.
นับตั้งแต่ที่ได้ชายที่ชื่อว่า เจอร์เก้น คล้อป เข้ามาคุมพวกมาลัย ระบบเครื่องยนต์กลไกของทีมลิเวอร์พูล ทีมที่มีระดับดีกรีความคลาสสิคไม่ยิ่งหย่อนกว่าทีมใดในโลก ก็ถูกรื้อประกอบใหม่ ใช้อะไหล่ชื้นเก่าปรับแต่งให้เข้ากับ
ระบบเทอร์โบชาร์ป ที่ชื่อว่า Gegenpressing ที่ถูกนำมารีดแรงม้านักเตะเพื่อพาทีมทะยานไปข้างหน้าแบบเต็มสปีด เสริมด้วยอะไหล่ชิ้นใหม่เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปหรือไม่ดีพอสำหรับการวิ่งไปสู่จุดหมายปลายทางที่วางไว้
มาเน่ มาติป ไวนาดุม คืออะไหล่ชิ้นใหม่ที่ว่านั้นในปีก่อน แม้ฤดูกาลแรกที่เป็นการคุมทีมแบบเต็มๆของคล็อป จะเจอปัญหาระหว่างทาง ชิ้นส่วนบางชิ้นเกิดชำรุดเพราะทำงานหนักเกินไป อะไหล่สำรองที่มีอยู่ในทีมชุดสอง ก็ไม่ดีพอที่จะเค้นกำลังให้ทีมวิ่งได้เต็มสปีดเหมือนกับอะไหล่ตัวหลักได้ จึงจอดป้ายได้ที่สี่ในการแข่งขัน
จนวันนี้แฟนๆต่างฝากความหวังว่า คล้อปคงจะเพิ่มเติมใครเข้ามาเป็นอะไหล่แบบนั้นอีกสักครั้งในปีนี้ โซลันเก้ และ ซาล่าห์ คือสองตัวใหม่ที่เข้ามาเป็นชิ้นส่วนขับเคลื่อนทีมแล้ว ภายใต้การควบคุมของคล้อป แต่ก็เหมือนยังไม่น่าจะพอ หากอยากขับเคลื่อนไปให้ไกลกับโปรแกรมการแข่งขันที่มากขึ้นเพราะฟุตบอลถ้วยยุโรป ก็เลยยังตั้งตารอคอยข่าวชูเสื้อของนักเตะใหม่รายต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
แต่วันนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงนักเตะใหม่ที่คล้อปหอบหิ้วเข้ามาแล้ว หรือกำลังจะหอบหิ้วเข้ามาเพื่อปรับแต่งทีม เพราะวันนี้จะขอลองมองดูตัวเก่าที่มีอยู่ ที่สามารถแจ้งเกิดใหม่อีกสักคนต่อจากที่เคยว่า ถึง Adam Lallana
https://ppantip.com/topic/36597876 ไปเมื่อคราวก่อน ภายใต้การควบคุมพวงมาลัยของคล้อปในปีที่ผ่าน จะลองดูกันว่าผู้เล่นเก่าหรืออะไหล่เก่าชิ้นนี้ ทำงานอย่างไรในห้องเครื่องของระบบเทอร์โบชาร์ป ที่ชื่อว่า Gegenpressing
*ที่อารัมภบทแบบเดิมเป๊ะ ก็เพราะอยากให้เป็นเรื่องราวที่ยังต่อเนื่องจากโครงเรื่องที่ใช้ในบทความก่อนนะครับ ซึ่งต้องขออภัย..อย่าได้ถือสา
วันนี้ที่จะเขียนถึงในบทความนี้ก็ คือ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในยามที่เขาลงเล่น เขาถูกยกให้เป็น “หัวใจหลัก” ของทีมชุดนี้ของคล้อป ภายใต้ระบบการเล่น Gegenpressing จากที่เคยเป็นนักเตะที่น่าเอือมระอา จนได้สมญา”
อาแปะ”จากแฟนบอล ก็ถูกคล้อปวางบทบาทใหม่ให้เป็น “
ตัวควบคุมจังหวะ” ของทีม ทำหน้าที่เป็นตัวขึ้นเกมส์ในยามรุก และเป็นตัวปัดกวาดในยามตั้งรับ ซึ่งด้วยศักภาพที่มีอยู่ในตัวเขา ถูกคล้อปรีดออกมาจนหมดสิ้น โชว์ผลงานได้ดีกว่าช่วง 5 ปีแรกที่เขาย้ายเข้ามาก่อนหน้านี้เสียอีก ทั้งที่จำนวนนัดการเล่น ก็น้อยกว่าฤดูกาลก่อนๆมาก
