ความอดทนมันมีขีดจำกัดจนอยากฆ่าปู่แท้ๆให้ตายๆไปซะ

ขอโทษนะคะสำหรับใครที่มีความคิดแบบเฮ้ยจิตไม่ปกติแล้วมั้งถึงขั้นจะฆ่าจะแกงกันเลยหรอ...ค่ะเรากลัวตัวเองว่าจะเผลอฆ่าปู่อยู่เหมือนกันอ่านเรื่องที่เล่าต่อจากนี้
       เรื่องมันเป็นมานานแล้วค่ะตั้งแต่เราจำความได้คนๆนี้มีศักดิ์เป็นปู่นั้นติดเหล้าขั้นหนักแม่บอกว่าแกติดเหล้ามาตั้งแต่พ่อยังเป็นเด็กจนรุ่นหลานแกก็เหมือนเดิมและไม่มีลูกคนไหนอยากดูแลแกซักคนเดียวต่างพากันไปทำงานที่ชลบุรีซึ่งตอนแรกพ่อแม่ก็พากันไปชลบุรีดีด้วยแต่สุดท้ายพ่อของเราก็อดเป็นห่วงย่าไม่ได้เพราะปู่ก็เป็นคนติดเหล้าขนาดหนักก็กลับมาอยู่บ้านมาทำนาที่บ้านเพราะย่าเราเป็นโรคหินปูนเกาะสมองเหมือนเป็นอัมพฤกษ์ปากจะเบี้ยวลิ้นแข็งๆพูดไม่ชัดร่างกายแข็งก้าวขาไม่ได้ได้แต่เดินลากเท้า ปู่แกอยากให้ลูกสาวคนที่ 5 ดูแลแกแต่ไม่เลยคนที่ดูแลคือพ่อเราเป็นลูกคนที่ 3 ซึ่งปู่เกลียดพ่อมากเกลียดหลานตัวเองด้วยซึ่งคือเรากับพี่ชายเพราะพ่อของเราคือลูกชายที่ปู่เกลียดทั้งด่าสาปแช่งต่างนานาๆว่า"บักโง่" "บักบ่มีปัญญา" "ขอให้มีอันเป็นไป" แต่สุดท้ายจะเป็นจะตายก็ไม่พ้นไอ้คนที่ไม่มีปัญญาพาไปโรงพยาบาลรอดตายหลายครั้งและก็วนลูปอยู่อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น พอหายดีก็เมาเหมือนเดิมเเถมเมาตอนกลางคืนมาอาละวาดแม่ทั้งด่าต่างๆสารพัดจนแม่เราเป็นโรคเครียดและเป็นไมเกรน ตอนนั้นเราเด็กมากจำไม่ได้หรอกว่าด่าแม่ว่าอะไรบ้างฟังจากที่แม่เล่าให้ฟังแค่บางส่วนตั้งแต่เด็กๆเลยเราอยู่บ้านไม่ได้ต้องออกไปอยู่ข้างนอกบ้างตอนนั้นพ่อแม่ไปทำงานที่ชลบุรีอีกครั้งให้เรากับพี่ชายอยู่ที่บ้านกับปู่กับย่าและลุงที่เป็นใบ้ลุงเราอ่ะเห็นปู่อาละวาดก็พาเรากับพี่ชายออกไปปั่นจักรยานไปเที่ยวทุ่งรอจนกว่าเวลาที่ปู่จะหลับไปไม่นานลุงเราก็เสียชีวิตตอนนั้นพ่อแม่เรากับมาอยู่บ้านแล้วแต่เราก็จำไม่ค่อยได้ว่าลุงเสียเมื่อไหร่ตอนนั้นเรายังอนุบาล1-2 หลังจากที่ลุงเสียเราก็อยู่กับพี่ชายและก็ย่าไม่มีลุงแล้วพ่อแม่ก็กลับไปทำงานที่ชลต่อแต่ว่าคราวนี้เราจะไปที่ไหนดีล่ะพอแกอาละวาดพี่เอาเราไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าเก่าของลุงที่พึ่งเสียแล้วบอกว่าห้ามส่งเสียงมือปิดปาไว้อย่าให้ปู่ได้ยินส่วนพี่เราไม่รู้ว่าพี่ไปซ่อนที่ไหนนั้นก็ไม่รู้เราได้ยินเสียงแกเรียกหาแต่ว่าเราเอามือปิดปากตัวเองไว้และก็เริ่มโวยวายหัวร้อนตอนนั้นเราไม่รู้ความหมายที่แกด่ามาซักคำ"ลูกบักชั่ว"คำเดียวที่เรายังจำได้และเข้าใจทันทีแต่เพราะกลัวต้องอยู่ในนั้นจนแทบหายใจไม่ออกแต่ต้องรอจนกว่าแกจะสงบพี่ชายถึงมาเปิดตู้ให้เรา