นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดว่าจะได้มีชีวิตรักอันสงบสุข แต่กลับต้องตกอยู่ในสภาพ "สิ้นไร้ทางไป เหลือเพียงชีวิต" เมื่อสามีของเธอตัดสินเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย
อิสลาม มิตัด เป็นชาวโมร็อกโก เธอได้พบกับ อาหมัด คาลิล ชาวอังกฤษเชื้อสายอัฟกานิสถาน ในเว็บไซต์หาคู่ของกลุ่มมุสลิม ชื่อ muslima.คอม
อิสลาม มิตัด
Muslima เว็บหาคู่ของชาวมุสลิม
ทั้งสองพูดคุยสร้างความสนิทสนมจนปลงใจรักกัน เมื่อความรักสุกงอม คาลิลก็ตัดสินใจบินมาดูตัวมิตัดที่โมร็อกโก จากนั้นจึงทำการสู่ขอหญิงสาวจากครอบครัวของเธอ พร้อมเอาบัญชีธนาคารมาแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถเลี้ยงดูเธอได้
มิตัดต้องการแต่งงานกับคาลิลอยู่แล้ว เพราะคิดว่าการย้ายไปอยู่อังกฤษจะช่วยให้เธอสามารถตามความฝันของการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ บิดามารดาก็มิได้กีดกัน งานแต่งงานอันอบอุ่นจึงบังเกิดขึ้น
หลังแต่งงาน คาลิลพามิตัดบินไปอัฟกานิสถานเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเขา ทั้งสองอยู่ที่นั่นเดือนหนึ่งคาลิลก็บอกมิตัดว่าเขาได้งานใหม่ที่ตุรกี ให้เธอตามไปอยู่กับเขาด้วย
จนถึงจุดนี้ชีวิตของมิตัดดูสวยหรูเหมือนความฝัน หากพอทั้งสองมาถึงตุรกี คาลิลกลับพาเธอเดินทางไปยังทิศทางแปลกๆ...
ทั้งสองเดินทางไปทางใต้ มุ่งสู่ชายแดนตุรกี - ซีเรีย และไปรวมกลุ่มกับชายหญิงอีกหลายคนในบ้านหลังหนึ่ง
...เมื่อมิตัดถามผู้หญิงคนหนึ่งว่าทุกคนจะไปไหนกัน ก็ได้รับคำตอบว่า "จะไปฮิจเราะห์"
ฮิจเราะห์คือชื่อเรียกเหตุการณ์ที่นบีมุฮัมมัดและผู้ติดตามอพยพหนีศัตรูไปยังที่ปลอดภัย ในบริบทสมัยใหม่ มันหมายถึงการที่มุสลิมอพยพจากดินแดนอันชั่วร้ายมีทรราชปกครอง ไปยังดินแดนแห่งคุณธรรมความดี
มิตัดฟังดังนั้นก็รู้สึกว่า "ไม่ใช่แล้ว"
เธอปฏิเสธที่จะเดินทางต่อ แต่คาลิลกลับบอกว่า "เธอเป็นภรรยาของฉัน ต้องเชื่อฟังฉัน"
หน้าพาสปอร์ตของคาลิล
มิตัดคิดว่าพอเดินทางไปถึงด่านผ่านแดน จะร้องขอความช่วยเหลือกับนายด่านตุรกี แต่พอไปถึงจริงๆ นายด่านกลับเปิดฉากยิงใส่กลุ่มของคาลิลโดยไม่บอกเหตุผล ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหนีตาย แต่ก็อ้อมเข้าซีเรียสำเร็จในที่สุด
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองจาลาบัส ที่นั่นมิตัดถูกจับไปอยู่ในบ้านที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกัน ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เบลเยียม ตูนิเซีย อัลจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย
ทุกคนมีดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชมยินดีที่ตนเองได้เข้ามาเป็นพลเมืองของรัฐอิสลามอันสูงส่งสถาพร (เรื่องนี้เกิดแล้วประมาณสองปีครึ่ง ตอนนั้น ISIS กำลังพีค)
มิตัดถูกจับแยกกับคาลิลแทบจะทันที พวก ISIS ส่งคาลิลไปฝึกทหารเพื่อต่อต้านพวกเคิร์ดที่กำลังบุกเข้ามาอย่างดุดัน
คาลิลฝึกทหารได้เดือนหนึ่งก็ถูกส่งไปรบกับเคิร์ดที่เมืองโคบานี
ศึกโคบานี
...ซึ่งอย่างที่เราทราบว่า โคบานีเป็นศึกใหญ่ มีนักรบ ISIS สังเวยชีวิตให้ศึกนี้หลายพันคน
คาลิลเพิ่งฝึกทหารเสร็จ พอเจอศึกระดับนี้เลย ก็ถูกเคิร์ดฆ่าตายตั้งแต่วันแรก
...ทิ้งให้มิตัดตกอยู่ในสภาพไม่มีทางออก ไม่มีที่ไป อยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้หญิงต่างชาติ พูดกันไม่รู้เรื่อง รู้แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่เธอกำลังอิน อุมบะๆ กับรัฐกาหลิบ
...และตอนนี้เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว...