ว่ากันถึง skill หรือทักษะการเล่น เฮนโด้เองก็ไม่ได้โดดเด่นทั้งรุกและรับ ถ้าพูดกันแบบมีอคติในใจ เขาก็เป็นแค่นักเตะดาร์ดๆ ที่ย้ายเข้ามาสวมเสื้อแดง แม้จะโชว์ฟอร์มได้ไม่เลวกับทีมก่อน(ซันเดอร์แลนด์) แต่ด้วยราคาที่แพงพอสมควรในยุคนั้น ก็เป็นสิ่งที่ก่อเกิดอคติในใจให้กับคนบางกลุ่ม แถมฟอร์มการเล่นและทักษะแบบนี้ของเขาก็สร้างความคลางแคลงใจอย่างมาก ตอนถูกประกาสให้เป็นผู้สืบทอดปลอกแขนกัปตันทีม ต่อจาก สตีเฟ่น เจอร์ราด
จนต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าเสียงคัดค้านการเป็นกัปตันของเขา จะเงียบหายไป และเขาเองก็เล่นได้พอใช้ ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายตามเสียงครหาจากอคติในใจ ถึงจะไม่โดดเด่นอะไร แต่ก็ยืนระยะเป็นตัวหลักได้ในยุคของ BR
และเมื่อเปลี่ยนเจ้านายใหม่ จาก BR มาเป็น JK การเล่นของเขาที่ไม่ได้โดดเด่นทั้งรุกและรับ ก็คล้ายถูกระบบของเจ้านายใหม่ชุบชีวิตค้าแข้งขึ้นมาอีกครั้ง
ให้กลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ทีมกลับขาดเขาไปไม่ได้ เริ่มโชว์ความร้อนแรงให้เห็นกันเมื่อท้าย 2 ฤดูกาลก่อน จนมาถึงต้อนฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บ ก็เหมือนจะทำให้เขาเป็นอะไหล่ที่ชำรุด ก็เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาเขาลงสนามได้เพียง 24 นัดเท่านั้น ย้อนไปก่อนหน้านี้อีกปี ก็ลงเล่นได้เพียง 17 นัด ซึ่งเป็นเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ “
เรื้อรัง” ที่เขาได้รับบริเวณฝ่าเท้าเมื่อฤดูกาล 2015/2016 (ยุคร็อดเจอร์) จนต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเจ็บเพื่อลงเล่น
นั้นทำให้ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเพราะเข้ากับระบบใหม่ของผู้จัดการทีมได้ เหมือนถูกจำกัดให้หดหายไปครึ่งหนึ่ง เพราะอาการบาดเจ็บที่ว่า และมันก็เปรียบสเมือนชายคนนี้ เป็น คาบูเรเตอร์(เทียบกับบทบาทหน้าที่ในทีม) ที่ชำรุดมีสภาพไม่เต็มร้อย แต่คล็อปก็ยังจำเป็นต้องใช้สอย เพราะว่าเขาคือ “หัวใจหลัก”ในระบบการเล่นของทีม
นอกเสียแต่ว่า จะหาอะไหล่ชิ้นใหม่ที่ทำหน้าที่ได้ดีเท่าหรือหรือกว่าชายคนนี้มาร่วมทีมได้
