ฉันจะรักเธอตลอดไป

กระทู้สนทนา
.


จันทิวานั่งรอแฟนหนุ่มในร้านนมสดหลังมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวเคยเรียน ซึ่งเป็นร้านประจำของเธอกับแดนที่มักมานั่งดื่มนมสด ขนมปังปิ้ง และอาหารจานด่วน อยู่บ่อยๆหลังเลิกเรียน สถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นซึ่งทำให้คนทั้งสองได้พบเจอกัน ได้รู้จักกันจนพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแฟน

เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ในตอนนั้นจันทิวาเป็นนักศึกษาปีสอง เธอกับกลุ่มเพื่อนอีกสามคน นัดกันมาเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เพื่อนในกลุ่มที่ร้านนมสด หญิงสาวทั้งสี่นั่งพูดคุยกันสนุกสนานส่งเสียงหัวเราะเริงร่าอย่างอารมณ์ดี

“น้องๆ น้องครับ” เสียงเรียกแผ่วเบา ไม่ได้ทำให้สี่สาวได้ยินหรือหันมามองผู้ส่งเสียงเรียก เขาจึงเดินขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นใช้นิ้วสะกิดไหล่จันทิวา

“น้องครับ”

จันทิวาหันขวับมามองด้วยความแปลกใจ เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดนักศึกษาต่างสถานบัน หญิงสาวย่นคิ้วครุ่นคิดว่าชายผู้นี้คือใคร ไม่ได้รู้จักสักหน่อยจะมาเรียกทำไม ความรู้สึกไม่ชอบใจแล่นขึ้นมาในหัว อยู่ดีๆก็มาแตะตัวเธอแบบนี้ได้ยังไง

สายตามาดร้ายส่องประกายแรงกล้าใส่ชายแปลกหน้า

“น้องเจินใช่ไหมครับ นี่พี่แดนนะ เพื่อนพี่สิงห์จำพี่ได้ไหม”

เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายแสดงสีหน้าว่าไม่รู้จักตน ชายหนุ่มจึงรีบแนะนำตัวเองทันที

พี่สิงห์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับจันทิวา แต่หลายปีมานี้ไม่ได้เจอกันนานแล้ว หญิงสาวรู้แต่ว่าพี่สิงห์เรียนจบไปสองปีแล้ว นึกแปลกใจชายหนุ่มชื่อแดนบอกว่าเป็นเพื่อนพี่สิงห์ แต่ทำไมยังใส่ชุดนักศึกษา ถ้าเป็นเพื่อนพี่สิงห์ก็น่าจะเรียนจบไปพร้อมกัน

“จำไม่ได้ค่ะ” เจินเอ่ยตอบคนถามไปตรงๆ จะให้จำได้ยังไง ก็ในเมื่อเธอไม่รู้จักเพื่อนพี่สิงห์เลยสักคน เคยเห็นแค่ผ่านๆเท่านั้น และไม่เคยจดจำรายละเอียดของใครนักหรอก ชื่อเสียงเรียงนามเพื่อนพี่สิงห์แต่ละคนหญิงสาวแทบจะไม่รู้เลย และยิ่งไม่ได้เจอกันนานยิ่งจำไม่ได้

“เอาไงดี” ชายหนุ่มงึมงำกับตัวเอง ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ในเมื่อหญิงสาวบอกว่าจำไม่ได้ จะให้บอกต่ออย่างไรดี จึงตัดสินใจพูดไปตามตรง

“พี่ลืมเอากระเป๋าเงินฮะ ไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร พี่ขอยืมเงินน้องเจินสักสองร้อยได้ไหมครับ เดี๋ยวพี่จะนำมาใช้คืน ขอเบอร์โทรน้องเจินด้วยนะครับไว้ติดต่อคืนเงิน”

แม้จะจดจำชายแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้ แต่จันทิวารู้สึกมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นเพื่อนพี่สิงห์จริงๆ แต่เพื่อความแน่ใจมากยิ่งขึ้น และยืนยันตัวตนคนที่ขอยืมเงิน หญิงสาวจึงบอกให้เขาโทรหาพี่สิงห์ รอสายเพียงไม่นานพี่สิงห์รับสายและขอคุยกับเธอ เมื่อได้รับคำยืนยันจากพี่สิงห์ จันทิวาจึงให้เขาหยิบยืมเงินตามจำนวนที่เขาต้องการ   

