เป็นเวลากว่าสามเดือนเศษแล้ว ที่พ่อแม่ได้รับรู้ข่าวร้าย จากอาจารย์หมอ ว่าหมูแฮม ป่วยมีอาการของโรคความบกพร่องของวัฏจักรยูเรีย (Urea cycle defect) จึงมีภาวะแอมโมเนียคั่งในเลือด (Hyperammonemia) เป็นโรคในกลุ่มโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก Inborn Errors of Metabolism (IBEM) ซึ่งเป็นโรคร้ายแรง และ โรคหายาก (Rare Disease) และแน่นอน เมื่อมันหายาก วิธีการรักษา ก็ยาก และโรงพยาบาล ยา คุณหมอที่จะรักษาได้ ก็หายากเช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาอันยากลำบากนั้น ไม่สามารถหาคำบรรยายความรู้สึกได้เลย ความหวัง ความฝันทั้งหมด ได้พังทลายลงในพริบตา หัวใจแตกสลาย!
น้องหมูแฮมเกิดมาด้วยวิธีผ่าตัดคลอด เมื่อ 26 มีนาคม 2558 สภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ดูดนมเก่ง น้ำหนักแรกคลอด 3,530 กรัม หลังคลอดนอนโรงพยาบาลสามวัน ก็ได้กลับบ้าน
กลับมาบ้านเขาก็เหมือนเด็กทั่วไป กินนอน แม้จะงอแงบ้าง ก็ไม่พบความผิดปกติ กินนมแม่ แต่เมื่อผ่านไปสามเดือน เขายังคอไม่แข็ง ตั้งคอไม่ได้ พ่อแม่ ก็คิดว่า อาจช้าได้บ้าง เพราะเขาดูอ้วนมาก เราก็รอไปเรื่อยๆ กระตุ้นไปเรื่อยๆ จนเขาชันคอได้ในที่สุด พัฒนาการของเขาก็มาเรื่อยๆ จน นั่งได้เองตอน 1 ขวบ ซึ่งเด็กคนอื่น จะเดินแล้ว แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่พัฒนาต่อเลย ตัวก็ไม่โตขึ้น ผมก็ไม่ยาวขึ้น เราเริ่มพาเขาเกาะเดิน เขาก็งอแงมาก หงุดหงิด พ่อแม่กังวลมากขึ้น จนคิดว่า ไม่ไหวแล้ว เราจึงพาไปพบคุณหมอ ด้านพัฒนาการที่ โรงพยาบาลจังหวัด ตอนนั้น คุณหมอสงสัย สมองพิการ(Cerebral Palsy) โอ้โห ตอนนั้นก็แทบเข่าทรุด พ่อแม่ หัวใจสลาย หมอจึงนัดเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สมอง CT-scan ผลออกมา หมอบอกว่า ยังไม่พบอะไรผิดปกติ โอ้ พ่อแม่ ใจชึ้นขึ้นมาหน่อย หมอให้ไปทำกิจกรรมบำบัด ทุกสัปดาห์ แต่หมอแนะนำว่า ดูกล้ามเนื้อเขาไม่แข็งแรง ให้เสริมโปรตีนเยอะๆ (ตั้งแต่ตอนนี้แหละ เราก็หานมมาเสริมเขา ลองเกือบทุกยี่ห้อ ทั้งๆที่สุดท้ายแล้ว โรคที่เป็น กินโปรตีนไม่ได้ )
หลังจากเราไปทำกิจกรรมบำบัดที่โรงพยาบาลจังหวัด เรารู้สึกว่าไม่ได้ผล จึงตัดสินใจเดินทางไปที่ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ คุณหมอก็ตรวจ แล้วให้เราไปฝึก กับสหสาขาวิชาชีพ หมูแฮมโดนทุกโปรแกรมที่สถาบันมี ไปทุกสองสัปดาห์ แต่พึ่งได้ทำเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น คือ กิจกรรมบำบัด กับ กดจุดวอยต้า กลับมาบ้านเริ่มหงุดหงิด เบื่ออาหาร และอาเจียน
อาการอาเจียนของหมูหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับตาลอยเลย เราจึงรีบพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอก็ให้นอนให้น้ำเกลือ เจาะเลือดดู คุณหมอบอกว่า ค่าความเป็นกรดด่างในเลือดผิดปกติเล็กน้อย ให้น้ำเกลือไปได้สองวัน เจาะดูใหม่ ผลปกติหมด หมอเลยให้กลับบ้าน
กลับมาบ้าน กินไปได้สองสามวันก็อาเจียนอีก ท้องผูกด้วย เราจึงพาไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัด (เพราะต้องการความรวดเร็ว) แต่ปรากฏว่า หมอโรงพยาบาลเอกชนกลับมาต่อว่า เป็นเพราะพ่อแม่ตามใจลูก โอ๋ลูก ..... หมอให้ยาแก้อ้วก กับยาระบาย ออกจากโรงพยาบาลมา แวะกินข้าวที่บิ๊กซี ลูกก็อ้วกที่บิ๊กซีเลย เราไม่รู้จะทำยังเลยพากลับบ้าน กินยาดูก่อน
หลายวันต่อมา ลูกอาเจียนหนักมากอีกครั้ง เรารีบพาไปโรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน หมอก็เจาะเลือด ให้น้ำเกลืออีก ผลเลือด ปกติ ให้น้ำเกลือไปหนึ่งวัน ลูกก็เป็นปกติ กินได้ หมอก็ให้กลับบ้าน แต่เราคิดกันว่า นี่ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เราจึงพาลูกไปคลินิกกุมารแพทย์ในเมือง ไปคลินิกคุณหมอ...(ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมา ณ โอกาสนี้ด้วย) เราเล่ากับคุณหมอว่า มันผิดปกติมาก เพราะลูกอาเจียนอย่างหนัก อาเจียนเหมือนคนเมาค้าง แต่พอได้น้ำเกลือเข้าไป อาการดีขึ้นเลย ผลเลือดอะไรก็ปกติ คุณหมอก็คิด แล้วบอกว่า มันมีเหมือนกัน โรคแบบนี้เคยเจอสมัยเรียนอยู่ เอางี้ไหม ลองมานอน รพ.จังหวัด เพื่อ Work up กัน หมอก็นัด อีกสัปดาห์ แต่บอกว่า จะตรวจได้ ต้องตอนมีอาการนะ ถ้ามีอาการก่อน ก็รีบมาเลย
เรากลับมาถึงบ้าน วันต่อมา ลูกก็อาเจียนอย่างหนัก อย่างกับนัดกับหมอไว้ นี่ยังไม่ถึงวันที่นัดเลย เรารีบพาลูกไปโรงพยาบาลจังหวัด คุณหมอก็เจาะแล็ป ชุดใหญ่ แต่สิ่งที่เรานัดกันไว้คือ เจาะเลือดหาแอมโมเนีย ปัญหาคือ โรงพยาบาลทั่วไปตามต่างจังหวัดตรวจไม่ได้ ต้องส่งตรวจ กทม.เสียเงินเอง และผลจะมา 1 เดือน
เรานอนโรงพยาบาล ห้าวัน ผลแล็ปปกติหมดทุกอย่างไม่ว่า เลือด ตับ ไต ฯลฯ มีสงสัยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเล็กน้อย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ แล้วกลับบ้าน นัดไปฟังผลเพาะเชื้อปัสสาวะ 1 สัปดาห์ และผล แอมโมเนียในเลือด อีก 1 เดือน แต่หมอก็บอกว่า โรคที่สงสัย คงไม่ใช่แล้วละ เพราะผลเลือดอย่างอื่นดูปกติ
1 สัปดาห์ผ่านไป ไปฟังผลปัสสาวะ ปกติ แต่เราคิดว่า ลูกเราดูไม่ปกติ ดูหงุดหงิดมากขึ้น ยังมีอาเจียน แทบจะวันเว้นวัน