ซึ่งก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ขนาด ตัวหลักคนอื่นที่มีในทีมตอนนี้ อย่างชาน ไวนาดุมจะลองผลัดเปลี่ยนกันมายืนที่แทน เฮนเดอร์สัน ก็ยังดูขลุกขลักในช่วงแรกๆ เพิ่งมีช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วนี้แหละ ที่ปรับรูปแบบไม่ให้แบ๊คสองข้างเติมเกมส์รุกมากนัก แล้วให้ชานประจำการ อาศัยแรงฟิตวิ่งไล่ของนักเตะเชื้อสายเติร์กมาช่วยอุดแนวรับ ที่เหมือนว่าจะพอหาตัวทดแทน เฮนเดอร์สัน ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะยังต้องขยับแนวรุกอย่าง คูตินโญ่ หรือเฟอร์มิโน่ ลงมารับบอลต่ำ ลำเลียงบอลขึ้นไปทำเกมส์รุก
แม้ เฮนโด้จะเป็นอาแปะ ที่เอาแต่ป้าย บอลมาทางไหนก็เตะคืนไปทางนั้น (ซึ่งถ้าพูดจริงโดยไม่มีอคติ เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้นทุกครั้ง พลิกตัวพาบอลเลี้ยงขึ้นไปเอง หรือวางบอลยาวเขาก็ทำได้ เพียงแค่อคติมันบังใจจนแฟนบอลบางคนมองไม่เห็นที่เขาทำ) และถ้าพูดถึงการลำเลียงบอลขึ้นไปแดนหน้า โดยไม่จำเป็นต้องสั่งให้แบ๊ครั้งอยู่ช่วยในแนวรับไม่ต้องเติมสูง เปลี่ยนจากรับเป็นรุก(ตอนต้นฤดูกาล)
เขาก็ยังเป็นคนที่ทำได้เช่นนั้นด้วยตัวเขาเอง ที่ทำได้ลื่นไหลจนทำให้แนวรุกเราหาช่องจบสกอร์ได้ไว แค่อาจจะขัดใจแฟนๆไปบ้างเพราะการแปะของเขา แต่ถึงอย่างนั้นการเชื่อมเกมส์ระหว่างรับกับรุก เขาก็ทำได้เองโดยแทบไม่ต้องอาศัยใครมาช่วย และจุดนี้ก็ยังเป็นจุดที่หาใครมาทำหน้าที่แทนเขาได้ยากในทีมชุดนี้
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ลิเวอร์พูลชุดนี้จะได้ประโยชน์จากชายชื่อ Jordan Henderson เป็นอย่างมาก หากเขาสามารถลงเล่นได้ แต่ถึงจะขาดหายไปบ้างเพราะอาการบาดเจ็บ ชายคนนี้ก็ยังจำเป็นต่อทีมอยู่ดี เพราะอย่างน้อยก็ยังมีตัวที่เล่นได้ตามระบบแบบแผนที่ผู้จัดการทีมต้องการ
แม้จะรู้ว่าอะไหล่ชิ้นนี้มันเสีย แต่ตราบใดที่มันยังทำหน้าที่ได้ดีในห้องเครื่อง แม้จะไม่เต็มเวลาที่ต้องการใช้งาน การจะทิ้งมันไปเลยแล้วไปหาอะไหล่ชิ้นใหม่มาแทน โดยยังไม่รู้ว่าจะดีเท่าอันเดิมที่ชำรุดรึเปล่า ก็ออกจะน่าเสียดายไป
ซึ่งดูแล้ว คล้อปก็คงคิดไม่ต่างไปจากนี้เท่าไร ถึงได้ไม่มีวี่แววการดึงผู้เล่นคนใหม่ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับเฮนโด้เข้ามาเสริมทีมเลย เอ็มเร่ ชานก็ไม่คิดจะปล่อย ปีหน้าก็คงสลับกันเล่นในตำแหน่ง คาบูเรเตอร์ ของทีมอีกเหมือนเดิม แค่ขอให้อาการบาดเจ็บเก่าของเขา ไม่สร้างปัญหาลักพาตัวเขาไปจากสนามนานๆก็เท่านั้นเอง
เช่นเคยนะครับ อ่านกันไปเพลินๆในระหว่างที่รอฤดูกาลใหม่เริ่มขึ้น ผมพยายามจะตั้งกะทู้แบบนี้บ่อยๆ ห้องพรีเมียร์ลีคจะได้มีเรื่องราวของฟุตบอลจริงๆมาให้แลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง
ไม่ได้มีแต่กะทู้จิกกัด สร้างศัตรู ที่ไม่รู้จะทำไปทำไม...?
