[CR] บาเซโลนา : เพลินอาร์ตนูโวในแพนโทนสีร้อน และนอนจิบแซงเกรีย (Barcelona, Spain by Pategory)


สเปนเป็นอีกหนึ่งจุดหมายในยุโรปที่เรากระโดดข้ามไป ข้ามมา เพราะโดยส่วนตัวเราชอบสีโทนเย็น แต่กลุ่มสถาปัตยกรรมของสเปน(ในความคิดแรก) ดูเป็นแพนโทนสีร้อน แห้งแล้ง ฝุ่นคลุ้งแบบการสู้รบกับวัวกระทิงอย่างดุเดือนของเหล่ามาธาดอร์  แต่ใหนๆทริปยุโรปรอบนี้เราเริ่มโฉบมาทางต้อนใต้แล้ว ก็เลยถือโอกาสแวะมาทักทายสเปนกันซักหน่อย ด้วยว่าอย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่เราติดใจจากเมืองไทย นั่นคือ "ข้าวผัดสเปน" ...


เราใช้เวลาทำความรู้จักกับสเปน ผ่านเมืองริมทะเล อย่างบาเซโลนา และค้นพบว่ามีหลายอย่างที่มีเสน่ห์จริงๆ แม้บาเซโลนาจะให้อารมณ์เป็นแพนโทนร้อนๆ สีส้มน้ำตาล แต่ในความส้มก็มีกลุ่มสีเย็น (ของบรรยากาศริมทะเล) และสีสัน (ในงานอาร์ตนูโวของคุณลุงอันโตนีโอ เกาดี*) แฝงตัวอยู่ ชวนให้เบเซโลนารอบนี้ไม่ได้แห้งแล้งอย่างที่คิด แต่เป็นความเพลินตา เพลินใจ และอาหารทริปนี้ อร่อยเพลินพุงมากทีเดียว  


เราเริ่มต้นจับมือทักทายกับบาเซฯ ด้วยการทักทายกับผลงานเลื่องชื่อของเมืองของคุณลุงอันโตนีโอ เกาดี (*ใครยังไม่รู้จักคุณลุงเกาดี อธิบายสั้นๆ ว่า สถาปัตยกรรมของท่านครองเมืองนี้อยู่ ไม่ว่าจะไปทางใหนเราจะเห็นสถาปัตยกรรมในสไตล์ คาตาลันอาร์ตนูโว (อาร์ตนูโวในแบบสเปน ที่เป็นเอกลักษณ์) เต็มไปหมด คุณลุงแกแสดงอัจริยภาพทั้งการออกแบบอาคารภายนอก และรายละเอียดการตกแต่งภายใน ครอบคลุมถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วย ตามมาชมจะพบว่างานแกดีจริงๆ)


เราจองตั๋วเข้าชม Casa Batlló ไว้ตอน 11 โมงเช้า และแวะหยิบครัวซองตามรายทางประทังหิว รีบเดิน เพื่อจะไปให้ทันเวลาตามหน้าตั๋ว (ควรจอง Online ก่อนเผื่อจะได้เข้าในช่องทางพิเศษ) ราคาตั๋วที่นี่รวมอุปกรณ์หูฟัง และแทปเลตเล็กๆที่มีลูกเล่นซ่อนอยู่

เค้าเล่ากันว่า ตอนแรกที่ลุงเกาดี ออกแบบบ้านหลังนี้เจ้าของบ้านตระกูล Batlló ไม่ชอบเลย เพราะมันดูประหลาดพิลึก ล้ำเกินยุคเกินสมัย แต่พอคนในเมืองพูดถึงในทางที่ดีว่างามแปลกตาเจ้าของบ้านเลยรู้สึกชอบขึ้นมาซะงั้น  
หากพินิจพิจารณาดูในรายละเอียด จะพบว่าบ้านหลังนี้ไม่มีมุมฉาก ทุกอย่างโค้งมน จำลองโครงสร้างรูปลักษณ์ของสัตว์ต่างๆ เหมือนเป็นการลอกเลียนแบบรูปฟอร์มตามธรรมชาติมาสร้างเป็นที่อยู่อาศัย เช่น กระจกสีที่เลียนแบบกระดองเต่า ปล่องไฟเห็ด