1 เดือนที่เรารอก็มาถึง ไปฟังผล แอมโมเนียในเลือด พยาบาลปริ้นท์ผลให้ ผมถือ ก่อนเข้าไปพบหมอ สิงที่ผมเห็นทำให้ผมกลัวเป็นอย่างมาก เหงื่อเต็มมือเต็มเท้า ค่าแอมโมเนียในเลือดของหมูแฮมคือ 231.4 ค่าปกติอยู่ระหว่าง 14.7-55.3 พอพบหน้าคุณหมอ ดูสีหน้าคุณหมอ ก็ดูไม่ดีเลยเรารับรู้ได้ ก่อนหมอจะบอกว่า ที่โรงพยาบาลเราคงดูแลไม่ได้ ผมจะส่งตัวไป คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปวันพุธ เพราะอาจารย์สาขานี้ ออกวันพุธ (ขณะนี้วันจันทร์) ผมรีบกลับบ้าน กลับมาหาข้อมูล เพราะคุณหมอเขียนในใบส่งตัวให้ว่า R/O Inborn errors of metabolism
หลังจากได้อ่านข้อมูลโรค มือไม้สั่นไปหมด นี่โรคอะไรเนี่ย น่ากลัวเหลือเกิน วันอังคารช่างเป็น เวลาที่ยาวนานมาก ลูกก็ดูไม่ดี กินได้น้อย ซึม คืนวันอังคาร ไม่ได้นอนเลยเพราะเครียดจัด ตีสาม ขับรถออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่
เรานอนพักรักษาตัวสู้มัจจุราชอยู่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งหมด 17 วัน ด้วยแอมโมเนียสูง 800 ผ่านความเป็นความตายที่บรรยายไม่หมด ถูกเจาะเลือดเป็นร้อยๆเข็ม และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช อีก 7 วัน
ทุกวันนี้หมูแฮมอยู่บ้านครับ กินอาหาร ที่มีโปรตีนไม่เกิน 7 กรัมต่อวัน (ข้าวทัพพีนึงก็ 2 กรัมละ) กินนมพิเศษ กินยาไปตามนัดอาจารย์หมอที่ศิริราชทุกเดือน
(แก้ไขเพิ่มเติม) ความผิดปกติของวงจรยูเรียเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดจากการกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการขาดหรือพร่อง เอนไซม์หนึ่งในหกตัวในวงจรยูเรีย เอนไซม์เหล่านี้มีหน้าที่ในการเอาแอมโมเนียออกจากกระแสเลือด วงจรยูเรียเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางชีวเคมีซึ่งมีไนโตรเจนซึ่งเป็นของเสียจากการเผาผลาญโปรตีนจะถูกกำจัดออกจากเลือดและเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่เรียกว่ายูเรียในเลือด โดยปกติแล้วยูเรียจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ในความผิดปกติของวงจรยูเรียไนโตรเจนสะสมในรูปของแอมโมเนียซึ่งเป็นสารที่เป็นพิษสูง ทำให้สมองบวม อาเจียน ชัก โคม่า และเสียชีวิต หรือหากรักษาได้ แต่ช้า ก็อาจทำให้สมองพิการถาวร ปัญญาอ่อนได้
ฝากถึงพ่อแม่ครับ ถ้าลูกมีอาการผิดปกติ ต้องหาสาเหตุให้เจอ รักษาเร็วโอกาสสมองไม่เสียหาย รักษาช้าสมองพิการถาวร และตายได้
ปล.1 พ่อเป็นคนอีสาน แม่เป็นคนเหนือ ทั้งสองฝ่ายไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่มีญาติป่วยแบบนี้
ปล.2 โปรตีนที่กิน ถ้าเกินเป็นแอมโมเนียขึ้นทำลายสมอง ถ้าขาดร่างกายก็ไม่โต ถ้าขาดพลังงานร่างกายก็จะสลายกล้ามเนื้อ ทำให้อ่อนปวกเปียก และแอมโมเนียสูงทำลายสมอง วนไป