...รักทีมไหน เชียร์ทีมใด ก็เขียนเรื่องราวที่ตนเองสนใจเถอะ....อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเขาเลย
*แก้ไขคำผิด
ผ่าห้องเครื่อง RED Machine ดูคาบูเรเตอร์สแตนดาร์ด Henderson ที่ชำรุด แต่ยังจำเป็นต่อระบบเทอร์โบ Gegenpressing
นับตั้งแต่ที่ได้ชายที่ชื่อว่า เจอร์เก้น คล้อป เข้ามาคุมพวกมาลัย ระบบเครื่องยนต์กลไกของทีมลิเวอร์พูล ทีมที่มีระดับดีกรีความคลาสสิคไม่ยิ่งหย่อนกว่าทีมใดในโลก ก็ถูกรื้อประกอบใหม่ ใช้อะไหล่ชื้นเก่าปรับแต่งให้เข้ากับ ระบบเทอร์โบชาร์ป ที่ชื่อว่า Gegenpressing ที่ถูกนำมารีดแรงม้านักเตะเพื่อพาทีมทะยานไปข้างหน้าแบบเต็มสปีด เสริมด้วยอะไหล่ชิ้นใหม่เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปหรือไม่ดีพอสำหรับการวิ่งไปสู่จุดหมายปลายทางที่วางไว้
มาเน่ มาติป ไวนาดุม คืออะไหล่ชิ้นใหม่ที่ว่านั้นในปีก่อน แม้ฤดูกาลแรกที่เป็นการคุมทีมแบบเต็มๆของคล็อป จะเจอปัญหาระหว่างทาง ชิ้นส่วนบางชิ้นเกิดชำรุดเพราะทำงานหนักเกินไป อะไหล่สำรองที่มีอยู่ในทีมชุดสอง ก็ไม่ดีพอที่จะเค้นกำลังให้ทีมวิ่งได้เต็มสปีดเหมือนกับอะไหล่ตัวหลักได้ จึงจอดป้ายได้ที่สี่ในการแข่งขัน
จนวันนี้แฟนๆต่างฝากความหวังว่า คล้อปคงจะเพิ่มเติมใครเข้ามาเป็นอะไหล่แบบนั้นอีกสักครั้งในปีนี้ โซลันเก้ และ ซาล่าห์ คือสองตัวใหม่ที่เข้ามาเป็นชิ้นส่วนขับเคลื่อนทีมแล้ว ภายใต้การควบคุมของคล้อป แต่ก็เหมือนยังไม่น่าจะพอ หากอยากขับเคลื่อนไปให้ไกลกับโปรแกรมการแข่งขันที่มากขึ้นเพราะฟุตบอลถ้วยยุโรป ก็เลยยังตั้งตารอคอยข่าวชูเสื้อของนักเตะใหม่รายต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
แต่วันนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงนักเตะใหม่ที่คล้อปหอบหิ้วเข้ามาแล้ว หรือกำลังจะหอบหิ้วเข้ามาเพื่อปรับแต่งทีม เพราะวันนี้จะขอลองมองดูตัวเก่าที่มีอยู่ ที่สามารถแจ้งเกิดใหม่อีกสักคนต่อจากที่เคยว่า ถึง Adam Lallana https://ppantip.com/topic/36597876 ไปเมื่อคราวก่อน ภายใต้การควบคุมพวงมาลัยของคล้อปในปีที่ผ่าน จะลองดูกันว่าผู้เล่นเก่าหรืออะไหล่เก่าชิ้นนี้ ทำงานอย่างไรในห้องเครื่องของระบบเทอร์โบชาร์ป ที่ชื่อว่า Gegenpressing
*ที่อารัมภบทแบบเดิมเป๊ะ ก็เพราะอยากให้เป็นเรื่องราวที่ยังต่อเนื่องจากโครงเรื่องที่ใช้ในบทความก่อนนะครับ ซึ่งต้องขออภัย..อย่าได้ถือสา
วันนี้ที่จะเขียนถึงในบทความนี้ก็ คือ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในยามที่เขาลงเล่น เขาถูกยกให้เป็น “หัวใจหลัก” ของทีมชุดนี้ของคล้อป ภายใต้ระบบการเล่น Gegenpressing จากที่เคยเป็นนักเตะที่น่าเอือมระอา จนได้สมญา”อาแปะ”จากแฟนบอล ก็ถูกคล้อปวางบทบาทใหม่ให้เป็น “ตัวควบคุมจังหวะ” ของทีม ทำหน้าที่เป็นตัวขึ้นเกมส์ในยามรุก และเป็นตัวปัดกวาดในยามตั้งรับ ซึ่งด้วยศักภาพที่มีอยู่ในตัวเขา ถูกคล้อปรีดออกมาจนหมดสิ้น โชว์ผลงานได้ดีกว่าช่วง 5 ปีแรกที่เขาย้ายเข้ามาก่อนหน้านี้เสียอีก ทั้งที่จำนวนนัดการเล่น ก็น้อยกว่าฤดูกาลก่อนๆมาก
