ก่อนอื่นต้องออกตัวว่ายืมไอดีเพื่อนมานะคะเพราะตัวเองไม่มี id ใน pantip ค่ะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์นี้เองเรื่องมันมีอยู่ว่า บริษัทของสามีมีงานเลี้ยง กินกันภายในบริษัทประมาณ 50 คนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านอโศกเป็นร้านเกี่ยวกับคาราโอเกะ. จริงๆสามีบอกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วแล้วมาบอกย้ำอีกทีในวันพฤหัส ว่าจะไปกินเลี้ยงนะจริงๆดิฉันไม่เคยโอเคเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่รู้ว่าสามีจะออกไปกินข้างนอกเพราะอะไรเหรอคะ เพราะทุกครั้งที่สามีออกไปกินข้างนอกนั้น ไม่เคยกลับบ้านตรงเวลาเลยแม้แต่ครั้งเดียวและปิดเครื่อง
และเรื่องที่หนักที่สุดคือตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนแล้ววันนั้นก็ไปกินงานเลี้ยงแบบนี้เหมือนกันสามีได้โทรกลับมาหาดิฉันบอกว่ากำลังส่งเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่นะถ้าส่งเสร็จตัวเค้าก็จะขึ้นแท็กซี่กลับเลยดิฉันก็ตอบโอเคและรออยู่ที่บ้านผ่านไป 1 ชั่วโมง ระยะทางจากสีลมมาบางนาตราดด้วยเวลาเที่ยงคืนและบนทางด่วนมันไม่น่านานขนาดนั้นแต่ดิฉันก็ยังจะนั่งรอผ่านไปอีก 15 นาทีก็ยังไม่มาจึงโทรศัพท์เข้าเครื่องของสามีเพื่อที่จะถามว่าอยู่ตรงไหนแล้วด้วยความเป็นห่วงแต่ปรากฏว่าโทรศัพท์ของเขาปิดเครื่อง ดิฉันก็ยังคิดว่าสงสัยในระหว่างขึ้นรถแบตคงหมดก็ยังนั่งรอจนกระทั่งผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่าดิฉันเริ่มกังวลใจมากและเป็นห่วงจึงออกมารอที่หน้าบ้านและเดินเข้าออกซอยเป็น 10 รอบด้วยความเป็นห่วงสามีกลัวว่าจะเป็นอะไรเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะโทรไปก็ปิดเครื่อง และในตอนนั้นบัตร atm เกิดหายพอดีดังนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์และเงินที่อยู่ในบัตรจึงอยู่กับสามีดิฉันต้องเดินไปในร้านค้าที่รู้จักกันในช่วงเวลาตี 2 กว่าเกือบตี 3 ไปเคาะเรียกร้านเขา เพื่อที่จะขอให้เขาเติมเงินให้ก่อนและตัดสินใจเสียมารยาทด้วยการเข้าไปใน facebook ของสามีเพื่อตามหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเขาเพราะอาจจะมีคนรู้ก็ได้ว่าเขาไปไหนเกิดอะไรขึ้นกับเขาและในที่สุดก็ได้รู้ว่าเขาไปเที่ยวต่อที่พัฒน์พงศ์ ความรู้สึกในตอนนั้น หดหู่มากและเสียความรู้สึกมากเพราะเราเดินตามหาเข้าออกซอยซึ่งระยะจากปากซอยมาในบ้านประมาณ 3-400 เมตรดิฉันเดินเป็นสิบรอบ
พอตี 4 กว่าๆ สามีโทรมาหาแล้วบอกว่าเขากลับบ้านไม่ได้เพราะเนื่องจากความเงินแล้วหล่นซึ่งตอนนั้นเขาก็เมามากดิฉันก็บอกว่าก็ไม่รู้จะทำยังไงก็แล้วแต่เดินกลับแล้วกันเขาเหลือตั้งอยู่ในกระเป๋า 100 บาทถ้านั่งแท็กซี่จากสีลมมาที่บางนาแน่นอนมันจะเกือบ200 บาท บัตร atm ในขณะนั้นเขาก็จำไม่ได้ว่าเขาเอาไปไว้ที่ไหนคงจะเป็นเพราะเมา เขาต้องเดินจากสีลมมาแยกบางนาแล้วจึงต่อแท็กซี่มาบ้านและจากเหตุการณ์นั้นเขาก็ยังทำแบบนี้อยู่เสมอทุกปีจนล่าสุดปีนี้ซึ่งเราคุยกันแล้วว่างานเริ่ม 6 โมงสั่งเบียร์มาแค่ 15 ทาวเวอร์กับคนกิน 50 คนไม่น่าจะนาน ซึ่งประโยคเหล่านี้สามีเป็นคนบอกกับดิฉันเองแล้วก็บอกด้วยว่าน่าจะเลิกประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ ซึ่งในตอนนี้ดิฉันก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ในขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็ยังไม่ดีขึ้นก็เลยบอกกับสามีว่าเงินห้าทุ่มครึ่งก็น่าจะถึงบ้านนะสามีก็บอกว่าถึงอยู่แล้วแหละเพราะว่าเบียร์มีแค่นั้นเอง ดิฉันก็บอกว่าเรื่องที่ฉันจะไม่โทรตามนะเพราะถึงคืนวันศุกร์ช่วงประมาณ 4 ทุ่มครึ่งมีฉันก็ส่งไลน์ไปบอกเขาว่ากุญแจบ้านวางไว้ตรงไหนเท่าที่ฉันอยู่บนห้องอาจจะหลับก่อนเขาก็ส่งไลน์กลับมาบอกว่าเดี๋ยวน้องที่ทำงานคนนึงจะไปส่งนะนี่ก็น่าจะเลิกกันละเพราะว่าเบียร์ใกล้หมดแล้วดิฉันก็บอกว่าโอเคถ้าอย่างนั้นก็ให้แวะเซเว่นหน้าปากซอย ซื้อเกี๊ยวน้ำมาให้ด้วยเพราะกะว่าจะกินแล้วก็กินยาไปอีก 1 เม็ดเพราะมันแน่นในจมูกมากหายใจไม่ออก เขาก็โอเครับปาก
จน 5 ทุ่มครึ่ง ดิฉันก็ส่งไลน์ไปอีกครั้งหนึ่งว่าถ้ายังไม่ออกตอนนี้ก็กลับบ้านไม่ทัน 5 ทุ่มครึ่งนะผ่านไป 10 นาทีเค้าก็ยังไม่อ่านดิฉันก็เลยตัดสินใจโทรไปความรู้สึกเดิมๆมันเริ่มกลับมาอีกครั้ง เขาก็รับสายที่ฉันก็เลยบอกว่าตอนนี้ 5 ทุ่มครึ่งแล้วทำไมยังไม่กลับอีกบอกด้วยน้ำเสียงที่ดีเพราะที่ฉันรู้ดีว่าการคุยกับคนเมาถ้างี่เง่ามันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น เขาบอกว่าน้องที่ทำงานที่เป็นพวกท่านยังไม่กลับเขาก็ยังกลับไม่ได้ดิฉันก็ถามว่าทำไมล่ะทำไมยังถึงกลับไม่ได้เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วและสามีก็เมาซึ่งมันความเป็นไปได้มันต่ำมากที่คนเมาจะไปดูแลคนเมา เขาบอกว่าน้องๆจะไปต่อเขากลัวว่ามันจะเกิดอันตรายเช่นถ้าตำรวจตั้งด่านแล้วน้องจะโดนจับดิฉันก็บอกว่าเขามีความคิดพ. พ่อโตแล้วเขาควรจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรและถ้าเกิดว่าเค้าตัดสินใจที่จะไปต่อในขณะที่เขาเมาขนาดนั้นและยังขับรถซึ่งถ้าเราเตือนแล้วเขาก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขาดิฉันก็บอกว่าเธอไม่สามารถดูแลใครได้หรอกเพราะตัวเธอเองก็เมา แล้วก็ยังบอกอีกว่าดิฉันไม่อยากมีปัญหาแล้วสามีตอบกลับมาว่าฉันยอมมีปัญหากับเธอเพื่อที่จะอยู่ที่นี่อยู่กับน้องที่ทำงานให้ฉันได้ฟังอย่างนี้ดิฉันซึ่งมากและรู้สึกเสียใจเสียความรู้สึกมากก็ได้พูดคุยกันอีกสักพักเขาก็บอกดิฉันว่าเล่นเดี๋ยวเค้าจะขอตัวไปบอกนอนก่อนแล้วกันว่าจะกลับบ้านแล้ว ok ผ่านไปอีก 20 นาทีก็ไลน์ไปถามว่าลาน้องเสร็จหรือยัง กลับมาได้แล้วนะแต่เขาก็ไม่มาสักทีจึงโทรไปอีกปรากฏว่าเขาปิดเครื่องแล้ว
ณ.จุดนี้ดิฉันไม่ได้โมโหหรือต้องการจะไปจีบเค้าเลยมันเกิดจากความเป็นห่วงโดนๆเพราะที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหนต่อเขาจะกลับบ้านไหมกลับยังไงฉันก็จึงตัดสินใจโทรแชทไปหาน้องคนที่เขาบอกว่าจะไปส่งแต่ก็ไม่รับสายก็เลยส่งข้อความไปบอกว่ารบกวนให้เขาบอกสามีด้วยว่าให้โทรกลับสามีก็เปิดเครื่องโทรกลับมาแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อยากถ่ายว่า จะเลิกไประรานคนอื่นได้หรือยัง ดิฉันก็บอกว่าดิฉันไม่ได้ไประรานดิฉันแค่ฝากบอกเขาให้เธอโทรกลับ เขาก็ปิดเครื่องไปอีกครั้งหนึ่งดิฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นก็ต้องส่งข้อความไปหาน้องคนนี้อีกโทรแชทไป แต่ก็ไม่มีการรับสายเลยแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งขณะนั้นคือ 5 