(แก้ไข) ใส่ภาพได้แล้วครับ
(แก้ไขเพิ่ม) ผมเขียนเรื่องยาวๆไว้ในเฟสบุ๊คครับ เราผ่านอะไรมาบ้าง ลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
https://www.facebook.com/Stamp.Supawit/posts/1947158995570358
#อุทาหรณ์ ลูกพัฒนาการช้า อาเจียนบ่อยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นโรคร้าย #พันธุกรรมเมตาบอลิก Inborn Errors of Metabolism
น้องหมูแฮมเกิดมาด้วยวิธีผ่าตัดคลอด เมื่อ 26 มีนาคม 2558 สภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ดูดนมเก่ง น้ำหนักแรกคลอด 3,530 กรัม หลังคลอดนอนโรงพยาบาลสามวัน ก็ได้กลับบ้าน
กลับมาบ้านเขาก็เหมือนเด็กทั่วไป กินนอน แม้จะงอแงบ้าง ก็ไม่พบความผิดปกติ กินนมแม่ แต่เมื่อผ่านไปสามเดือน เขายังคอไม่แข็ง ตั้งคอไม่ได้ พ่อแม่ ก็คิดว่า อาจช้าได้บ้าง เพราะเขาดูอ้วนมาก เราก็รอไปเรื่อยๆ กระตุ้นไปเรื่อยๆ จนเขาชันคอได้ในที่สุด พัฒนาการของเขาก็มาเรื่อยๆ จน นั่งได้เองตอน 1 ขวบ ซึ่งเด็กคนอื่น จะเดินแล้ว แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่พัฒนาต่อเลย ตัวก็ไม่โตขึ้น ผมก็ไม่ยาวขึ้น เราเริ่มพาเขาเกาะเดิน เขาก็งอแงมาก หงุดหงิด พ่อแม่กังวลมากขึ้น จนคิดว่า ไม่ไหวแล้ว เราจึงพาไปพบคุณหมอ ด้านพัฒนาการที่ โรงพยาบาลจังหวัด ตอนนั้น คุณหมอสงสัย สมองพิการ(Cerebral Palsy) โอ้โห ตอนนั้นก็แทบเข่าทรุด พ่อแม่ หัวใจสลาย หมอจึงนัดเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สมอง CT-scan ผลออกมา หมอบอกว่า ยังไม่พบอะไรผิดปกติ โอ้ พ่อแม่ ใจชึ้นขึ้นมาหน่อย หมอให้ไปทำกิจกรรมบำบัด ทุกสัปดาห์ แต่หมอแนะนำว่า ดูกล้ามเนื้อเขาไม่แข็งแรง ให้เสริมโปรตีนเยอะๆ (ตั้งแต่ตอนนี้แหละ เราก็หานมมาเสริมเขา ลองเกือบทุกยี่ห้อ ทั้งๆที่สุดท้ายแล้ว โรคที่เป็น กินโปรตีนไม่ได้ )
หลังจากเราไปทำกิจกรรมบำบัดที่โรงพยาบาลจังหวัด เรารู้สึกว่าไม่ได้ผล จึงตัดสินใจเดินทางไปที่ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ คุณหมอก็ตรวจ แล้วให้เราไปฝึก กับสหสาขาวิชาชีพ หมูแฮมโดนทุกโปรแกรมที่สถาบันมี ไปทุกสองสัปดาห์ แต่พึ่งได้ทำเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น คือ กิจกรรมบำบัด กับ กดจุดวอยต้า กลับมาบ้านเริ่มหงุดหงิด เบื่ออาหาร และอาเจียน
อาการอาเจียนของหมูหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับตาลอยเลย เราจึงรีบพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอก็ให้นอนให้น้ำเกลือ เจาะเลือดดู คุณหมอบอกว่า ค่าความเป็นกรดด่างในเลือดผิดปกติเล็กน้อย ให้น้ำเกลือไปได้สองวัน เจาะดูใหม่ ผลปกติหมด หมอเลยให้กลับบ้าน