ว่ากันถึง skill หรือทักษะการเล่น เฮนโด้เองก็ไม่ได้โดดเด่นทั้งรุกและรับ ถ้าพูดกันแบบมีอคติในใจ เขาก็เป็นแค่นักเตะดาร์ดๆ ที่ย้ายเข้ามาสวมเสื้อแดง แม้จะโชว์ฟอร์มได้ไม่เลวกับทีมก่อน(ซันเดอร์แลนด์) แต่ด้วยราคาที่แพงพอสมควรในยุคนั้น ก็เป็นสิ่งที่ก่อเกิดอคติในใจให้กับคนบางกลุ่ม แถมฟอร์มการเล่นและทักษะแบบนี้ของเขาก็สร้างความคลางแคลงใจอย่างมาก ตอนถูกประกาสให้เป็นผู้สืบทอดปลอกแขนกัปตันทีม ต่อจาก สตีเฟ่น เจอร์ราด
จนต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าเสียงคัดค้านการเป็นกัปตันของเขา จะเงียบหายไป และเขาเองก็เล่นได้พอใช้ ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายตามเสียงครหาจากอคติในใจ ถึงจะไม่โดดเด่นอะไร แต่ก็ยืนระยะเป็นตัวหลักได้ในยุคของ BR
และเมื่อเปลี่ยนเจ้านายใหม่ จาก BR มาเป็น JK การเล่นของเขาที่ไม่ได้โดดเด่นทั้งรุกและรับ ก็คล้ายถูกระบบของเจ้านายใหม่ชุบชีวิตค้าแข้งขึ้นมาอีกครั้ง ให้กลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ทีมกลับขาดเขาไปไม่ได้ เริ่มโชว์ความร้อนแรงให้เห็นกันเมื่อท้าย 2 ฤดูกาลก่อน จนมาถึงต้อนฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บ ก็เหมือนจะทำให้เขาเป็นอะไหล่ที่ชำรุด ก็เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาเขาลงสนามได้เพียง 24 นัดเท่านั้น ย้อนไปก่อนหน้านี้อีกปี ก็ลงเล่นได้เพียง 17 นัด ซึ่งเป็นเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ “เรื้อรัง” ที่เขาได้รับบริเวณฝ่าเท้าเมื่อฤดูกาล 2015/2016 (ยุคร็อดเจอร์) จนต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเจ็บเพื่อลงเล่น
นั้นทำให้ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเพราะเข้ากับระบบใหม่ของผู้จัดการทีมได้ เหมือนถูกจำกัดให้หดหายไปครึ่งหนึ่ง เพราะอาการบาดเจ็บที่ว่า และมันก็เปรียบสเมือนชายคนนี้ เป็น คาบูเรเตอร์(เทียบกับบทบาทหน้าที่ในทีม) ที่ชำรุดมีสภาพไม่เต็มร้อย แต่คล็อปก็ยังจำเป็นต้องใช้สอย เพราะว่าเขาคือ “หัวใจหลัก”ในระบบการเล่นของทีม นอกเสียแต่ว่า จะหาอะไหล่ชิ้นใหม่ที่ทำหน้าที่ได้ดีเท่าหรือหรือกว่าชายคนนี้มาร่วมทีมได้