ชายหนุ่มนำเงินมาคืนจันทิวาตามที่บอกไว้ โดยนัดรับเงินที่ร้านนมสด และนั่งพูดคุยกับหญิงสาวอยู่พักใหญ่ก่อนจะแยกจากกัน  

จันทิวารู้จากพี่สิงห์ว่า ที่แดนยังเรียนไม่จบเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ก็เพราะแดนยังไม่อยากให้เรียนจบ เลยตั้งใจทำข้อสอบไม่ผ่านเป็นการถ่วงเวลา

แดนอยากเรียนศิลปะ แต่พ่อแดนบังคับให้ไปเรียนบริหาร เพื่อเขาให้เข้ามาบริหารงานในบริษัทนำผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของครอบครัวสืบต่อจากผู้เป็นพ่อ

แดนไม่อยากขัดใจจึงยอมเรียน แต่ขอเรียนจบช้าๆเพื่อทำใจก่อนเท่านั้นเอง

คำบอกเล่าจากพี่สิงห์เกี่ยวกับแดนทำให้จันทิวา รู้สึกเห็นใจและยิ่งอยากรู้จักเขามากขึ้น เช่นเดียวกับแดนที่อยากรู้จักหญิงสาว  

หลังเลิกเรียนแดนมาคอยรับเจินที่หน้าคณะ ทั้งสองแวะไปนั่งพูดคุยทานข้าวด้วยกันที่ร้านนมสด เป็นแบบนี้ทุกวันตลอดระยะเวลาสี่ห้าเดือนที่รู้จักกัน ความสนิทสนมผูกพันค่อยๆก่อตัวเป็นความรักอย่างช้าๆและมั่นคง

และวันที่แดนเรียนจบ เขาเอ่ยปากขอเจินเป็นแฟน

“มาขอเป็นแฟนในวันที่เธอเรียนจบนี่นะ แล้วทำไมมาขอวันนี้ จะได้เจอกันเหมือนก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้เลย อีกหน่อยเธอทำงาน คงไม่มีเวลาให้ฉันอีก”

จันทิวาเอ่ยด้วยความน้อยใจ หญิงสาวไม่ชอบเรียกแดนว่าพี่มันฟังดูเหินห่างเกินไปสำหรับเธอ การไม่เรียกแดนว่าพี่ทำให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเขา

จันทิวาต้องการความชัดเจนจากชายหนุ่ม หลายครั้งหลายหนเคยแหย่เขาเล่นว่าเมื่อไหร่แดนจะขอเธอเป็นแฟนเสียที ฝ่ายชายได้แต่อมยิ้มและหัวเราะ พลันตอบกลับทันที

‘นี่ยังไม่เรียกว่าแฟนอีกเหรอ ถึงไม่ขอใครๆก็รู้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน’

หญิงสาวเบ้ปากหันหน้าหนี

‘ผู้ชายไม่ขอผู้หญิงเป็นแฟนจะให้เรียกว่าแฟนได้ยังไง เธอไม่เข้าใจฉันเลย’ พูดจบก็ลุกพรวดพราดวิ่งไปกลางสนามฟุตบอล ใช้เท้าเตะหญ้าเตะดินไปเรื่อย ชายหนุ่มนั่งอยู่ริมสนามฟุตบอล มองดูหญิงสาวแล้วกลั้วหัวเราะพึมพำกับตัวว่า

‘เธอก็ไม่เข้าใจฉันเหมือนกัน ฉันรักเธอ รักมากมาย ผู้ชายจะพูดว่ารักง่ายๆได้ยังไง ถึงไม่เอ่ยขอเธอเป็นแฟน เธอก็เป็นแฟนฉันตั้งแต่ที่ฉันรู้จักเธอครั้งแรก’