เราชอบในความคิดเยอะของลุง เพราะลุงไม่เพียงสร้างผลงานให้สุนทรียในเชิงอารมณ์ แต่ทุกรายละเอียดเล็งถึงการคิดที่ซับซ้อน และประโยชน์ใช้สอยหรือฟังก์ชั่นหน้าที่ ตัวอย่าง (เท่าที่ระลึกได้) เช่น การไล่ระดับสีของกระเบื้องภายใน ยิ่งชั้นสูงกระเบื้องยิ่งสีเข้มเพราะแสงจะเข้ามาจากทางด้านบน ทำให้การเห็นสีสม่ำเสมอทั้งบ้าน รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงแปลกตา ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์โลกน่ารักซึ่งสอดรับกับความโค้งเว้าของสรีระมนุษย์ น่าจะนั่งสบาย (แต่เค้าไม่ให้ลองนั่ง เลยไม่รู้ว่าสบายจริงรึเปล่า) เป็นต้น



โปรแกรมแน่นๆ ของเราไปต่อที่ La Pedrera (ชื่อใหม่ไฉไลเหมือนเดิม) ถ้าได้ชมที่แรกมาแล้วเราจะพบเอกลักษณ์การออกแบบของลุงเกาดีเป็นเหมือนลายเซ็นชัดอยู่ในตึกนี้ แต่ที่นี้จะให้อารมณ์เหมือนอาศัยอยู่ในถ้ำแบบอาร์ตนูโว ภายในจะมีความน้ำตาลแดงมืดๆ งามแบบพึลึกดี


การเริ่มชมตึกนี้เราจะได้รับหูฟังเลือกภาษาได้ และได้รับเชิญให้ขึ้นไปชมชั้นบนสุดก่อน แล้วค่อยๆเดินวนลง ซึ่งไฮไลท์ก็คือ ปล่องไฟบนยอด ตามเกาดีสไตล์คือความงามต้องคู่ฟังก์ชั่น ทุกปล่องไฟด้านบนได้รับการออกแบบให้แปลกตาเป็นเหมือนรูปหัวคน เพลงบรรเลงในหูฟังได้อารมณ์พิลึก แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศเฮฮาให้ถอดหูฟัง เราจะได้ยินเสียงของแกงค์ทัวร์หลากเชื้อชาติ ส่งเสียงสนุกสนาน หยอกเอินกัน ทำให้ข้างบนไม่เหงาเลยจริงๆ (จริงๆๆๆ)

ถ่ายรูปหนำใจแล้วเราก็วนลงบันไดมาดูส่วนนิทรรศการด้านล่างที่ทำให้เรารู้จักกับเกาดีมากยิ่งขึ้น
ภายในตึกมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการผลงานเกาดี และยังส่วนที่ตกแต่งจำลองเสมือนว่ายังมีคนอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์นี้
มีห้องทำงาน ห้องนอน ห้องอาหาร เราสามารถมองวิวเมืองงามๆ ได้จากหน้าต่างภายในตึกอีกด้วย
ในใจเรารู้สึกปลื้มปริ่มกับงานของลุงเกาดี ขอปรบมือให้ดังๆ ฐานวิธีคิดของเค้าได้เป็นต้นแบบให้สถาปนิกรุ่นหลังๆ ได้ศึกษา  
ไม่แปลกใจว่าทำไมผลงานเค้าถึงดัง ก็ดังเพราะดี นี่เอง

