเป้มาอยู่ที่นี้ก็คือ .. " หนี " !!
หนีจากบางสิ่งบางอย่าง หรือแม้กระทั่งบางคนที่มีผลต่อความรู้สึกของเราซะเหลือเกิน
เราแบกเอาความผิดหวัง ความวุ่นวาย ความเบื่อหน่าย และความไม่เข้าใจในหลายๆอย่าง
เดินข้ามสะพานมาพร้อมกับเพลงที่ยังคงดังอยู่ในหูฟังตั้งแต่เช้า
เงียบวะ
ไม่ใช่เพลงที่ฟัง แต่เป็นบรรยากาศ
เวลาบ่ายสามที่เรามาถึงมีเพียงเราคนเดียวที่เป็นนักท่องเที่ยวยืนอยู่บนสะพาน
เมื่อข้ามไปถึงฝั่งมอญ เราได้ติดต่อไปยังพี่วิ
( เจ้าของบ้านพัก วิกานดา โฮมสเตย์ ที่เกิดจากการแรนดอมที่พักบนอินเทอร์เน็ต )
เราบอกพี่วิว่า .. เรามาถึงแล้ว ก่อนที่พี่วิจะขับรถมอไซด์มารับเพื่อเข้าที่พัก
ที่พักของเราเป็นบ้านของชาวมอญ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดูอบอุ่นมาก
ประกอบด้วยคุณยายที่ยังคงดูมีสุขภาพแข็งแรง
พี่วิ สามี น้องสาว และเด็กตัวน้อยๆอีกสามคน
ทุกคนที่นี้ใจดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
พี่วิให้ยืมรถมอไซด์ขับเที่ยวได้ มีอาหารเช้าบริการ
มีกาแฟ โอวัลตินให้ชงดื่มได้ตลอดเวลา และห้องพักหลับสบายมาก
เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายๆอย่างส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าของพี่วิ และครอบครัว
ได้สัมผัสวิถีชีวิต และได้มีโอกาสทานอาหารพื้นเมืองของชาวมอญด้วย
ตลอดเวลาที่อยู่สังขละบุรีค่อนข้างจะมีเมฆครึ้มอยู่ตลอดเวลา
มีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน และมีนักท่องเที่ยวน้อย
มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เสพความสงบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
การมาสังขละครั้งนี้..เราไม่รู้สึกเหมือนกำลังมาเที่ยวเลยด้วยซ้ำ
รู้สึกเหมือนมาพักใช้ชีวิตช้าๆซะมากกว่า
ได้ตื่นเช้ามาใส่บาตร
เข้าวัดขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ทานอาหารพื้นเมืองหลายๆอย่าง
นั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ
ยืนฟังเพลงอยู่บนสะพาน
และได้พูดคุยกับชาวบ้านที่นี้
เราปล่อยใจให้สภาพแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ ค่อยๆขัดเกลาเราอย่างช้าๆ
สะพานมอญ
วัดวังวิเวกการาม
เจดีย์พุทธคยา
เจ้าเด็กมอญ
คุณยายอินเดียที่อยู่ฝั่งพม่า
ส่วนนี้ก็แมวมอญ
When I'm feeling blue | เมื่อฉันแบกความผิดหวังไปให้สังขละปลอบใจ 💙
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
เหตุผลสั้นๆที่ทำให้เราต้องแบกเป้มาอยู่ที่นี้ก็คือ .. " หนี " !!
หนีจากบางสิ่งบางอย่าง หรือแม้กระทั่งบางคนที่มีผลต่อความรู้สึกของเราซะเหลือเกิน
เราแบกเอาความผิดหวัง ความวุ่นวาย ความเบื่อหน่าย และความไม่เข้าใจในหลายๆอย่าง
เดินข้ามสะพานมาพร้อมกับเพลงที่ยังคงดังอยู่ในหูฟังตั้งแต่เช้า
เงียบวะ
ไม่ใช่เพลงที่ฟัง แต่เป็นบรรยากาศ
เวลาบ่ายสามที่เรามาถึงมีเพียงเราคนเดียวที่เป็นนักท่องเที่ยวยืนอยู่บนสะพาน
เมื่อข้ามไปถึงฝั่งมอญ เราได้ติดต่อไปยังพี่วิ
( เจ้าของบ้านพัก วิกานดา โฮมสเตย์ ที่เกิดจากการแรนดอมที่พักบนอินเทอร์เน็ต )
เราบอกพี่วิว่า .. เรามาถึงแล้ว ก่อนที่พี่วิจะขับรถมอไซด์มารับเพื่อเข้าที่พัก
ที่พักของเราเป็นบ้านของชาวมอญ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดูอบอุ่นมาก
ประกอบด้วยคุณยายที่ยังคงดูมีสุขภาพแข็งแรง
พี่วิ สามี น้องสาว และเด็กตัวน้อยๆอีกสามคน
ทุกคนที่นี้ใจดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
พี่วิให้ยืมรถมอไซด์ขับเที่ยวได้ มีอาหารเช้าบริการ
มีกาแฟ โอวัลตินให้ชงดื่มได้ตลอดเวลา และห้องพักหลับสบายมาก
เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายๆอย่างส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าของพี่วิ และครอบครัว
ได้สัมผัสวิถีชีวิต และได้มีโอกาสทานอาหารพื้นเมืองของชาวมอญด้วย
ตลอดเวลาที่อยู่สังขละบุรีค่อนข้างจะมีเมฆครึ้มอยู่ตลอดเวลา
มีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน และมีนักท่องเที่ยวน้อย
มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เสพความสงบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
การมาสังขละครั้งนี้..เราไม่รู้สึกเหมือนกำลังมาเที่ยวเลยด้วยซ้ำ
รู้สึกเหมือนมาพักใช้ชีวิตช้าๆซะมากกว่า
ได้ตื่นเช้ามาใส่บาตร
เข้าวัดขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ทานอาหารพื้นเมืองหลายๆอย่าง
นั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ
ยืนฟังเพลงอยู่บนสะพาน
และได้พูดคุยกับชาวบ้านที่นี้
เราปล่อยใจให้สภาพแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ ค่อยๆขัดเกลาเราอย่างช้าๆ
สะพานมอญ
วัดวังวิเวกการาม
เจดีย์พุทธคยา
เจ้าเด็กมอญ
คุณยายอินเดียที่อยู่ฝั่งพม่า
ส่วนนี้ก็แมวมอญ