สมัยก่อนรายได้หลักของแบ้งค์คือรายได้จากดอกเบี้ยที่ปล่อยให้ลูกค้ากู้ สินเชื่อบุคคลก็ตาม กู้บ้านกู้คอนโด หรือดอกเบี้ยบัตรเครดิต รวมถึงการเก็บค่าธรรมเนี่ยมต่างๆ ทั้งค่าโอน ค่าบัตร ค่านู่นนี่นั่น แต่ปัจจุบันนี้แบ้งค์มีการแข่งขันที่สูง แต่ละสีก็จะพยายามออกโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าให้มาใช้ของตนเอง เลยออกโปร ฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆ ลดอัตราดอกเบี้ยบ้าง แล้วทีนี้แบ้งจะเอารายได้ที่ไหนมาจ่ายค่าที่ ค่าจ้างพนง.ล่ะคะ
'"ประกัน" จึงเป็นที่มาของรายได้ที่แบ้งค์ต้องการ เมื่ออยากได้รายได้มากๆ ก็กดดันพนง.ให้ทำยอดขายกันให้ได้สูงๆ โดยใช้วิธีต่างๆนาๆเพื่อกดดัน สุดท้ายด้วยความอยู่รอดหรือความไร้จรรยาบรรณก็ไม่รู้ กรรมจึงมาตกที่ลูกค้า
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวงแบ้งค์ ทั้งได้เห็น ได้ฟัง ได้รับรู้กับตัวเอง จนเกิดคำถามว่า "มันเหมาะสมแล้วจริงๆเหรอที่ให้มีการขายประกันผ่านธนาคาร" ไม่ใช่ว่าประกันไม่ดี ดิฉันเป็นคนนึงที่เห็นประโยชน์ของประกัน ทั้งประกันสุขภาพ ประกันรถ ประกันชีวิต ประกันคุ้มครองภาระหนี้สิน ดิฉันมีครบทุกอย่าง และซื้อมันเพราะเห็นถึงประโยชน์มันจริงๆ
แต่สำหรับลูกค้าหลายๆคนที่ต้องซื้อเพราะ ช่วยซื้อ หลงเชื่อ ถูกหลอก ได้รับข้อมูลไม่ครบ เพียงเพราะพนง.โดนกดดัน จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้ยอด ดิฉันไม่เห็นด้วย
หลายเคสดิฉันได้เห็นการขายที่ไม่ถูกต้อง เช่นประกันที่ต้องจ่ายเบี้ย 6ปี ระหว่างทางมีเงินคืนบ้างหรือไม่มีคืนบ้าง แต่หากลูกค้าต้องการได้รับเงินคืนครบตามจำนวนเงินก้อนอาจต้องรอถึง20ปี หรืออาจต้องรอถึงอายุ99ปี
ลูกค้าบางรายที่มีเงินฝากหลายสิบล้าน อายุ70+ 80+ ซึ่งสาขาดูแลมานานๆ ก็มีการช่วยซื้อประกัน โดยซื้อเป็นชื่อลูกชื่อหลาน แต่คุณปู่ย่าตายายเป็นคนส่ง หลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง แล้วต้องส่งต่ออีกหลายปี บางรายทำแทบจะทุกเดือน ซึ่งถ้านับเบี้ยปีต่อๆไปรวมทั้งหมดแทบจะเกินกว่าเงินฝากที่แต่ละท่านมีด้วยซ้ำ พอเกิดเสียชีวิตขึ้นมาก็เป็นภาระให้ลูกหลานต้องส่งต่อ บางรายมีกำลังก็ส่งไป บางรายต้องยอมขาดทุนเวนคืนเอาเงินออกมาซึ่งอาจจะเหลือไม่ถึงครึ่งซะด้วยซ้ำ
บางรายก็บอกลูกค้าว่าเป็นเงินฝาก จะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอถึงเวลาจริง ถอนได้ค่ะ แต่ได้เงินไม่ครบ ก็ต้องฟ้องร้องกันไปอีก