หลังสามีตายมิตัดได้ย้ายไปอยู่กับน้องชายสามีซึ่งมาสวามิภักดิ์ ISIS เหมือนกัน หากไม่นานน้องสามีก็ถูกฆ่าอีกคน คราวนี้พวก ISIS จึงส่งเธอไปอยู่บ้านพักแห่งหนึ่งจนเธอคลอดลูกชายชื่ออับดุลลาห์
ครั้นทัพเคิร์ดบุกเข้าใกล้เมืองที่มิตัดอยู่ พวก ISIS จึงแจ้งว่าเธอจะต้องแต่งงานกับนักรบ ISIS คนใดคนหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของลูก และตัวเธอเอง และให้รีบหนีออกจากเมืองได้แล้ว
มิตัดจึงจำต้องแต่งงานกับเพื่อนชาวเยอรมันของสามี...
เธอกับสามีใหม่และลูกหนีไปเมืองมันบิจ แต่อย่างที่เรารู้ว่าเมืองมันบิจก็ถูกเคิร์ดตีแตกในเวลาต่อมา มิตัดจึงต้องหนีต่อไปยังเมืองรักกา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของพวก ISIS
เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ารัฐกาหลิบแห่งนี้ท่าจะสถาพรลำบาก ชาวต่างชาติหลายคนที่เคยลุ่มหลงมาสวามิภักดิ์ จับเนื้อจับตัวยังอุ่นๆ ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากตายไปขึ้นสวรรค์แล้ว ต่างจึงพากันคิดหนี
พวก ISIS ป้องกันการหลบหนีดังกล่าว โดยพยายามไม่ให้ชาวต่างชาติมีโอกาสติดต่อกับชาวซีเรียท้องถิ่น เพราะชาวซีเรียสามารถเข้าถึงเครือข่ายลอบพาคนข้ามแดน มิตัดแจ้งว่าค่าใช้จ่ายในการหลบหนีนั้นอาจแพงถึง 150,000 บาทต่อหัว
มิตัดไม่กล้าหลบหนีในทันที เพราะฟังว่าคนที่คิดหนีจะถูกพรากลูก และต้องเข้าโรงเรียนสอนศาสนาหลักสูตรเคร่งครัดเป็นเวลานาน ขณะที่ชาวซีเรียก็ไม่ค่อยอยากช่วยเธอ เพราะหากถูกจับได้ว่าช่วยชาวต่างชาติหนี จะต้องโทษประหาร (ISIS ปฏิบัติต่อชาวต่างชาติดีกว่าคนทั้งถิ่น โดยให้เงิน และสิทธิพิเศษมากกว่า เพื่อดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาสวามิภักดิ์ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเหตุให้สมาชิก ISIS ฝ่ายซีเรีย และฝ่ายต่างชาติเกลียดกัน ถึงแก่รบกันเองเนืองๆ)
ด้านชีวิตครอบครัว มิตัดไม่ชอบสามีใหม่เพราะเขาไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านเลย เธอจึงขอหย่ากับเขา
พวก ISIS ยังคงบังคับให้เธอแต่งงานครั้งที่สามกับนักรบสัญชาติอินเดีย คราวนี้มิตัดบอกว่าเขามีนิสัยสุภาพอ่อนโยน เธอจึงสามารถมอบความรักแก่เขาได้ และมีลูกสาวกันชื่อมัรยัม
แม้จะได้ครอบครัวที่ดีขึ้น แต่มิตัดก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ทุกวันได้ยินแต่เสียงกระสุนของเคิร์ด และเสียงระเบิดของเครื่องบินอเมริกา มีคนบาดเจ็บล้มตาย ไฟฟ้าประปาก็ถูกตัดคราวละนานๆ มิตัดกล่าวว่าแม้ ISIS จะชอบโฆษณาชวนเชื่อถึงชีวิตในรักกาที่สนุกสนานดังสวนสวรรค์ แต่เธอคอนเฟิร์มว่าตอนนั้นรู้สึกเหมือนตกนรก
ความสงบสุขในโฆษณาชวนเชื่อของ ISIS
ในที่สุด ISIS ก็บังคับให้สามีคนที่สามของมิตัดไปป้องกันเมืองทับกาจากพวกเคิร์ด
...อย่างที่ผมเขียนเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองว่าทับกาถูกเคิร์ดตีแตกอย่างไร ก็นั่นแหละครับ สามีคนที่สามของมิตัด ไปป้องกันเมืองทับกาแป๊บเดียวก็ถูกเคิร์ดฆ่า...