หลังจากนั้นเราก็จำรายละเอียดไม่ได้แล้วล่ะ พอเงินแกหมดแกก็มาถามหาเงินกับย่าต่อหน้าต่อตาแย่งเงินกระชากผลักย่าจนล้มย่าเราเป็นคนตัวสูงใหญ่และแกก็ป่วยอยู่แล้วทำอะไรไม่ได้พอแกล้มแกก็ร้องไห้ออกมาก เราด่าค่ะเราด่าซึ่งจำไม่ได้ค่ะว่าด่าอะไรไปบ้างแต่ด่าแน่นอนจนแกชี้หน้าด่าอ๊ะภาพคือเห็นย่าร้องไห้พ่อแม่ก็กลับมาอยู่ที่บ้านหลังจากที่ลุงเสียไปไม่นาน ปู่เมาปู่อาละวาดเราด่าคือเราด่าแกจนชาวบ้านบอกไม่กลัวบาปหรอเราเป็นเด็กเรากลัวบาปนะคะมีแต่คนว่าเราเป็นเด็กนิสัยไม่ดีทั้งนั้นกับสิ่งแย่ๆที่คนๆนั้นสร้างขึ้น จนย่าเราล้มป่วยนอนตกเตียงทำให้เป็นอัมพฤกษ์ทั้งร่างขยับได้แค่แขนขามือคอไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นมาได้เป็นผู้ป่วยติดเตียงไปแม่เราก็เป็นคนดูแลย่าที่ป่วยติดเตียงทุกอย่างและย่าเราเป็นตัวใหญ่แม่เราตัวเล็กต้องคอยพยุงคอยพลิกตัวตอนจะเช็ดตัวจนตัวเองเป็นโรคเอวเสียไปเลยลูกสาวมีมั้ยมีค่ะตั้งสองคนแต่อีกคนอยู่ชลส่วนอีกคนอยู่ในตัวจังหวัดนานๆทีมาซื้อขนมข้าวของมาให้ก็กลับย่าเราอยากให้ลูกสาวมาดูแลจึงบอกแม่เราไปพ่อก็เลยโทรไปบอกน้องสาวคนที่อยู่ในจังหวัดมาช่วยพี่นาง(แม่เรา)ดูแลย่าแม่เราเอวเสียไปแล้วทำอะไรไม่ค่อยจะได้บวกกับเป็นไมเกรนบวกกับปู่เราที่เมาอาละวาดบวกกับไม่มีเวลาดูแลสุขภาพจนตัวเองไปหาหมอแทบทุกๆเดือน มาดูแลย่าเราได้ซักพักก็คงไม่ไหวคอแข็งที่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าอ้อมเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวพอย่าหลับก็โทรให้แฟนมารับและกลับ ย่าตื่นขึ้นมาลองเรียกหาลูกสาวพอรู้ว่าลูกหนีกลับบ้านไปแล้วก็ร้องไห้ออกมาตอนนั้นเราไปโรงเรียนอยู่ยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นได้ยินแต่แม่พูดว่า "ลูกเจ้าเบิ่งเจ้าบ่ไหวรึมันถึงลักหนีเจ้าไปแบบนี้" ย่าร้องไห้ค่ะ เราไม่รู้เรื่องอะไรก็ว่าให้แม่ว่าย่าทำไมในวันเสาร์อาทิตย์เราหนีปู่มาที่ห้องย่าปิดประตูปิดหน้าต่างล็อคทุกอย่างตอนนั้นปู่วิ่งไล่อาละวาดใส่เราตอนนั้นพ่อแม่น่าจะออกไปนาเราจึงไปหาที่หลบที่ซ่อนคือห้องย่าเราล็อคกลอนประตูแกทั้งเตะทั้งทุบประตูหน้าห้องแล้วออกมาทุบหน้าต่างข้างนอกพยายามแงะประตูหน้าต่างเอาจริงๆตอนนั้นเรากลัวมากย่าที่เห็นเรากลัวก็ร้องให้ปู่หยุดแบบยังไงดีย่าพูดไม่ชัดทำเสียงเหมือนเราดุหมาอ่ะ แกก็ยังไม่หยุดทั้งทุบทั้งพยายามแงะหน้าต่างให้ได้พอนานๆเข้าแกก็หยุดแล้วไปนอนหลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ให้น้องสาวลูกคนที่5ของย่าดูแลที่ชลบุรีย่าเราเป็นแลกดทับที่ตูดจากการใส่ผ้าอ้อมแต่ตอนนั้นเป็นแค่ข้อเดียวแม่เราเลยเปลี่ยนผ้าอ้อมและทำความสะอาดให้บ่อยๆแต่พอไปอยู่ที่ชลบุรีอยู่ 