ทุ่มกว่าในระหว่างนั้นอยู่โทรหาทั้งสามีและโทรหาทางแชทของน้องพอดีพอดีฉันไม่รู้เลยว่าจะกลับหรือไม่กลับหรือจะไปไหนอะไรยังไงจนข้อความสุดท้ายที่ดิฉันส่งหาน้องเขาฉันก็ส่งออกว่าเธอจะให้ฉันโทรแชทหาแฟนของน้องคนที่มาส่งใช่ไหมเพื่อที่จะให้เค้าติดต่อมาหาดิฉัน เขาก็โทรกลับมาได้อีก ดิฉันเจ็บใจมากเพราะเขาก็ต่อว่าดิฉันว่าถ้ายังไม่เลิกละลานคนอื่นกลับไปเขาจะเอากุญแจรถแล้วก็จะกลับไปหาเพื่อนดิฉันที่โคราชเพื่อที่จะไปด่าเขาเพราะเขาหาว่าดิฉันมีอะไรกับเพื่อนคนนี้ทั้งๆที่
จริงๆแล้วเพื่อนคนนี้ก็มีภรรยาอยู่แล้วและที่สำคัญแก่กว่าดิฉันเยอะมากเขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่อายุเกือบจะ 50 แล้วและมีลูก 3 คนครอบครัวเขาไม่โอเคเลยฐานะไม่ดี ฉันยังช่วยดูแลในการทำงานของเขาอยู่เลยแต่สามีไม่พอใจเพียงเพราะว่าดิฉันสอนให้เขาทำบัญชีและให้เขายืมเงินเพื่อเอาไปเปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆเพื่อให้เขาได้เลี้ยงลูกและเลี้ยงภรรยาเขาได้แต่ไม่ใช่เงินที่ให้กินเปล่าเขายังผ่อนส่งขึ้นดิฉันอยู่ถึงแม้มันจะเป็นเหมือนที่จำนวนน้อย ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงหาว่าฉันไปมีอะไรกับเพื่อนและอีกอย่างลูกชายก็ไปอยู่กับเพื่อนคนนี้เนื่องจากว่ามีปัญหาบางอย่างที่น้องเขาไม่สามารถอยู่ที่กรุงเทพได้จึงต้องส่งไปเรียนหนังสือที่นั่น
ดิฉันก็เอากุญแจรถมาเก็บไว้กับตัวเข้ามาถึงบ้านช่วงตี 2 ครึ่งด้วยความที่เขามาเอากุญแจรถก็ไม่ให้แล้วดิฉันก็พูดกับเขาดีๆว่าขึ้นไปนอนกันเถอะเขาไม่ไปดิฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเขาเอากุญแจสำรองไปขายรถแล้วจึงเลือกที่จะโทรหาตำรวจเพื่อที่จะให้ตำรวจเนี่ยมาระงับเหตุความหมายของการระงับเหตุนี้ก็คือเขาอาจจะกลัวก็ได้ถ้าตำรวจมาขู่เขาในข้อหาเมาแล้วขับ เค้าก็อาจจะมีสติเราก็ขึ้นไปนอน แต่ตำรวจมาไม่ทันเขาก็ขับรถออกไปแล้วไปฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรไปหาน้องที่ทำงานเขาอีกคนหนึ่งซึ่งดูเบอร์จากใน facebook นั่นแหละเพื่อที่จะขอเบอร์พี่อีกคนหนึ่งที่เคยติด gps ในรถเพื่อที่จะให้เขาเช็คดูว่าตอนนี้รถอยู่ไหนเพราะเขาเมาในระหว่างขับรถมันอันตรายมากที่คนนี้ก็เช็คให้ก็ปรากฏว่าเขามาจอดนอนอยู่ในซอยข้างๆบ้านหรือรถดิฉันจึงปั่นจักรยานไปกับลูกสาวเพื่อไปดูว่าเขานอนเป็นอย่างไร ดับเครื่องไหมติดเครื่องนอนแล้วเปิดกระจกกว้างไหมดิฉันก็กลัวของในรถจะหาอยู่เช่นโทรศัพท์แล้วกระเป๋าเงินของสามี ปรากฏว่าพาปั่นไปก็พบว่าเขานอนอยู่แต่กระจกถูกลดลงมาเกือบครึ่งบานมีกุญแจรถหลักที่มีเปิดรถแล้วก็บอกเขาว่าให้เค้าว่าปิดกระจกเลื่อนขึ้นมาอีกกันคนไปเปิดเขาก็ทำให้ฉันก็จึงปั่นจักรยานกับลูกกลับบ้านเพราะตอนเช้าดิฉันจะให้ลูกสาวปั่นไปดูอีกรอบว่าพ่อยังเหงาอยู่นั่นไหมในช่วง 7 โมงเช้าแต่ปรากฏว่ารถไม่อยู่แล้วดิฉันโทรหาเขาเขาก็ยังโมโหไม่เลิกและเขาก็บอกว่ากูบอกแล้วว่ากูจะไป หาเพื่อนที่โคราช
ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรหาหน่อยของเขาเพื่อหวังว่าให้เจ้านายของเขาได้ห้ามเขาไม่ใช่ไม่ได้ห่วงเพื่อนดิฉันเลยแต่หยุดฉันห่วงอนาคตของลูกที่ฝากเขาอยู่แต่ยังอยู่ที่นั่นถ้าเกิดเขาทะเลาะกันแล้วสุดท้ายความไม่พอใจมันบังเกิดตรงที่ว่าเขาไม่ให้ลูกดิฉันอยู่ที่บ้านเขาแล้วดิฉันจะไปหาโรงเรียนให้ลูกอย่างไรเจ้านายเค้าก็ดีโทรหาเขาแต่เขาก็ไม่รับสาย ก็ยิ่งพะวงหนักจึงตัดสินใจโทรหาพี่ชายเขาและแม่เขาแต่มันกลับทำให้เขาโมโหยิ่งขึ้นเพราะว่าหาว่าดิฉันไประรานคนอื่นในเหตุผลของฉันนั้นไม่ได้ตั้งใจจะระรานคนอื่นดิฉันแค่คิดว่าถ้าฉันห้ามเขาไม่ได้ก็ยังจะมีใครสักคนหนึ่งที่พอจะพูดกับเขาได้ให้เขามีสติให้เขาหยุดเลยจะทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้องนี้แล้วก็กลับบ้านมาคุยกันไปเขาก็ไม่กลับจนกระทั่งเกือบบ่ายมีฉันก็เหนื่อยแล้ว ฉันก็เลยบอกเขาใน line ว่างั้นฉันจะไม่ตามเธอแล้วถ้าเธอเหนื่อยก็กลับบ้านมานอนแล้วกันส่วนฉันก็จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะมีความรู้สึกว่าไอหนักมากแล้วก็หายใจไม่ออกสามีจึงถามว่าจะไปกี่โมงดิฉันก็บอกว่าน่าจะไปประมาณก่อนบ่าย 2 บ่าย 3 กุญแจก็จะไว้ที่เดิมนะหลังจากคุยไลน์ตรงกันไปซะประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงบ้านดิฉันก็ไม่คุยเรื่องนี้กับเขาอีก
ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่าการที่เราพบสามีและสามีทำกับเราแบบนี้ทุกครั้งที่เขาออกไปกินข้าวไปกินเลี้ยงนอกบ้านจะเป็นอย่างนี้คงไม่มีภรรยาคนไหนที่จะล้มตัวลงนอนหลับสนิทสามียังไม่ถึงบ้านเพราะใจรู้ทั้งรู้ว่าเขาเมา และสิ่งที่เขาแสดงออกให้เพื่อนที่ทำงานรับรู้คือดิฉันเป็นคนที่เรื่องมากเป็นคนอื่นๆซึ่งอันที่จริงเราไม่ใช่เลยดิฉันไม่เคยงี่เง่าเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องแต่ที่ไม่เคยรู้เรื่องเลยเพราะสามีไม่เคยทำตามที่พูดไว้เลยเดี๋ยวนี้ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์นี้มาประมาณหนึ่งปีเค้าจะนั่งกินเบียร์อยู่ข้างล่างบ้านเสมอวันละ 3 ขวดก่อนขึ้นนอนเหมือนเป็นการพักผ่อนรีแลกซ์ ดิฉันก็จะเลือกกินข้าวกับเขาเสร็จขึ้นมาอยู่บนห้องนอนเพื่อตัดปัญหาเวลาที่เขามาเอาเราคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะถ้าอยู่บ้านสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอคือการทำลายข้าวของถ้าเวลาเขาโมโหเขาจะแสดงออกด้วยการซื้อขวดทำลายข้าวของพัดลมกี่ตัวในบ้านพังไม่รู้จักกี่ตัวแล้วขวดเบียร์ที่เค้ากินแตกกระจายเป็นบ้านซึ่งดิฉันขอเขาแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถทำให้ได้ใช้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าจะให้ดีฉันตัดสินใจจะไม่ยุ่งไม่ตามเลยว่าอยู่ที่ไหนแล้วดิฉันก็ทำไม่ได้เพราะนั่นคือสามีของฉันที่ฉันรัก ท่าตอนที่ดิฉันโทรไปหาคนที่ทำงานเขาที่เพราะว่าดิฉันเป็นห่วงเขาแล้วโดนกล่าวหาว่าดิฉันไประรานคนอื่นต่อจากนี้ไปฉันคงต้องนั่งทำใจและปล่อยให้พฤติกรรมของเขาเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่แน่วันหนึ่งดิฉันคงต้องทำใจจริงๆว่าจะเข้าไปเมาข้างนอกแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขาฉันก็คงมีแค่นาทีเดียวเท่านั้นคือพอบอกแม่ของเขาเพราะสิ่งที่ดิฉันทำมันไม่ได้มีค่าอยู่ในสายตาของสามีเลย ดิฉันก็อยากรู้ถึงความคิดของภรรยาคนอื่นว่าจะทำแบบเดียวกันกับที่ฉันไหมสามีออกไปกินเหล้าข้างนอกบ้านจะมีสักกี่คนที่จะข่มตานอนหลับได้โดยไม่คิดอะไรและไม่ห่วงสามีขอบคุณค่ะ
ติดต่อสามีไม่ได้ในวันที่สามีไปกินเลี้ยงบริษัท โดนสามีด่าว่าระรานคนอื่น?