กลับมาบ้าน กินไปได้สองสามวันก็อาเจียนอีก ท้องผูกด้วย เราจึงพาไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัด (เพราะต้องการความรวดเร็ว) แต่ปรากฏว่า หมอโรงพยาบาลเอกชนกลับมาต่อว่า เป็นเพราะพ่อแม่ตามใจลูก โอ๋ลูก ..... หมอให้ยาแก้อ้วก กับยาระบาย ออกจากโรงพยาบาลมา แวะกินข้าวที่บิ๊กซี ลูกก็อ้วกที่บิ๊กซีเลย เราไม่รู้จะทำยังเลยพากลับบ้าน กินยาดูก่อน
หลายวันต่อมา ลูกอาเจียนหนักมากอีกครั้ง เรารีบพาไปโรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน หมอก็เจาะเลือด ให้น้ำเกลืออีก ผลเลือด ปกติ ให้น้ำเกลือไปหนึ่งวัน ลูกก็เป็นปกติ กินได้ หมอก็ให้กลับบ้าน แต่เราคิดกันว่า นี่ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เราจึงพาลูกไปคลินิกกุมารแพทย์ในเมือง ไปคลินิกคุณหมอ...(ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมา ณ โอกาสนี้ด้วย) เราเล่ากับคุณหมอว่า มันผิดปกติมาก เพราะลูกอาเจียนอย่างหนัก อาเจียนเหมือนคนเมาค้าง แต่พอได้น้ำเกลือเข้าไป อาการดีขึ้นเลย ผลเลือดอะไรก็ปกติ คุณหมอก็คิด แล้วบอกว่า มันมีเหมือนกัน โรคแบบนี้เคยเจอสมัยเรียนอยู่ เอางี้ไหม ลองมานอน รพ.จังหวัด เพื่อ Work up กัน หมอก็นัด อีกสัปดาห์ แต่บอกว่า จะตรวจได้ ต้องตอนมีอาการนะ ถ้ามีอาการก่อน ก็รีบมาเลย
เรากลับมาถึงบ้าน วันต่อมา ลูกก็อาเจียนอย่างหนัก อย่างกับนัดกับหมอไว้ นี่ยังไม่ถึงวันที่นัดเลย เรารีบพาลูกไปโรงพยาบาลจังหวัด คุณหมอก็เจาะแล็ป ชุดใหญ่ แต่สิ่งที่เรานัดกันไว้คือ เจาะเลือดหาแอมโมเนีย ปัญหาคือ โรงพยาบาลทั่วไปตามต่างจังหวัดตรวจไม่ได้ ต้องส่งตรวจ กทม.เสียเงินเอง และผลจะมา 1 เดือน
เรานอนโรงพยาบาล ห้าวัน ผลแล็ปปกติหมดทุกอย่างไม่ว่า เลือด ตับ ไต ฯลฯ มีสงสัยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเล็กน้อย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ แล้วกลับบ้าน นัดไปฟังผลเพาะเชื้อปัสสาวะ 1 สัปดาห์ และผล แอมโมเนียในเลือด อีก 1 เดือน แต่หมอก็บอกว่า โรคที่สงสัย คงไม่ใช่แล้วละ เพราะผลเลือดอย่างอื่นดูปกติ
1 สัปดาห์ผ่านไป ไปฟังผลปัสสาวะ ปกติ แต่เราคิดว่า ลูกเราดูไม่ปกติ ดูหงุดหงิดมากขึ้น ยังมีอาเจียน แทบจะวันเว้นวัน
1 เดือนที่เรารอก็มาถึง ไปฟังผล แอมโมเนียในเลือด พยาบาลปริ้นท์ผลให้ ผมถือ ก่อนเข้าไปพบหมอ สิงที่ผมเห็นทำให้ผมกลัวเป็นอย่างมาก เหงื่อเต็มมือเต็มเท้า ค่าแอมโมเนียในเลือดของหมูแฮมคือ 231.4 ค่าปกติอยู่ระหว่าง 14.7-55.3 พอพบหน้าคุณหมอ ดูสีหน้าคุณหมอ ก็ดูไม่ดีเลยเรารับรู้ได้ ก่อนหมอจะบอกว่า ที่โรงพยาบาลเราคงดูแลไม่ได้ ผมจะส่งตัวไป คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปวันพุธ เพราะอาจารย์สาขานี้ ออกวันพุธ (ขณะนี้วันจันทร์) ผมรีบกลับบ้าน กลับมาหาข้อมูล เพราะคุณหมอเขียนในใบส่งตัวให้ว่า R/O Inborn errors of metabolism