เมื่อได้เวลาเที่ยงเราก็ไม่รอช้า หยิบกูเกิลแมพที่ปักหมุดไว้มาเลือกร้านอาหารกัน
เราทานมื้อนี้ที่ทาปาสบาร์ นาม Vivo ไม่ไกลจาก La Pedrera
เมนูวันนี้เราเลือกจากเมนูทาปาส(อาหารจานเล็กๆ) ที่ติดดาว คือ หอยแมลภู่อบไวน์ ทาร์ทาร์ทูน่า และ อกเป็ดซอสส้ม
แกล้มไวน์ขาวเบาๆ อื้มมมมมม รสดีอย่าบอกใครเชียวววว
จริงๆ วันนี้มีนัดกับเมซซี ที่แคมป์นู แต่ไปมาแย้ว และเฟล เพราะมีแข่งบอล เค้าไม่ให้เข้าชมสนาม เราเลยเปลี่ยนจุดหมายใหม่ไป La Rambla ย่านที่คลาคร่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ทอดตัวยาวเป็นกิโล  

เราเริ่มต้นจากจัตรัสเอสปานญ่า จัตุรัสรวมห้างสรรพสินค้าคล้ายๆสยาม ปลายทางสุดหาดจะเป็นวงเวียนรูปปั้นมาโคโปโล



หนึ่งสิ่งที่เพลิดเพลินคือ ความสนุกของสรีตโชว์ ที่ยึดพื้นที่ถนนแถวนี้ ทำให้คึกคักสนุกสนานอย่างบอกไม่ถูก ในโซนนี้มีร้าน ฟ้าสแฟชั่นมากมายเรียงราย เหมาะแก่การละลายทรัพย์โดยเฉพาะ zara ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่เมืองกระทิงนี้ ถ้าหลงเข้าไปยังไงก็ได้ติดไม่ติดมือมาแน่นอน ด้วยราคาที่เย้ายวนแบบถูกกว่าไทยตอน sale อีก  

เดินเล่นพอหอมปากหอมคอ เราจึงวกเข้าเรืองปากท้อง กันบ้าง
อย่างที่เกริ่นว่าเมืองนี้เป็นเมืองติดทะเล รีวิวอาหารที่เราค้นพบจึงเป็นอาหารจำพวกซีฟู้ดขึ้นชื่อ และในย่านนี้ โลนลี่แพลนเนต เค้าปักหมุดให้เราไปทานที่ตลาดสด ชื่อว่า Mercado de San José de la Boquería เรียกสั้นๆ ว่า La Boquería อารมณ์ตลาดปลาที่ญี่ปุ่น แต่คนขายเป็นฝรั่งตาคม เสียงดังคึกคัก เชิญชวน
พนักงานเรียกเราด้วยทีท่าเป็นมิตรมากๆๆๆ ด้วยภาษาจีน เราก็ทำหน้ารู้เรื่องกับเค้าไปด้วยบอกว่ามา 2 คน จากไทยแลนด์น้าาา นางก็จัดแจงที่นั่งให้อย่างดี นางรู้จักภูเก็ตนะ (เจอคนที่นี่หลายคนสนทนาแล้วถามถึงแต่ภูเก็ต ไม่ถามถึงบางกอกเลย / ฮอทเดสติเนชั่นจีงๆๆ ครับ)

นางโชว์เมนูราคามิตรภาพ(นักท่องเที่ยว) และเราก็สั่งมา สองสามอย่าง ความสดนี่ให้ห้าดาวจริงๆ หวานแบบไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มใดๆ มื้อนี้ประกอบด้วยสเต็กปลาคอท หอยหลอดย่าง หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว และ ปลาหมึกทอดคารามารี ระวังให้ดีเพราะอาหารติดเค็ม อย่าใส่เกลือเพิ่มให้บีบมะนาวลงไป ก็อร่อยเปรมปรีดิ์ครับ มื้อนี้ราคาไม่แรงมากในมาตรฐานยุโรป แนะนำครับ บรรยากาศคึกคัก พบปะคนทุกสัญชาติได้ที่นี่ ขากลับถ้าอยากล้างปากลองเดินไปแผงผลไม้ข้างๆ มีโปร ลดแลกแจกแถมเพียบ แต่รสชาติยังสู้ผลไม้ไทยดีๆมิได้นะครับ
หนึ่งวันที่แสนยาวนาน เราเลยรีบนอนเอาแรงพรุ่งนี้ไปตามเก็บสถานที่อื่นกันต่อ