(ดูเรื่องศึกทับกาที่โพสต์นี้
https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat/posts/1360805220662850)
การตายของสามีคนที่สามทำให้มิตัดตัดสินใจเด็ดเดี่ยวขายทรัพย์สินทั้งหมด ทุ่มเทจ้างชาวซีเรียให้พาเธอหนี
โชคดีที่พวก ISIS วุ่นวายไม่อาจป้องกันแน่นหนา ทำให้มิตัดและลูกสามารถหลบไปถึงเขตแดนของพวกเคิร์ดสำเร็จ
ที่นั่นทหารเคิร์ดซึ่งเคยสังหารสามีเธอตายไปสองคน ...ก็ช่วยเธอ...
มิตัดและลูกถูกส่งไปยังบ้านพักที่ปลอดภัย พวกเคิร์ดยังติดต่อสถานทูตโมร๊อกโกในเมืองเบรุตให้หาทางพาเธอกลับบ้าน (แต่ขณะที่เรื่องนี้เป็นข่าวสถานทูตยังมิได้ตอบมาอย่างไร)
มี CNN ไปทำข่าวของมิตัดทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้น บิดาของเธอพยายามวิ่งเต้นเอาเธอกลับประเทศ มิตัดก็อยากกลับ แต่กังวลว่าเพื่อนร่วมชาติจะไม่ไว้วางใจที่เธอไปมีลูกกับ พวก ISIS
ปัจจุบันอิสลาม มิตัดอายุเพียง 23 ปี เมื่อสามปีก่อนเธอยังเป็นหญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ แต่บัดนี้เธอต้องกลายเป็นแม่ม่าย มีลูกสองคน มีสามีมาแล้วสามคน บอบช้ำทั้งกายใจ ตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่ทราบจะไปไหน ไม่ทราบอนาคต และมีตราบาปความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS ติดตัวไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
...บทเรียนของเรื่องนี้คือสิ่งใดกัน?...
มิตัดในบ้านที่พวกเคิร์ดหาให้
:::
อันนี้ Link ข่าว
http://edition.cnn.com/2017/04/26/middleeast/bride-of-isis-islam-mitat/index.html
อันนี้เพจผม จะลงเรื่องสงครามอิรักซีเรีย ประวัติศาสตร์ และการเมืองโลก หากสนใจกดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat
*** ชีวิตพัง เพราะ ISIS ***
อิสลาม มิตัด เป็นชาวโมร็อกโก เธอได้พบกับ อาหมัด คาลิล ชาวอังกฤษเชื้อสายอัฟกานิสถาน ในเว็บไซต์หาคู่ของกลุ่มมุสลิม ชื่อ muslima.คอม
อิสลาม มิตัด
Muslima เว็บหาคู่ของชาวมุสลิม
ทั้งสองพูดคุยสร้างความสนิทสนมจนปลงใจรักกัน เมื่อความรักสุกงอม คาลิลก็ตัดสินใจบินมาดูตัวมิตัดที่โมร็อกโก จากนั้นจึงทำการสู่ขอหญิงสาวจากครอบครัวของเธอ พร้อมเอาบัญชีธนาคารมาแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถเลี้ยงดูเธอได้
มิตัดต้องการแต่งงานกับคาลิลอยู่แล้ว เพราะคิดว่าการย้ายไปอยู่อังกฤษจะช่วยให้เธอสามารถตามความฝันของการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ บิดามารดาก็มิได้กีดกัน งานแต่งงานอันอบอุ่นจึงบังเกิดขึ้น
หลังแต่งงาน คาลิลพามิตัดบินไปอัฟกานิสถานเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเขา ทั้งสองอยู่ที่นั่นเดือนหนึ่งคาลิลก็บอกมิตัดว่าเขาได้งานใหม่ที่ตุรกี ให้เธอตามไปอยู่กับเขาด้วย
จนถึงจุดนี้ชีวิตของมิตัดดูสวยหรูเหมือนความฝัน หากพอทั้งสองมาถึงตุรกี คาลิลกลับพาเธอเดินทางไปยังทิศทางแปลกๆ...
