ผมเห็นกระทู้เพื่อนสมาชิกเข้ามาบ่นเรื่องสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ค้าขายไม่ดี และทุกครั้งก็จะมีเพื่อนสมาชิกหลายคนเข้ามาโพสบอกว่าคนที่มาบ่นไม่มีการปรับตัวให้มีความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพของสินค้า/บริการที่ดีขึ้น จึงขายไม่ได้ แล้วมาโทษเศรษฐกิจ
ผมอธิบายให้เห็นภาพนะ สำหรับคนที่ไม่เคยค้าขายหรือทำธุรกิจ และแยกแยะไม่ออกระหว่างความสามารถในการแข่งขันกับภาวะเศรษฐกิจที่มันฝืดเคือง
สมมุติว่ามีร้านอยู่ 3 ร้าน A B และ C
ปี 2550
A ขายได้ 120 บาท
B ขายได้ 50 บาท
C ขายได้ 80 บาท
รวมทั้งตลาด 250 บาท
5 ปีต่อมา ปี 2555
A ขายได้ 90 บาท
B ขายได้ 80 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 290 บาท
ปี 2556
A ขายได้ 80 บาท
B ขายได้ 120 บาท
C ขายได้ 150 บาท
รวมทั้งตลาด 350 บาท
ที่ผ่านมา A มีความสามารถในการแข่งขันลดลงทำให้ B และ C แย่งส่วนแบ่งไปได้ และ A มีรายได้ลดลง แต่ตลาดโดยรวมยังมีการขยายตัวแสดงถึงเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว
คราวนี้มาดูหลังจากนั้น
ปี 2557
A ขายได้ 50 บาท
B ขายได้ 150 บาท
C ขายได้ 150 บาท
รวมทั้งตลาด 350 บาท
ปี 2558
A ขายได้ 40 บาท
B ขายได้ 120 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 280 บาท
ปี 2558
A ขายได้ 20 บาท
B ขายได้ 70 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 210 บาท
ปี 2559
A ขายได้ 10 บาท
B ขายได้ 50 บาท
C ขายได้ 110 บาท
รวมทั้งตลาด 170 บาท
C มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงและยังคงรักษาความเป็นผู้นำและลูกค้าตัวเองเอาไว้ได้ รายได้ลดลงเพียงเล็กน้อย
แต่ขนาดตลาดที่หดลงเนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ร้านอีกสองร้านรายได้หดตัวอย่างรุนแรง
แน่นอนว่า A และ B มีความสามารถในการแข่งขันสู้ C ไม่ได้ อย่างที่หลายคนในนี้บอกครับ แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตปกติ เช่นในช่วง 50-56 ที่ยกตัวอย่างมา รายได้ของทั้งสามเจ้าจะไม่หดลงอย่างรุนแรง บางปีก็ดี บางปีก็แย่ลง แต่ขนาดตลาดโดยรวมก็ยังเติบโตอยู่ แสดงถึงสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตตามปกติ
แต่รายได้รวมของทั้งสามเจ้าค่อยๆตกลงในช่วง 57 เป็นต้นมาและตกลงอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี 60 ที่ผ่านมานี่เอง
หากอ่านแล้วยังแยกแยะไม่ออกระหว่างความสามารถในการแข่งขันกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วครับ
ปล. ตัวเลขที่ผมยกมาอาจจะดูเว่อร์ไปบ้างสำหรับบางคนเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่สำหรับคนที่เคยค้าขาย เขารู้ดีว่าตัวเลขสมมุติที่ผมยกมาไม่เว่อร์เลย
ความแตกต่างระหว่างความสามารถในการแข่งขันต่ำ vs สภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
ผมอธิบายให้เห็นภาพนะ สำหรับคนที่ไม่เคยค้าขายหรือทำธุรกิจ และแยกแยะไม่ออกระหว่างความสามารถในการแข่งขันกับภาวะเศรษฐกิจที่มันฝืดเคือง
สมมุติว่ามีร้านอยู่ 3 ร้าน A B และ C
ปี 2550
A ขายได้ 120 บาท
B ขายได้ 50 บาท
C ขายได้ 80 บาท
รวมทั้งตลาด 250 บาท
5 ปีต่อมา ปี 2555
A ขายได้ 90 บาท
B ขายได้ 80 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 290 บาท
ปี 2556
A ขายได้ 80 บาท
B ขายได้ 120 บาท
C ขายได้ 150 บาท
รวมทั้งตลาด 350 บาท
ที่ผ่านมา A มีความสามารถในการแข่งขันลดลงทำให้ B และ C แย่งส่วนแบ่งไปได้ และ A มีรายได้ลดลง แต่ตลาดโดยรวมยังมีการขยายตัวแสดงถึงเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว
คราวนี้มาดูหลังจากนั้น
ปี 2557
A ขายได้ 50 บาท
B ขายได้ 150 บาท
C ขายได้ 150 บาท
รวมทั้งตลาด 350 บาท
ปี 2558
A ขายได้ 40 บาท
B ขายได้ 120 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 280 บาท
ปี 2558
A ขายได้ 20 บาท
B ขายได้ 70 บาท
C ขายได้ 120 บาท
รวมทั้งตลาด 210 บาท
ปี 2559
A ขายได้ 10 บาท
B ขายได้ 50 บาท
C ขายได้ 110 บาท
รวมทั้งตลาด 170 บาท
C มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงและยังคงรักษาความเป็นผู้นำและลูกค้าตัวเองเอาไว้ได้ รายได้ลดลงเพียงเล็กน้อย
แต่ขนาดตลาดที่หดลงเนื่องจากคนไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ร้านอีกสองร้านรายได้หดตัวอย่างรุนแรง
แน่นอนว่า A และ B มีความสามารถในการแข่งขันสู้ C ไม่ได้ อย่างที่หลายคนในนี้บอกครับ แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตปกติ เช่นในช่วง 50-56 ที่ยกตัวอย่างมา รายได้ของทั้งสามเจ้าจะไม่หดลงอย่างรุนแรง บางปีก็ดี บางปีก็แย่ลง แต่ขนาดตลาดโดยรวมก็ยังเติบโตอยู่ แสดงถึงสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตตามปกติ
แต่รายได้รวมของทั้งสามเจ้าค่อยๆตกลงในช่วง 57 เป็นต้นมาและตกลงอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี 60 ที่ผ่านมานี่เอง
หากอ่านแล้วยังแยกแยะไม่ออกระหว่างความสามารถในการแข่งขันกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วครับ
ปล. ตัวเลขที่ผมยกมาอาจจะดูเว่อร์ไปบ้างสำหรับบางคนเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่สำหรับคนที่เคยค้าขาย เขารู้ดีว่าตัวเลขสมมุติที่ผมยกมาไม่เว่อร์เลย