เช้าวันใหม่เราเปิดรับวันสดใสด้วยการไปชม  La Sagrada Familia มหาวิหารกลางเมือง ที่สร้างมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1882 และยังไม่เสร็จสักที คาดว่าจะงดงามครบบริบูรณ์พูนสุขในปี 2025 ผลงานแลนด์มาร์กชิ้นนี้นับเป็นชิ้นยิ่งใหญ่สุดของลุงเกาดี เจ้าเดิม หลายคนคงเคยได้เห็นภาพถ่ายมุมกว้างที่ว่างดงาม แต่ถ้าได้ลองมาดูใกล้ๆจะยิ่งร้อง อื้อฮือ เราเงยหน้ามองเพดานจนคอเคล็ด รายละเอียดที่นี่นับว่างดงามซับซ้อนและมีความผสมผสานอย่างลงตัว
อีกจุดที่เรายืนสตั๊นอยู่หลายนาทีคือกระจกสีด้านในโบสถ์ ชอบตอนที่แดดโลมเลียและสะท้อนสีไปทั่ว ด้านหนึ่งจะเป็นโทนสีเย็น ด้านหนึ่งจะเป็นโทนสีร้อน ให้อารมณ์คนละแบบ และหากพินิจรายละเอียดให้ดีภาพในกระจกสีจะมีกลิ่นอาร์ตนูโวของลุงเกาดีรุนแรงมาก นับว่าแปลกตาทีเดียว
ความร่วมสมัยทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินกับที่นี้ นอกจากนี้ด้านล่างยังเป็นพิพิธภัณฑ์เล่าถึงประวัติความเป็นมา และร้านขายของที่ระลึกที่เราลงความเห็นว่าซื้อที่นี่น่าจะดีที่สุด เพราะมีครบ ดูครีเอทีฟทีเดียว บางชิ้นก็น่ารักมุ้งมิ้ง

กลางวันนี้ เราหย่อนตูดที่ร้านไม่ไกลจากโบสถ์ สั่งจานง่ายๆ แซนวิชหน้าเปิด พารามแฮมชีสเยิ้มๆ รองท้องก่อนจะไป #แมนๆดูสนามบอลกัน

ไฮไลท์ของบาเซโลนาอีกแห่งหนึ่งถ้าเป็นคอบอล ต้องไม่พลาดมาชม แคมป์นู รังของทีมดัง barcelona fc เราได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าในราคา 25 ยูโร (เรื่องของเรื่องที่ต้องมาเพราะคุณแฟนเป็นแฟนบอล ย้ำเสมอว่า นักบอลเสปนหล่อนะเธอ /เอ๊ะ แม่สาวน้อยย จะดูบอลหรือดูคน!) ก็เลยต้องมาเยือนถึงถิ่นเนี้ยยยยย
บรรยากาศเงียบสงัด ต่างจากเมื่อวานที่คละคลุ้งด้วยควันบุหรี่และ เสียงดังสนั่นตั้งแต่ขึ้นจากรถไฟฟ้าเพราะมีนัดแข่งบอล เราเดินจากรถไฟฟ้ามาไม่ไกล ซึ่งตามป้ายบอกทางมันหลอกเราเดินอ้อมนะเธอออ ดีที่เราเชื่อกูเกิล

(ภาคต่อที่ comment 7 ด้านล่างๆ เลยนะครับ) ยิ้ม))
ชื่อสินค้า:   Barcelona, Spain
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่