4 เดือนบอกว่าดูแลไม่ไหวกลับมาย่าเราเป็นแผลกดทับเท่าฝ่ามือเราได้เลยย่าเลยต้องนอนคว่ำคอหันอยู่อย่างนั้นตลอดเพราะแผลย่าใหญ่มากทำให้เจ็บแม่เราถามทำไมแผลถึงได้ขยายได้กว้างขนาดนั้นอาบอกว่าไม่รู้ก็เปลี่ยนให้บ่อยๆอยู่ ถ้าเปลี่ยนให้บ่อยจริงๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ อีกฝ่ายก็บอกไม่รู้อย่างเดียว แม่เราถามย่าเลยว่าเปลี่ยนให้บ่อยมั้ยย่าบอก "หึ"และส่ายหัวแบบแข็งๆ อาเราเงียบเลยค่ะแม่ก็ไม่รู้ว่ายังไงสุดท้ายแม่ก็ต้องดูแลมาตลอดหลายปีจนคืนนั้นแม่ป้อนข้าวต้มซึ่งไม่รู้เลยว่าตอนนั้นย่าได้จากไปแล้ว (ปัญหาเรื่องเงินของย่าญาติพี่น้องพ่อขอข้ามไปค่ะ)เอาเป็นว่าให้ปู่เป็นคนตัดสินใจเรื่องมรดกของย่าแต่สภาพคนเมาและบวกกับรักลูกลำเอียงเห็นๆว่าให้ลูกคนนั้นเท่านี้ๆอีกคนหนึ่งเท่านี้ส่วนพ่อเราแค่นิดเดียวพ่อแย้งบอกว่าถ้าใครอยากได้ที่นาเอาพ่อไปเลี้ยงแต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดใดๆ ซึ่งแม่เราก็ไม่อยากดูแลปู่หรอกแต่ต้องได้เลี้ยงแกน่ะสิเพราะพ่อเราอยู่ที่นี่แม่บอกพ่อให้หางานทำข้างนอกและหาที่อยู่ใหม่ซึ่งพ่อก็ไม่ไปอยู่ดีแต่พ่อก็ทำบ้านไว้ที่ทุ่งนาเป็นเถียงนาหลังใหญ่แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืนนั้นแหละปู่ออกมาอาละวาดตอนดึกทีไรเราต้องไปเล่นบ้านเพื่อนขี่จักรยานตอนมืดไปเล่นบ้านเพื่อน 3-4 ทุ่มได้ประจวบกับมีบ้านงานจำไม่ได้ว่าเป็นงานอะไรเราก็ออกเตรดเตร่หนีปู่ขี้เมาส่วนพ่อแม่จำไม่ได้ว่าตอนนั้นไปไหนพี่ชายออกไปหาจับกบจับเขียดใส่เบ็ดส่วนเราไม่มีที่ไปก็ไปบ้านเพื่อนคนนั้นบ้านเพื่อนคนนี้จนคนว่าเราเป็นเด็กมีปัญหาและคราวนี้แกโทรไปฟ้องลูกคนที่ชลบุรีว่าข้าวปลามันไม่ทำให้กินใส่ร้ายอ๊ะสารพัดลุงเชื่อและโทรมาด่าว่า "พ่อคนเดียวเลี้ยงไม่ได้หรอ" พอเลยบอกเอาไปเลี้ยงเองเดี๋ยวรู้ บ้านลุงก็แล้วบ้านลูกชายคนที่ 4 ลูกสะใภ้ก็ดูแลไม่ไหวบอกไม่ฟังไปหาซื้อเหล้ากินอย่างเดียวแถมอาละวาด ลูกสาวคนที่ 5 ก็แล้วไม่ถึงเดือนเอามาส่งคืน "แกบ่ฟังไผเลยบอกบ่ฟังบอกยาก" พ่อเลยสวนกลับ"ไดว่าพ่อผู้เดียวคือเลี้ยงบ่ไดข่อยมันบักชั่วบักบ่ดีบ่แม่นติบักดีๆคือเอามาคืนเฮ็ดหยัง รู้รึยังว่าแกเป็นจั้งได๋" ไม่มีใครปริปากสุดท้ายพวกญาติก็พากันกลับไปและไม่นานแกก็อาละวาดในครั้งใหญ่หนักมากจำได้ว่าแกฉุดแขนดึงเราตะโกนตะคอก