แดนเจอเจินครั้งแรก ตอนหญิงสาวอยู่ป.6 และเขาอยู่ม.4 วันนั้นเป็นวันเกิดสิงห์ เขามางานวันเกิดตามคำชวนของเพื่อน และได้พบกับเจิน สาวน้อยใบหน้าอวบอิ่ม ดวงตาเปล่งประกายเจิดจรัสสดใสน่ารัก บวกกับรอยยิ้มเป็นมิตรและอ่อนหวาน ยังติดตาตรึงใจชายหนุ่มเสมอมา หัวใจแดนหนุ่มเต้นแรง ความรู้สึกมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าสาวน้อยคนนี้แหละคือคนที่ใช่สำหรับเขา ลั่นวาจาในใจ โตขึ้นเมื่อไหร่จะมาขอเธอแต่งงาน

ชายหนุ่มเฝ้ามองเจินเรื่อยมา และชอบมาขลุกอยู่บ้านสิงห์บ่อยๆ มีความหวังว่าสักวันคงได้เจอเธอ แต่ก็ไม่เคยสมหวังนัก เพราะบ้านเจินกับสิงห์อยู่ไกลกัน การไปมาหาสู่จึงไม่สะดวก

แดนได้เจอเจินครั้งล่าสุดเมื่อสี่ปีก่อนในงานศพย่าของสิงห์แต่ก็ไม่ได้พูดคุยเลยทักทายกัน เขาเห็นเธอง่วงอยู่กับการเสิร์ฟเครื่องดื่มอาหารให้แขกเหรื่อที่มาในงานใจนึกอยากเดินเข้าไปทัก แต่เห็นหญิงสาวยุ่งมากจึงต้องถอยออกมาและลอบเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ  

ได้รู้มูลมาจากสิงห์ว่าหญิงสาวเรียนอยู่ที่ไหน จึงคอยมาเฝ้าเมียงมองอยู่มหาวิทยาลัยที่หญิงสาวเรียน  เดินเตร็ดเตร่รอบมหาวิทยาลัยหรือแม้กระทั่งไปเดินวนเวียนบริเวณหน้าคณะที่เจินเรียน ก็ยังไม่พบคนที่ตนต้องการเจอ

จนกระทั่ง เจอเธอในร้านนมสด เป็นการเจอโดยบังเอิญแม้แต่ตัวชายหนุ่มเองยังตกใจ ตื่นเต้นจนอยากตะโกนก้อง ตัดสินใจได้โดยเร็ว ยังไงคืนนี้ต้องหาทางไปพูดกับหญิงสาวให้ได้

แผนการลืมกระเป๋าเงินแล่นเข้ามาในหัว ปฏิบัติเข้าไปขอยืมเงินมาจ่ายค่าข้าวจึงเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนในห้วงเวลานั้น

“จะขอเป็นแฟนตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็เป็นแฟนฉันมานานแล้ว ทีนี้ชัดเจนนะครับที่รักของผม” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังตอกย้ำให้หญิงสาวรับรู้ ดึงร่างบางเข้าสวมกอดท่ามกลางบัณฑิตหน้าใหม่และบรรดาญาติพี่น้องของเหล่าบัณฑิต

ตลอดระยะเวลาคบกัน แดนแวะมาหาเจินที่คณะและรับเธอไปทานข้าวเย็นด้วยกันอยู่เสมอ กระทั่งเจินเรียนจบ เวลาที่จะได้พบเจอกันจึงน้อยลง ต่างคนต่างมีงานต้องทำ อาทิตย์หนึ่งเจอกันครั้งเดียวก็มีความหมายมากมายพอสำหรับพวกเขา

และในวันนี้เป็นวันครบสามปีที่คบกันเป็นแฟน จันทิวานัดแดนมาร้านนมสด สถานที่ที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้พบกัน หญิงสาวนั่งมองแก้วน้ำเงาะปั่นที่เหลือครึ่งแก้วและเกล็ดน้ำแข็งเริ่มละลาย

แดนยังไม่มา เวลาล่วงเลยมาครึ่งชั่วโมงและเลยไปเป็นชั่วโมง เมื่อวานจันทิวาโทรศัพท์หาเขาหลายสายแต่เขาไม่รับสาย จึงตัดสินใจส่งข้อความไปบอกวันเวลานัดหมายให้มาเจอกัน แต่ไม่รู้ฝ่ายนั้นเปิดอ่านบ้างเลยเปล่า เธอเองก็ไม่แน่ใจ