หลังจากได้อ่านข้อมูลโรค มือไม้สั่นไปหมด นี่โรคอะไรเนี่ย น่ากลัวเหลือเกิน วันอังคารช่างเป็น เวลาที่ยาวนานมาก ลูกก็ดูไม่ดี กินได้น้อย ซึม คืนวันอังคาร ไม่ได้นอนเลยเพราะเครียดจัด ตีสาม ขับรถออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่
เรานอนพักรักษาตัวสู้มัจจุราชอยู่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งหมด 17 วัน ด้วยแอมโมเนียสูง 800 ผ่านความเป็นความตายที่บรรยายไม่หมด ถูกเจาะเลือดเป็นร้อยๆเข็ม และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช อีก 7 วัน
ทุกวันนี้หมูแฮมอยู่บ้านครับ กินอาหาร ที่มีโปรตีนไม่เกิน 7 กรัมต่อวัน (ข้าวทัพพีนึงก็ 2 กรัมละ) กินนมพิเศษ กินยาไปตามนัดอาจารย์หมอที่ศิริราชทุกเดือน
(แก้ไขเพิ่มเติม) ความผิดปกติของวงจรยูเรียเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดจากการกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการขาดหรือพร่อง เอนไซม์หนึ่งในหกตัวในวงจรยูเรีย เอนไซม์เหล่านี้มีหน้าที่ในการเอาแอมโมเนียออกจากกระแสเลือด วงจรยูเรียเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางชีวเคมีซึ่งมีไนโตรเจนซึ่งเป็นของเสียจากการเผาผลาญโปรตีนจะถูกกำจัดออกจากเลือดและเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่เรียกว่ายูเรียในเลือด โดยปกติแล้วยูเรียจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ในความผิดปกติของวงจรยูเรียไนโตรเจนสะสมในรูปของแอมโมเนียซึ่งเป็นสารที่เป็นพิษสูง ทำให้สมองบวม อาเจียน ชัก โคม่า และเสียชีวิต หรือหากรักษาได้ แต่ช้า ก็อาจทำให้สมองพิการถาวร ปัญญาอ่อนได้
ฝากถึงพ่อแม่ครับ ถ้าลูกมีอาการผิดปกติ ต้องหาสาเหตุให้เจอ รักษาเร็วโอกาสสมองไม่เสียหาย รักษาช้าสมองพิการถาวร และตายได้
ปล.1 พ่อเป็นคนอีสาน แม่เป็นคนเหนือ ทั้งสองฝ่ายไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่มีญาติป่วยแบบนี้
ปล.2 โปรตีนที่กิน ถ้าเกินเป็นแอมโมเนียขึ้นทำลายสมอง ถ้าขาดร่างกายก็ไม่โต ถ้าขาดพลังงานร่างกายก็จะสลายกล้ามเนื้อ ทำให้อ่อนปวกเปียก และแอมโมเนียสูงทำลายสมอง วนไป
(แก้ไข) ใส่ภาพได้แล้วครับ
(แก้ไขเพิ่ม) ผมเขียนเรื่องยาวๆไว้ในเฟสบุ๊คครับ เราผ่านอะไรมาบ้าง ลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ https://www.facebook.com/Stamp.Supawit/posts/1947158995570358