และเรื่องที่หนักที่สุดคือตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนแล้ววันนั้นก็ไปกินงานเลี้ยงแบบนี้เหมือนกันสามีได้โทรกลับมาหาดิฉันบอกว่ากำลังส่งเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่นะถ้าส่งเสร็จตัวเค้าก็จะขึ้นแท็กซี่กลับเลยดิฉันก็ตอบโอเคและรออยู่ที่บ้านผ่านไป 1 ชั่วโมง ระยะทางจากสีลมมาบางนาตราดด้วยเวลาเที่ยงคืนและบนทางด่วนมันไม่น่านานขนาดนั้นแต่ดิฉันก็ยังจะนั่งรอผ่านไปอีก 15 นาทีก็ยังไม่มาจึงโทรศัพท์เข้าเครื่องของสามีเพื่อที่จะถามว่าอยู่ตรงไหนแล้วด้วยความเป็นห่วงแต่ปรากฏว่าโทรศัพท์ของเขาปิดเครื่อง ดิฉันก็ยังคิดว่าสงสัยในระหว่างขึ้นรถแบตคงหมดก็ยังนั่งรอจนกระทั่งผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่าดิฉันเริ่มกังวลใจมากและเป็นห่วงจึงออกมารอที่หน้าบ้านและเดินเข้าออกซอยเป็น 10 รอบด้วยความเป็นห่วงสามีกลัวว่าจะเป็นอะไรเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะโทรไปก็ปิดเครื่อง และในตอนนั้นบัตร atm เกิดหายพอดีดังนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์และเงินที่อยู่ในบัตรจึงอยู่กับสามีดิฉันต้องเดินไปในร้านค้าที่รู้จักกันในช่วงเวลาตี 2 กว่าเกือบตี 3 ไปเคาะเรียกร้านเขา เพื่อที่จะขอให้เขาเติมเงินให้ก่อนและตัดสินใจเสียมารยาทด้วยการเข้าไปใน facebook ของสามีเพื่อตามหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเขาเพราะอาจจะมีคนรู้ก็ได้ว่าเขาไปไหนเกิดอะไรขึ้นกับเขาและในที่สุดก็ได้รู้ว่าเขาไปเที่ยวต่อที่พัฒน์พงศ์ ความรู้สึกในตอนนั้น หดหู่มากและเสียความรู้สึกมากเพราะเราเดินตามหาเข้าออกซอยซึ่งระยะจากปากซอยมาในบ้านประมาณ 3-400 เมตรดิฉันเดินเป็นสิบรอบ
พอตี 4 กว่าๆ สามีโทรมาหาแล้วบอกว่าเขากลับบ้านไม่ได้เพราะเนื่องจากความเงินแล้วหล่นซึ่งตอนนั้นเขาก็เมามากดิฉันก็บอกว่าก็ไม่รู้จะทำยังไงก็แล้วแต่เดินกลับแล้วกันเขาเหลือตั้งอยู่ในกระเป๋า 100 บาทถ้านั่งแท็กซี่จากสีลมมาที่บางนาแน่นอนมันจะเกือบ200 บาท บัตร atm ในขณะนั้นเขาก็จำไม่ได้ว่าเขาเอาไปไว้ที่ไหนคงจะเป็นเพราะเมา เขาต้องเดินจากสีลมมาแยกบางนาแล้วจึงต่อแท็กซี่มาบ้านและจากเหตุการณ์นั้นเขาก็ยังทำแบบนี้อยู่เสมอทุกปีจนล่าสุดปีนี้ซึ่งเราคุยกันแล้วว่างานเริ่ม 6 โมงสั่งเบียร์มาแค่ 15 ทาวเวอร์กับคนกิน 50 คนไม่น่าจะนาน ซึ่งประโยคเหล่านี้สามีเป็นคนบอกกับดิฉันเองแล้วก็บอกด้วยว่าน่าจะเลิกประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ ซึ่งในตอนนี้ดิฉันก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ในขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็ยังไม่ดีขึ้นก็เลยบอกกับสามีว่าเงินห้าทุ่มครึ่งก็น่าจะถึงบ้านนะสามีก็บอกว่าถึงอยู่แล้วแหละเพราะว่าเบียร์มีแค่นั้นเอง ดิฉันก็บอกว่าเรื่องที่ฉันจะไม่โทรตามนะเพราะถึงคืนวันศุกร์ช่วงประมาณ 4 ทุ่มครึ่งมีฉันก็ส่งไลน์ไปบอกเขาว่ากุญแจบ้านวางไว้ตรงไหนเท่าที่ฉันอยู่บนห้องอาจจะหลับก่อนเขาก็ส่งไลน์กลับมาบอกว่าเดี๋ยวน้องที่ทำงานคนนึงจะไปส่งนะนี่ก็น่าจะเลิกกันละเพราะว่าเบียร์ใกล้หมดแล้วดิฉันก็บอกว่าโอเคถ้าอย่างนั้นก็ให้แวะเซเว่นหน้าปากซอย ซื้อเกี๊ยวน้ำมาให้ด้วยเพราะกะว่าจะกินแล้วก็กินยาไปอีก 1 เม็ดเพราะมันแน่นในจมูกมากหายใจไม่ออก เขาก็โอเครับปาก