ซึ่งก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ขนาด ตัวหลักคนอื่นที่มีในทีมตอนนี้ อย่างชาน ไวนาดุมจะลองผลัดเปลี่ยนกันมายืนที่แทน เฮนเดอร์สัน ก็ยังดูขลุกขลักในช่วงแรกๆ เพิ่งมีช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วนี้แหละ ที่ปรับรูปแบบไม่ให้แบ๊คสองข้างเติมเกมส์รุกมากนัก แล้วให้ชานประจำการ อาศัยแรงฟิตวิ่งไล่ของนักเตะเชื้อสายเติร์กมาช่วยอุดแนวรับ ที่เหมือนว่าจะพอหาตัวทดแทน เฮนเดอร์สัน ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะยังต้องขยับแนวรุกอย่าง คูตินโญ่ หรือเฟอร์มิโน่ ลงมารับบอลต่ำ ลำเลียงบอลขึ้นไปทำเกมส์รุก
แม้ เฮนโด้จะเป็นอาแปะ ที่เอาแต่ป้าย บอลมาทางไหนก็เตะคืนไปทางนั้น (ซึ่งถ้าพูดจริงโดยไม่มีอคติ เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้นทุกครั้ง พลิกตัวพาบอลเลี้ยงขึ้นไปเอง หรือวางบอลยาวเขาก็ทำได้ เพียงแค่อคติมันบังใจจนแฟนบอลบางคนมองไม่เห็นที่เขาทำ) และถ้าพูดถึงการลำเลียงบอลขึ้นไปแดนหน้า โดยไม่จำเป็นต้องสั่งให้แบ๊ครั้งอยู่ช่วยในแนวรับไม่ต้องเติมสูง เปลี่ยนจากรับเป็นรุก(ตอนต้นฤดูกาล) เขาก็ยังเป็นคนที่ทำได้เช่นนั้นด้วยตัวเขาเอง ที่ทำได้ลื่นไหลจนทำให้แนวรุกเราหาช่องจบสกอร์ได้ไว แค่อาจจะขัดใจแฟนๆไปบ้างเพราะการแปะของเขา แต่ถึงอย่างนั้นการเชื่อมเกมส์ระหว่างรับกับรุก เขาก็ทำได้เองโดยแทบไม่ต้องอาศัยใครมาช่วย และจุดนี้ก็ยังเป็นจุดที่หาใครมาทำหน้าที่แทนเขาได้ยากในทีมชุดนี้
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ลิเวอร์พูลชุดนี้จะได้ประโยชน์จากชายชื่อ Jordan Henderson เป็นอย่างมาก หากเขาสามารถลงเล่นได้ แต่ถึงจะขาดหายไปบ้างเพราะอาการบาดเจ็บ ชายคนนี้ก็ยังจำเป็นต่อทีมอยู่ดี เพราะอย่างน้อยก็ยังมีตัวที่เล่นได้ตามระบบแบบแผนที่ผู้จัดการทีมต้องการ
แม้จะรู้ว่าอะไหล่ชิ้นนี้มันเสีย แต่ตราบใดที่มันยังทำหน้าที่ได้ดีในห้องเครื่อง แม้จะไม่เต็มเวลาที่ต้องการใช้งาน การจะทิ้งมันไปเลยแล้วไปหาอะไหล่ชิ้นใหม่มาแทน โดยยังไม่รู้ว่าจะดีเท่าอันเดิมที่ชำรุดรึเปล่า ก็ออกจะน่าเสียดายไป
ซึ่งดูแล้ว คล้อปก็คงคิดไม่ต่างไปจากนี้เท่าไร ถึงได้ไม่มีวี่แววการดึงผู้เล่นคนใหม่ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับเฮนโด้เข้ามาเสริมทีมเลย เอ็มเร่ ชานก็ไม่คิดจะปล่อย ปีหน้าก็คงสลับกันเล่นในตำแหน่ง คาบูเรเตอร์ ของทีมอีกเหมือนเดิม แค่ขอให้อาการบาดเจ็บเก่าของเขา ไม่สร้างปัญหาลักพาตัวเขาไปจากสนามนานๆก็เท่านั้นเอง
เช่นเคยนะครับ อ่านกันไปเพลินๆในระหว่างที่รอฤดูกาลใหม่เริ่มขึ้น ผมพยายามจะตั้งกะทู้แบบนี้บ่อยๆ ห้องพรีเมียร์ลีคจะได้มีเรื่องราวของฟุตบอลจริงๆมาให้แลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง
ไม่ได้มีแต่กะทู้จิกกัด สร้างศัตรู ที่ไม่รู้จะทำไปทำไม...?
...รักทีมไหน เชียร์ทีมใด ก็เขียนเรื่องราวที่ตนเองสนใจเถอะ....อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเขาเลย
*แก้ไขคำผิด