และกลิ่นเหล้าที่เหม็นฉึงเราสะบัดและรีบวิ่งหนีออกมาแม่เราทนไม่ไหวหอบผ้าห่มผ้าปูที่นอนหมอนมุ้งใส่มอไซต์แล้วพาเราไปนอนที่นาไม่มีไฟฟ้าไม่อะไรเลยตอนนั้นอากาศหนาวด้วยเลยนอนได้ไม่เป็นไรพี่ชายเห็นเรากับแม่หอบที่นอนพี่เราไปจับเขียดที่นาพอดีก็ได้มานอนด้วยกันที่นาสุดท้ายพ่อแม่เราก็ปล่อยย้ายสำมโนครัวไปอยู่ที่นามีความสุขดีแต่การเดินทางไปโรงเรียนของเรามันลำบากอยู่แล้วเมื่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ลำบากกว่าเดิมแบบรถไถแทบปลิวตอนถูกน้ำพลัดเราต้องกลับมาอยู่ที่บ้านอ่ะปู่คนเดียว...ใช่คนเดียวเด็กที่ต้องกลับมาอยู่บ้านกับปู่เมาจอมอาละวาดจะเป็นยังไงเหงากลัวก็กลัวตื่นตี 4 ไปซื้อกับข้าวแม่ให้เงินไว้ 100 เดียวไว้ซื้อกับข้าวกินเราเด็กทำอะไรไม่เป็นเท่าไหร่นอกจากทอดไข่ต้มมาม่าหุงข้าวเจ้าข้าวเหนียวได้อยู่เราอยู่เหมือนเป็นผีบ้านผีเรือนตอนนั้นต้องคอยอยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆทุกครั้งที่ปู่เมาเป็นห้องของย่าที่เสียไปแล้วผีก็กลัวพยายามแง่มประตูดูฟังเสียงว่าหลับไปรึยังเรามีโทรศัพท์แต่นั่นแย่มากเราโทรหาพ่อแม่ได้ก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้นเราไม่สบายแต่ก็ยังดีที่เรามีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือเราเรื่องครั้งนี้เราอยู่อย่างนี้นานพอสมควรจนเราป่วยนอนซมแม่พาไปหาหมอแล้วแน่นอนค่ะว่าเราไม่ได้ไปโรงเรียนปู่ก็เมาอาละวาดเราก็บอกไปว่าไม่สบายเป็นไข้ปู่ก็ด่าฉอดๆจนเราด่าคืนแล้วก็เข้าห้องนอนกอดตัวเองในห้องคิดถึงแม่คิดถึงพ่อซักพักเราได้ยินเสียง ตึง! หลายครั้งตอนแรกได้ยินเสียงตรงหน้าต่างเหมือนกำลังงัดให้หน้าต่างมันเปิดแล้วจากนั้นเริ่มด่าทั้งทุบและงัดหน้าต่างเราเริ่มรู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าทุกครั้งทำให้เรารีบเตรียมข้าวของพวกยาและเงินใส่ในกระเป๋ากางเกงแล้วโทรศัพท์ไปหาแม่ขณะที่เสียงทุบเสียงงัดยังดังแล้วร้องว่าจะ "ฆ่า" เรา เราตกใจและกลัวโทรหาแม่แต่แม่ไม่รับซักทีเราเริ่มจะร้องไห้แต่กลั้นเสียงไว้พอเสียงที่หน้าต่างหายไปเสียงที่ประตูห้องก็ดังขึ้นเรารีบไปหลบใต้เตียงพร้อมมือปิดปากน้ำตาหนองหน้าจังหวะที่เราพยายามมองไปที่ประตูตรงซอกประตูเป็นมีดอีโต้เล็มใหญ่แทงตรงซอกพยายามงัดลูกกลอนอยู่ในใจภาวนาอย่าให้ประตูเปิดออกได้เลยขอร้องอ้อนวอนให้ย่ากับลุงช่วยเราด้วยพอประตูเปิดออกแกมองหาเราอาจจะเพราะความเมาแกมองมาที่ใต้เตียงเลยไม่เห็นหรืออาจจะเป็นเพราะย่าช่วยเราเอาไว้ก็ได้แกมองหาพักใหญ่แล้วเดินออกจากห้องไปเราพยายามโทรหาแม่อีกครั้งแม่รับสายเราที่พยายามกลั้นเสียงร้องไห้บอกด้วยเสียงสะอื้นว่า"ปู่ซิฆ่าน้อง"ตอนนั้นเสียงสั่นกว่าจะพูดคำนี้ออกมาได้ตะกุกตะกักสุดๆแม่เราบอกให้ไปหาแม่เพื่อนสนิทเราค่อยๆออกจากใต้เตียงพยายามเปิดประตูหน้าต่างให้เบาที่สุดเราที่กำลังปีนออกจากหน้าต่างปู่ก็ตะโกนด่าและเดินพร้อมกับมือที่ถือมีดอีโต้ด้วยความเร็วของคนเมาที่จะเร็วได้แต่เร็วไม่เท่าเราด้วยความเร็วของเด็กก็รีบวิ่งเอาจักรยานแล้วขี่หนีปู่ก็ถือมีดไล่เราจนเราหนีออกจากบ้านมาได้พอไปถึงบ้านแม่เพื่อนแต่ไม่อยู่แม่เพื่อนโทรบอกให้พี่น้องของแม่เพื่อนช่วยดูแลเราไปก่อนเดียวรีบไปแม่เพื่อนก็รู้เรื่องของเราจากแม่เราที่โทรมาบอกเราร้องไห้สะอึกสะอื้นเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้พี่น้องแม่เพื่อนทั้งแม่เพื่อนซึ่งเรานั่งร้องไห้กอดถุงยาแน่นอนค่ะไข้แตกอยู่แล้วไข้แตกไปอีกเลยแม่เพื่อนดูแลหาข้าวหาน้ำแล้วเราก็กินยานอนหลับไปจนตกเย็นแม่ถึงมารับเราไปอยู่ที่นาด้วยพอเราหายไข้ก็ไม่ได้ไปนอนที่บ้านปู่แล้วไปนอนที่บ้านเพื่อนแทนจนน้ำแห้งเราถึงกลับไปอยู่ที่นาเหตุการณ์ในครั้งนั้นเพื่อนบ้านเราก็เห็นว่าปู่ใช้อีโต้ทั้งทุบและแงะประตูหน้าต่างจนมาเห็นเราขี่ักรยานหนีปู่ที่ถือมีดไล่ฆ่าหลานอยู่ทำให้แกอยู่อย่างนั้นคนเดียวเป็นปี 1-2  ปีได้ ไม่มีลูกหลานมาหาตลอดทั้งปีเรื่องหาข้าวหาน้ำให้แกดูเหมือนจะเป็นพ่อแม่คอยหาให้อีกรึเปล่าไม่แน่ใจเราก็ไม่รู้แต่แกก็เลิกเหล้าขาดเลยหลังจากเราจบชั้นประถมได้ อ้อนวอนให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่บ้านแล้วสัญญาว่าจะไม่กินเหล้าแล้วดูเหมือนจะจบดีแต่ไม่คนที่ดื่มเหล้าเข้าเส้นมาค่อนชีวิตแน่นอนมากับความประสาท เรากลับมาอยู่บ้านตอนกำลังขึ้นม.ต้น แกลงมาด่าเราทุกเช้าทุกเย็น เรานั่งทำการบ้านก็ด่า "อีปากแป" "อีหมาเอ๊ย" "อีปากแปลูกบักบ่มีปัญญาฮู้บ่พ่อโง่กะโง่คือพ่อฮั่นแล่ว" "อีโสโครก" สารพัดถึงจะเลิกเหล้าแต่สันดานเดิมก็ยังเหมือนเดิมด่าเราบ้างไล่เราออกจากบ้านบ้างเราเลยสวนกลับ"ถ้าปู่ซิเว้าจั๋งซี้อ้อนวอนให้กลับมาหาซิแตกเต้!" แกมีความสุขที่เราด่าแกแต่ไอ้คนด่าไม่สบอารมณ์ นับวันแกหาเรื่องด่าเราได้ทุกวันจนเราแทบประสาทจะกินอ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่องพอเราป่วยก็ว่าเรามารยาแกอยู่ชั้น 2 แกลงมาด่าเราทุกๆ5นาทีเราเครียดจนอยากจะฆ่าตัวตายในทีแรกครั้งหนึ่งเราเคยกระชากคอเสื้อแกและบีบข้อมือแกจนแกร้องว่าเจ็บแกไม่กล้ากวนเราพักนึงก็มาด่าเราอีกเราด่าข้างบ้านก็ว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้จนเราอายุ 21 ปีแล้วแกยังไม่หยุดหาเรื่องด่าเราเลยจนเราเอาไปฝันว่าบีบคอแกฆ่าแกตั้งหลายครั้ง เราไม่เคยเรียกแกว่าปู่อีกเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่