โดนญาติข้างบ้านพยายามจะล่วงเกิน ตอนนี้สถานการณ์แย่มาก ใครเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างช่วยด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ จขกท อายุ 20 ปี ขออธิบายพื้นเพของทางบ้านก่อนนะคะ
1. ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวและต้องอาศัยคนงานราว ๆ 6-10 คน
2. ที่บ้านมี จขกท. ปู่ ย่า และพี่ชาย(ทำงานแล้ว)ที่อาศัยอยู่ ส่วนพ่อแยกอยู่อีกหลังมีครอบครัวใหม่จะเข้ามาที่บ้านก็ต่อเมื่อมีงาน แม่ก็มีครอบครัวใหม่และอาศัยต่างอำเภอ ตอนกลางวันวันไหนที่ไม่มีงาน(ธุรกิจ)ก็จะมีแต่คนแก่ กับจขกท เท่านั้น เพราะว่าพี่ชายไปทำงาน
3. บ้านจขกท อยู่ติดกับญาติ มีรั้วกั้น แต่ก็มีประตูเล็ก ๆ ให้เดินไปหาสู่กัน ตั้งแต่สมัยทวด เพราะเป็นที่ดินที่เป็นมรดกแล้วแบ่ง ๆ กัน
4. ปกติ จขกท เรียนต่างจังหวัด กลับมาบ้านบ้าง นาน ๆ ครั้ง และนอนห้องที่ติดกับประตูรั้วเล็ก ๆ ข้างบ้าน ห้องนอนของ จขกท. มีประตูที่สามารถเดินออกมานอกบ้านได้เลย และก็ติดกับประตูรั้วข้างบ้าน
5. ข้างบ้านมีญาติที่นับเป็น ลุง(นับเป็นเขย เกษียณอายุ) อยู่แต่บ้าน กับป้า(เป็นญาติ ทำงานอยู่) มีลูกชาย ซึ่ง จขกท.ก็รู้จักดีค่ะ

เข้าเรื่องเลยค่ะ    ช่วงนี้ปิดเทอมของมหาลัย จขกท. ก็ว่าง เลยกลับมาช่วยงานที่บ้าน เวลาที่บ้านมีงาน คนก็จะเยอะ เวลาไหนไม่มีก็จะเงียบมาก ขอเล่าสถานการณ์ที่เกิดกับ จขกท มี 4 สถานการณ์นี้
1. ตอนนั้นเป็นตอนเช้า จขกท. กำลังช่วยที่บ้านทำงาน มีพ่อ และคนงานอีกหลายคน ลุงข้างบ้านชอบเดินมาบ้าน จขกท. ค่ะเดินมาดูเวลาทำงาน ตอนแรกก็คิดว่าแกอาจจะเหงา เพราะเกษียณ อยู่แต่บ้าน ภรรยาแกก็ไปทำงาน แกเดินมาใกล้ ๆ กับ จขกท.ค่ะ เดินเท้าสะเอว แล้ว ข้อศอกของแก มันมาถูกับหน้าอกอะค่ะ จขกท. ก็คิดว่าแกคงไม่ได้ตั้งใจ ก็ช่างมัน
2. อีกวันหนึ่ง ที่บ้านไม่มีงาน มีแต่ คนแก่ กับ จขกท. ที่อยู่บ้าน จขกท.นอนในห้องค่ะ ห้องติดกับรั้วข้างบ้าน และมีหน้าต่างแบบบานพับ จขกท. ก็ดูหนังในห้องเป็นปกติ แล้วลุงข้างบ้านค่ะ เค้ามายืนที่หน้าต่างห้องนอน มอง จขกท. แบบจ้องเลยค่ะ แล้วถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ จขกท.เริ่มคิดแล้วค่ะ ว่านี่ห้องนอนนะ ละนั่นก็หน้าต่างห้องนอน จขกท.ตอบไปว่าดูหนังอยู่ค่ะ แล้ว แกก็เดินมาที่ประตูค่ะ เปิดประตูห้องนอน แล้วยื่นหน้าเข้ามาดูในห้องค่ะ จขกท. ตกใจมากค่ะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป แล้วแกก็ปิดประตูแล้วเดินไป
เหตุการณ์จ้องที่หน้าต่างมี 2 ครั้งค่ะ แต่เปิดประตูห้องนอนมีครั้งเดียว (ตั้งแต่เปิดประตูห้องมา จขกท. เริ่มระแวงมากค่ะ ปิดผ้าม่านทุกอัน ล็อกห้องนอนทุกครั้ง)
3. จขกท. กำลังกินข้าวที่บ้านกับ ย่า กับป้าคนงานค่ะ เป็นโต๊ะที่มี 4 ที่นั่ง แกก็เดินมาจากบ้านแก (มาเช้ากลางวันเย็นก็ว่าได้) มานั่งข้าง จขกท. ค่ะแล้วก็ถามว่ากินอะไร แกหยิกขา หยิกแขนค่ะ เหมือนผู้ใหญ่รักเด็ก แต่ จขกท. ระแวงแล้วค่ะ ตั้งแต่เห็นเดินมาจากรั้ว จขกท. ไม่พูดอะไรค่ะ ลุกจากโต๊ะแล้วเข้าบ้านไป
4. จขกท. ขายอาหารหน้าบ้านค่ะ วันนั้นร้านอิ่นปิด มีแต่ จขกท. ขายอยู่คนเดียว ย่าไปโรงพยาบาล ปู่ก็หูไม่ดี  ตอนนั้น มีลุงข้างบ้าน กับลุงที่ปกติขายของตรงนั้น กับป้าที่รู้จักอยู่ด้วย เดินมาคุยกับ จขกท. แต่แกอยู่นอกร้านค่ะ แล้ว ลุงข้างบ้าน ก็เดินมาหา จขกท. เหมือนรุ้ว่า จขกท. อยู่ไหน (ปกติไม่มา) แกก็เดินเข้ามาค่ะ แล้วจับขา จขกท. แต่ตอนนั้น จขกท.ไม่กล้าร้องอะไรค่ะ เดินออกมา เข้าบ้านร้องไห้เลยค่ะ