ดิฉันเชื่อว่าพนง.แบ้งก็คงไม่ได้อยากขายกันหรอกค่ะ แต่มันจำเป็นต้องทำ ตราบใดที่ยังทำงานแบ้งค์ ตราบใดที่ยังกินเงินเดือนเค้า ผู้บริหารเค้ากำหนดเป้าหมายอะไรมาก็ต้องทำตามที่ได้รับมา
ก็ได้แต่วอนผู้ใหญ่ใจดี มีใจเป็นกลาง เข้ามาช่วยสร้าง อ้างความเป็นธรรม เดี๋ยวๆจบแบบนี้เลยเหรอ
ไม่ใช่ลูกค้าหรอกค่ะที่เอือมพนง.แบ้งค์ขายประกัน เพราะพนง.เองก็เอือมเหมือนกันค่ะ
'"ประกัน" จึงเป็นที่มาของรายได้ที่แบ้งค์ต้องการ เมื่ออยากได้รายได้มากๆ ก็กดดันพนง.ให้ทำยอดขายกันให้ได้สูงๆ โดยใช้วิธีต่างๆนาๆเพื่อกดดัน สุดท้ายด้วยความอยู่รอดหรือความไร้จรรยาบรรณก็ไม่รู้ กรรมจึงมาตกที่ลูกค้า
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวงแบ้งค์ ทั้งได้เห็น ได้ฟัง ได้รับรู้กับตัวเอง จนเกิดคำถามว่า "มันเหมาะสมแล้วจริงๆเหรอที่ให้มีการขายประกันผ่านธนาคาร" ไม่ใช่ว่าประกันไม่ดี ดิฉันเป็นคนนึงที่เห็นประโยชน์ของประกัน ทั้งประกันสุขภาพ ประกันรถ ประกันชีวิต ประกันคุ้มครองภาระหนี้สิน ดิฉันมีครบทุกอย่าง และซื้อมันเพราะเห็นถึงประโยชน์มันจริงๆ
แต่สำหรับลูกค้าหลายๆคนที่ต้องซื้อเพราะ ช่วยซื้อ หลงเชื่อ ถูกหลอก ได้รับข้อมูลไม่ครบ เพียงเพราะพนง.โดนกดดัน จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้ยอด ดิฉันไม่เห็นด้วย
หลายเคสดิฉันได้เห็นการขายที่ไม่ถูกต้อง เช่นประกันที่ต้องจ่ายเบี้ย 6ปี ระหว่างทางมีเงินคืนบ้างหรือไม่มีคืนบ้าง แต่หากลูกค้าต้องการได้รับเงินคืนครบตามจำนวนเงินก้อนอาจต้องรอถึง20ปี หรืออาจต้องรอถึงอายุ99ปี
ลูกค้าบางรายที่มีเงินฝากหลายสิบล้าน อายุ70+ 80+ ซึ่งสาขาดูแลมานานๆ ก็มีการช่วยซื้อประกัน โดยซื้อเป็นชื่อลูกชื่อหลาน แต่คุณปู่ย่าตายายเป็นคนส่ง หลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง แล้วต้องส่งต่ออีกหลายปี บางรายทำแทบจะทุกเดือน ซึ่งถ้านับเบี้ยปีต่อๆไปรวมทั้งหมดแทบจะเกินกว่าเงินฝากที่แต่ละท่านมีด้วยซ้ำ พอเกิดเสียชีวิตขึ้นมาก็เป็นภาระให้ลูกหลานต้องส่งต่อ บางรายมีกำลังก็ส่งไป บางรายต้องยอมขาดทุนเวนคืนเอาเงินออกมาซึ่งอาจจะเหลือไม่ถึงครึ่งซะด้วยซ้ำ
บางรายก็บอกลูกค้าว่าเป็นเงินฝาก จะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอถึงเวลาจริง ถอนได้ค่ะ แต่ได้เงินไม่ครบ ก็ต้องฟ้องร้องกันไปอีก
ดิฉันเชื่อว่าพนง.แบ้งก็คงไม่ได้อยากขายกันหรอกค่ะ แต่มันจำเป็นต้องทำ ตราบใดที่ยังทำงานแบ้งค์ ตราบใดที่ยังกินเงินเดือนเค้า ผู้บริหารเค้ากำหนดเป้าหมายอะไรมาก็ต้องทำตามที่ได้รับมา
ก็ได้แต่วอนผู้ใหญ่ใจดี มีใจเป็นกลาง เข้ามาช่วยสร้าง อ้างความเป็นธรรม เดี๋ยวๆจบแบบนี้เลยเหรอ