จน 5 ทุ่มครึ่ง ดิฉันก็ส่งไลน์ไปอีกครั้งหนึ่งว่าถ้ายังไม่ออกตอนนี้ก็กลับบ้านไม่ทัน 5 ทุ่มครึ่งนะผ่านไป 10 นาทีเค้าก็ยังไม่อ่านดิฉันก็เลยตัดสินใจโทรไปความรู้สึกเดิมๆมันเริ่มกลับมาอีกครั้ง เขาก็รับสายที่ฉันก็เลยบอกว่าตอนนี้ 5 ทุ่มครึ่งแล้วทำไมยังไม่กลับอีกบอกด้วยน้ำเสียงที่ดีเพราะที่ฉันรู้ดีว่าการคุยกับคนเมาถ้างี่เง่ามันไม่ได้มีอะไรดีขึ้น เขาบอกว่าน้องที่ทำงานที่เป็นพวกท่านยังไม่กลับเขาก็ยังกลับไม่ได้ดิฉันก็ถามว่าทำไมล่ะทำไมยังถึงกลับไม่ได้เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วและสามีก็เมาซึ่งมันความเป็นไปได้มันต่ำมากที่คนเมาจะไปดูแลคนเมา เขาบอกว่าน้องๆจะไปต่อเขากลัวว่ามันจะเกิดอันตรายเช่นถ้าตำรวจตั้งด่านแล้วน้องจะโดนจับดิฉันก็บอกว่าเขามีความคิดพ. พ่อโตแล้วเขาควรจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรและถ้าเกิดว่าเค้าตัดสินใจที่จะไปต่อในขณะที่เขาเมาขนาดนั้นและยังขับรถซึ่งถ้าเราเตือนแล้วเขาก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขาดิฉันก็บอกว่าเธอไม่สามารถดูแลใครได้หรอกเพราะตัวเธอเองก็เมา แล้วก็ยังบอกอีกว่าดิฉันไม่อยากมีปัญหาแล้วสามีตอบกลับมาว่าฉันยอมมีปัญหากับเธอเพื่อที่จะอยู่ที่นี่อยู่กับน้องที่ทำงานให้ฉันได้ฟังอย่างนี้ดิฉันซึ่งมากและรู้สึกเสียใจเสียความรู้สึกมากก็ได้พูดคุยกันอีกสักพักเขาก็บอกดิฉันว่าเล่นเดี๋ยวเค้าจะขอตัวไปบอกนอนก่อนแล้วกันว่าจะกลับบ้านแล้ว ok ผ่านไปอีก 20 นาทีก็ไลน์ไปถามว่าลาน้องเสร็จหรือยัง กลับมาได้แล้วนะแต่เขาก็ไม่มาสักทีจึงโทรไปอีกปรากฏว่าเขาปิดเครื่องแล้ว
ณ.จุดนี้ดิฉันไม่ได้โมโหหรือต้องการจะไปจีบเค้าเลยมันเกิดจากความเป็นห่วงโดนๆเพราะที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหนต่อเขาจะกลับบ้านไหมกลับยังไงฉันก็จึงตัดสินใจโทรแชทไปหาน้องคนที่เขาบอกว่าจะไปส่งแต่ก็ไม่รับสายก็เลยส่งข้อความไปบอกว่ารบกวนให้เขาบอกสามีด้วยว่าให้โทรกลับสามีก็เปิดเครื่องโทรกลับมาแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อยากถ่ายว่า จะเลิกไประรานคนอื่นได้หรือยัง ดิฉันก็บอกว่าดิฉันไม่ได้ไประรานดิฉันแค่ฝากบอกเขาให้เธอโทรกลับ เขาก็ปิดเครื่องไปอีกครั้งหนึ่งดิฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นก็ต้องส่งข้อความไปหาน้องคนนี้อีกโทรแชทไป แต่ก็ไม่มีการรับสายเลยแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งขณะนั้นคือ 5 ทุ่มกว่าในระหว่างนั้นอยู่โทรหาทั้งสามีและโทรหาทางแชทของน้องพอดีพอดีฉันไม่รู้เลยว่าจะกลับหรือไม่กลับหรือจะไปไหนอะไรยังไงจนข้อความสุดท้ายที่ดิฉันส่งหาน้องเขาฉันก็ส่งออกว่าเธอจะให้ฉันโทรแชทหาแฟนของน้องคนที่มาส่งใช่ไหมเพื่อที่จะให้เค้าติดต่อมาหาดิฉัน เขาก็โทรกลับมาได้อีก ดิฉันเจ็บใจมากเพราะเขาก็ต่อว่าดิฉันว่าถ้ายังไม่เลิกละลานคนอื่นกลับไปเขาจะเอากุญแจรถแล้วก็จะกลับไปหาเพื่อนดิฉันที่โคราชเพื่อที่จะไปด่าเขาเพราะเขาหาว่าดิฉันมีอะไรกับเพื่อนคนนี้ทั้งๆที่