จขกท. บอกพ่อ แม่ ย่า พี่ ทั้งหมดที่เล่ามา ค่ะ พ่อ จขกท.โกรธมาก เอาปืนมาแล้วเรียก จขกท. จะไปโรงพัก แต่ จขกท. บอกว่าไม่ทีหลักฐาน เลยไม่ไปค่ะ ย่า จขกท. ก็ไปต่อว่าว่าทำไมทำแบบนี้ แต่แกก็อ้างว่าเล่น ๆ เท่านั้น  ปู่ จขกท. โกรธมาก ปิดประตูรั้วข้างบ้าน แล้วบอกย่าว่าให้ขายบ้านนี้ทิ้ง  พอภรรยาลุงแกมาเห็นว่าทำไมประตูรั้วบ้านปิดก็ถามค่ะ ทีนี้เรื่องใหญ่มาก จขกท.ก็ไม่รู้ว่าภรรยาไปคุยกับลุงอิหน้าไหน กลายเป็นว่า เขามาโทษ จขกท. ว่า ผู้ใหญ่ แค่เล่น ๆ แต่ จขกท. ทำให้เรื่องมันใหญ่ จขกท.ไม่ได้ฉีกขาด จะกลัวอะไร  แต่เขาก็มากราบขอโทษย่าค่ะ แล้วก็ทวงบุญคุณ ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลยค่ะ ถรรยาเขาบอกว่า ก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน มีงานเลี้ยงก็ชวนไปกิน ทีนี้เขาบอกว่า ไม่ต้องมาแล้ว

สิ่งที่จขกท. มารู้ทีหลังคือ จขกท. ไม่ใช่คนแรกค่ะ คนงานที่บ้านก็เคยโดนจับก้นเหมือนกัน เขาไม่พอใจมาก แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ใช่คนระแวกบ้าน และคนงานที่บ้านอีกคนก็โดนจับขา แต่อายุ 60 กว่าแล้ว แกบอกแกไม่ถือ ส่วนอีกคน เป็นญาติมาทำงานที่บ้าน แต่ครอบครัวแกอยู่ที่ ต่างจังหวัด แกเคยโดนถามว่า จะเอาลุงแกมั้ย อยู่ห่างสามี

สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับจขกท. คือ
1. ปู่ กับ ย่า แกไม่มีความสุขเลยค่ะ สงสาร ปู่แกร้องไห้ด้วยค่ะ โกรธมาก แล้วบอกย่าทุกวันให้ขายบ้านทิ้งไปอยู่ที่อื่น
2. เวลามีงานเทศกาล สงกรานต์ ปีใหม่ ที่บ้านก็จะรวมกับญาติ ๆ ดำหัวค่ะ แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จขกท. กลัวปู่กับย่าจะโดนทอดทิ้ง เพราะเป็นคนญาติเยอะ

นี่คือเรื่องที่ จขกท. หนักใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่