สองสามเดือนมานี้ จันทิวาติดต่อแดนไม่ค่อยได้ เขาหายหน้าหายตาไม่ค่อยแวะมาหาเธอเหมือนก่อน มีโทรกลับมาบ้างก็บอกแค่เพียงว่า ‘ทำงานยุ่งอยู่ ขอโทษนะ’

จันทิวาพยายามทำความเข้าใจเขา และรอคอยวันที่แดนว่างพอจะพบเจอกับเธอหรือไปเดินเที่ยว ดูหนัง คนเป็นแฟนกันอย่างน้อยก็ควรมีเวลาให้กันบ้าง

น้ำเงาะปั่นกลายเป็นน้ำสีขาวขุ่นลอยอยู่ในแก้วน้ำใส  แมลงวันสองตัวบินตกลงในน้ำเงาะปั่นแก้วนั่น พวกมันตะเกียกตะกายหาทางหลุดพ้นจากน้ำหวานเหนียวหนืดแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีทางหนีขึ้นมาจากแก้วน้ำได้

จันทิวาโบกมือเรียกพนักงานให้มาเก็บเงิน

“เจิน ขอโทษนะที่มาสาย ฉันคิดว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีก” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังหญิงสาว  เขาโบกมือบอกพนักงานไม่ให้มาเก็บเงิน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆหญิงสาว

“เธอยุ่งมากไม่ใช่หรือ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นน้ำเสียงตัดพ้อ

“ก็ยุ่ง แต่ก็อยากเจอเธอ ฉันเพิ่งเปิดอ่านข้อความเมื่อตอนเย็นนี้เอง วันนี้มีประชุมบอร์ดผู้บริหาร และต้องจัดการเอกสารหลายอย่าง เธอโกรธฉันไหมที่ไม่มีเวลาให้เธอเลย”

น้ำเสียงนุ่มอ่อนโยน จากชายหนุ่มช่วยให้อารมณ์ขุ่นมัวของจันทิวาค่อยๆเลือนหายไป

“ฉันไม่เคยโกรธเธอ ฉันเพียงแต่น้อยใจ ฉันรู้สึกว่าเราสองคนกำลังห่างกันไปเรื่อยๆ  ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าถึงวันหนึ่งความรู้สึกที่เรามีให้กันมันจะจางหายไปเพราะความเหินห่าง” จันทิวาเอ่ยเสียงสะอื้น น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า

แดนขยับเข้าใกล้ ยื่นแขนโอบไหล่หญิงสาว และดึงตัวหญิงสาวเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน

“อย่าร้องไห้สิยัยเด็กขี้แย คิดอะไรบ้าๆ ความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้มันจะจางหายไปง่ายๆได้ยังไงกัน”

หญิงสาวสะอื้นไห้หนักยิ่งขึ้น น้ำตาเปียกชื้นบริเวณอกเสื้อชายหนุ่มเป็นวงกว้าง แดนใช้มือช้อนคางหญิงสาวเชิดขึ้น แล้วใช้กระดาษชิชชู่ซับน้ำตาอย่างแผ่วเบานุ่มนวล

“ไม่ต้องร้องไห้นะ ต่อให้ฉันไม่มีเวลาให้เธอมากเหมือนก่อน แต่ฉันก็ไม่มีวันทิ้งเธอ” ชายหนุ่มเอ่ยบอก ใช้นิ้วมือเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดแก้มหญิงสาวออกไปจนพ้นแก้มนวลแดงระเรื่อ

“ฉันขอโทษ ฉันควรจะเข้าใจเธอมากกว่างอแงและเอาแต่ใจ”

“เจิน เธอไม่ต้องโทษตัวเอง ฉันเองที่ต้องขอโทษเธอ .. เวลาอาจพรากเราสองคนให้ห่างจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ใจฉันไม่เคยห่างจากเธอเลยแม้แต่เสี้ยววินาที”

“เธอกำลังทำให้ฉันยิ้มนะ”

“แล้วได้ผลไหมล่ะ” ชายหนุ่มหยอกเย้ากลับ

หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างและส่งเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ ชายหนุ่มยกมือลูบศีรษะเธอ ความสุขลึกซึ้งเอ่อล้นท่วมใจหนุ่มสาว

“จบ”


...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่