จริงๆแล้วเพื่อนคนนี้ก็มีภรรยาอยู่แล้วและที่สำคัญแก่กว่าดิฉันเยอะมากเขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่อายุเกือบจะ 50 แล้วและมีลูก 3 คนครอบครัวเขาไม่โอเคเลยฐานะไม่ดี ฉันยังช่วยดูแลในการทำงานของเขาอยู่เลยแต่สามีไม่พอใจเพียงเพราะว่าดิฉันสอนให้เขาทำบัญชีและให้เขายืมเงินเพื่อเอาไปเปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆเพื่อให้เขาได้เลี้ยงลูกและเลี้ยงภรรยาเขาได้แต่ไม่ใช่เงินที่ให้กินเปล่าเขายังผ่อนส่งขึ้นดิฉันอยู่ถึงแม้มันจะเป็นเหมือนที่จำนวนน้อย ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงหาว่าฉันไปมีอะไรกับเพื่อนและอีกอย่างลูกชายก็ไปอยู่กับเพื่อนคนนี้เนื่องจากว่ามีปัญหาบางอย่างที่น้องเขาไม่สามารถอยู่ที่กรุงเทพได้จึงต้องส่งไปเรียนหนังสือที่นั่น
ดิฉันก็เอากุญแจรถมาเก็บไว้กับตัวเข้ามาถึงบ้านช่วงตี 2 ครึ่งด้วยความที่เขามาเอากุญแจรถก็ไม่ให้แล้วดิฉันก็พูดกับเขาดีๆว่าขึ้นไปนอนกันเถอะเขาไม่ไปดิฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเขาเอากุญแจสำรองไปขายรถแล้วจึงเลือกที่จะโทรหาตำรวจเพื่อที่จะให้ตำรวจเนี่ยมาระงับเหตุความหมายของการระงับเหตุนี้ก็คือเขาอาจจะกลัวก็ได้ถ้าตำรวจมาขู่เขาในข้อหาเมาแล้วขับ เค้าก็อาจจะมีสติเราก็ขึ้นไปนอน แต่ตำรวจมาไม่ทันเขาก็ขับรถออกไปแล้วไปฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรไปหาน้องที่ทำงานเขาอีกคนหนึ่งซึ่งดูเบอร์จากใน facebook นั่นแหละเพื่อที่จะขอเบอร์พี่อีกคนหนึ่งที่เคยติด gps ในรถเพื่อที่จะให้เขาเช็คดูว่าตอนนี้รถอยู่ไหนเพราะเขาเมาในระหว่างขับรถมันอันตรายมากที่คนนี้ก็เช็คให้ก็ปรากฏว่าเขามาจอดนอนอยู่ในซอยข้างๆบ้านหรือรถดิฉันจึงปั่นจักรยานไปกับลูกสาวเพื่อไปดูว่าเขานอนเป็นอย่างไร ดับเครื่องไหมติดเครื่องนอนแล้วเปิดกระจกกว้างไหมดิฉันก็กลัวของในรถจะหาอยู่เช่นโทรศัพท์แล้วกระเป๋าเงินของสามี ปรากฏว่าพาปั่นไปก็พบว่าเขานอนอยู่แต่กระจกถูกลดลงมาเกือบครึ่งบานมีกุญแจรถหลักที่มีเปิดรถแล้วก็บอกเขาว่าให้เค้าว่าปิดกระจกเลื่อนขึ้นมาอีกกันคนไปเปิดเขาก็ทำให้ฉันก็จึงปั่นจักรยานกับลูกกลับบ้านเพราะตอนเช้าดิฉันจะให้ลูกสาวปั่นไปดูอีกรอบว่าพ่อยังเหงาอยู่นั่นไหมในช่วง 7 โมงเช้าแต่ปรากฏว่ารถไม่อยู่แล้วดิฉันโทรหาเขาเขาก็ยังโมโหไม่เลิกและเขาก็บอกว่ากูบอกแล้วว่ากูจะไป หาเพื่อนที่โคราช
ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจโทรหาหน่อยของเขาเพื่อหวังว่าให้เจ้านายของเขาได้ห้ามเขาไม่ใช่ไม่ได้ห่วงเพื่อนดิฉันเลยแต่หยุดฉันห่วงอนาคตของลูกที่ฝากเขาอยู่แต่ยังอยู่ที่นั่นถ้าเกิดเขาทะเลาะกันแล้วสุดท้ายความไม่พอใจมันบังเกิดตรงที่ว่าเขาไม่ให้ลูกดิฉันอยู่ที่บ้านเขาแล้วดิฉันจะไปหาโรงเรียนให้ลูกอย่างไรเจ้านายเค้าก็ดีโทรหาเขาแต่เขาก็ไม่รับสาย ก็ยิ่งพะวงหนักจึงตัดสินใจโทรหาพี่ชายเขาและแม่เขาแต่มันกลับทำให้เขาโมโหยิ่งขึ้นเพราะว่าหาว่าดิฉันไประรานคนอื่นในเหตุผลของฉันนั้นไม่ได้ตั้งใจจะระรานคนอื่นดิฉันแค่คิดว่าถ้าฉันห้ามเขาไม่ได้ก็ยังจะมีใครสักคนหนึ่งที่พอจะพูดกับเขาได้ให้เขามีสติให้เขาหยุดเลยจะทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้องนี้แล้วก็กลับบ้านมาคุยกันไปเขาก็ไม่กลับจนกระทั่งเกือบบ่ายมีฉันก็เหนื่อยแล้ว ฉันก็เลยบอกเขาใน line ว่างั้นฉันจะไม่ตามเธอแล้วถ้าเธอเหนื่อยก็กลับบ้านมานอนแล้วกันส่วนฉันก็จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะมีความรู้สึกว่าไอหนักมากแล้วก็หายใจไม่ออกสามีจึงถามว่าจะไปกี่โมงดิฉันก็บอกว่าน่าจะไปประมาณก่อนบ่าย 2 บ่าย 3 กุญแจก็จะไว้ที่เดิมนะหลังจากคุยไลน์ตรงกันไปซะประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงบ้านดิฉันก็ไม่คุยเรื่องนี้กับเขาอีก
ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่าการที่เราพบสามีและสามีทำกับเราแบบนี้ทุกครั้งที่เขาออกไปกินข้าวไปกินเลี้ยงนอกบ้านจะเป็นอย่างนี้คงไม่มีภรรยาคนไหนที่จะล้มตัวลงนอนหลับสนิทสามียังไม่ถึงบ้านเพราะใจรู้ทั้งรู้ว่าเขาเมา และสิ่งที่เขาแสดงออกให้เพื่อนที่ทำงานรับรู้คือดิฉันเป็นคนที่เรื่องมากเป็นคนอื่นๆซึ่งอันที่จริงเราไม่ใช่เลยดิฉันไม่เคยงี่เง่าเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องแต่ที่ไม่เคยรู้เรื่องเลยเพราะสามีไม่เคยทำตามที่พูดไว้เลยเดี๋ยวนี้ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์นี้มาประมาณหนึ่งปีเค้าจะนั่งกินเบียร์อยู่ข้างล่างบ้านเสมอวันละ 3 ขวดก่อนขึ้นนอนเหมือนเป็นการพักผ่อนรีแลกซ์ ดิฉันก็จะเลือกกินข้าวกับเขาเสร็จขึ้นมาอยู่บนห้องนอนเพื่อตัดปัญหาเวลาที่เขามาเอาเราคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะถ้าอยู่บ้านสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอคือการทำลายข้าวของถ้าเวลาเขาโมโหเขาจะแสดงออกด้วยการซื้อขวดทำลายข้าวของพัดลมกี่ตัวในบ้านพังไม่รู้จักกี่ตัวแล้วขวดเบียร์ที่เค้ากินแตกกระจายเป็นบ้านซึ่งดิฉันขอเขาแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถทำให้ได้ใช้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าจะให้ดีฉันตัดสินใจจะไม่ยุ่งไม่ตามเลยว่าอยู่ที่ไหนแล้วดิฉันก็ทำไม่ได้เพราะนั่นคือสามีของฉันที่ฉันรัก ท่าตอนที่ดิฉันโทรไปหาคนที่ทำงานเขาที่เพราะว่าดิฉันเป็นห่วงเขาแล้วโดนกล่าวหาว่าดิฉันไประรานคนอื่นต่อจากนี้ไปฉันคงต้องนั่งทำใจและปล่อยให้พฤติกรรมของเขาเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่แน่วันหนึ่งดิฉันคงต้องทำใจจริงๆว่าจะเข้าไปเมาข้างนอกแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขาฉันก็คงมีแค่นาทีเดียวเท่านั้นคือพอบอกแม่ของเขาเพราะสิ่งที่ดิฉันทำมันไม่ได้มีค่าอยู่ในสายตาของสามีเลย ดิฉันก็อยากรู้ถึงความคิดของภรรยาคนอื่นว่าจะทำแบบเดียวกันกับที่ฉันไหมสามีออกไปกินเหล้าข้างนอกบ้านจะมีสักกี่คนที่จะข่มตานอนหลับได้โดยไม่คิดอะไรและไม่ห่วงสามีขอบคุณค่ะ