ทั้งสองเดินทางไปทางใต้ มุ่งสู่ชายแดนตุรกี - ซีเรีย และไปรวมกลุ่มกับชายหญิงอีกหลายคนในบ้านหลังหนึ่ง
...เมื่อมิตัดถามผู้หญิงคนหนึ่งว่าทุกคนจะไปไหนกัน ก็ได้รับคำตอบว่า "จะไปฮิจเราะห์"
ฮิจเราะห์คือชื่อเรียกเหตุการณ์ที่นบีมุฮัมมัดและผู้ติดตามอพยพหนีศัตรูไปยังที่ปลอดภัย ในบริบทสมัยใหม่ มันหมายถึงการที่มุสลิมอพยพจากดินแดนอันชั่วร้ายมีทรราชปกครอง ไปยังดินแดนแห่งคุณธรรมความดี
มิตัดฟังดังนั้นก็รู้สึกว่า "ไม่ใช่แล้ว"
เธอปฏิเสธที่จะเดินทางต่อ แต่คาลิลกลับบอกว่า "เธอเป็นภรรยาของฉัน ต้องเชื่อฟังฉัน"
หน้าพาสปอร์ตของคาลิล
มิตัดคิดว่าพอเดินทางไปถึงด่านผ่านแดน จะร้องขอความช่วยเหลือกับนายด่านตุรกี แต่พอไปถึงจริงๆ นายด่านกลับเปิดฉากยิงใส่กลุ่มของคาลิลโดยไม่บอกเหตุผล ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหนีตาย แต่ก็อ้อมเข้าซีเรียสำเร็จในที่สุด
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองจาลาบัส ที่นั่นมิตัดถูกจับไปอยู่ในบ้านที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกัน ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เบลเยียม ตูนิเซีย อัลจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย
ทุกคนมีดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชมยินดีที่ตนเองได้เข้ามาเป็นพลเมืองของรัฐอิสลามอันสูงส่งสถาพร (เรื่องนี้เกิดแล้วประมาณสองปีครึ่ง ตอนนั้น ISIS กำลังพีค)
มิตัดถูกจับแยกกับคาลิลแทบจะทันที พวก ISIS ส่งคาลิลไปฝึกทหารเพื่อต่อต้านพวกเคิร์ดที่กำลังบุกเข้ามาอย่างดุดัน
คาลิลฝึกทหารได้เดือนหนึ่งก็ถูกส่งไปรบกับเคิร์ดที่เมืองโคบานี
ศึกโคบานี
...ซึ่งอย่างที่เราทราบว่า โคบานีเป็นศึกใหญ่ มีนักรบ ISIS สังเวยชีวิตให้ศึกนี้หลายพันคน
คาลิลเพิ่งฝึกทหารเสร็จ พอเจอศึกระดับนี้เลย ก็ถูกเคิร์ดฆ่าตายตั้งแต่วันแรก
...ทิ้งให้มิตัดตกอยู่ในสภาพไม่มีทางออก ไม่มีที่ไป อยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้หญิงต่างชาติ พูดกันไม่รู้เรื่อง รู้แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่เธอกำลังอิน อุมบะๆ กับรัฐกาหลิบ
...และตอนนี้เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว...
หลังสามีตายมิตัดได้ย้ายไปอยู่กับน้องชายสามีซึ่งมาสวามิภักดิ์ ISIS เหมือนกัน หากไม่นานน้องสามีก็ถูกฆ่าอีกคน คราวนี้พวก ISIS จึงส่งเธอไปอยู่บ้านพักแห่งหนึ่งจนเธอคลอดลูกชายชื่ออับดุลลาห์
ครั้นทัพเคิร์ดบุกเข้าใกล้เมืองที่มิตัดอยู่ พวก ISIS จึงแจ้งว่าเธอจะต้องแต่งงานกับนักรบ ISIS คนใดคนหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของลูก และตัวเธอเอง และให้รีบหนีออกจากเมืองได้แล้ว
มิตัดจึงจำต้องแต่งงานกับเพื่อนชาวเยอรมันของสามี...
เธอกับสามีใหม่และลูกหนีไปเมืองมันบิจ แต่อย่างที่เรารู้ว่าเมืองมันบิจก็ถูกเคิร์ดตีแตกในเวลาต่อมา มิตัดจึงต้องหนีต่อไปยังเมืองรักกา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของพวก ISIS
เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ารัฐกาหลิบแห่งนี้ท่าจะสถาพรลำบาก ชาวต่างชาติหลายคนที่เคยลุ่มหลงมาสวามิภักดิ์ จับเนื้อจับตัวยังอุ่นๆ ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากตายไปขึ้นสวรรค์แล้ว ต่างจึงพากันคิดหนี
พวก ISIS ป้องกันการหลบหนีดังกล่าว โดยพยายามไม่ให้ชาวต่างชาติมีโอกาสติดต่อกับชาวซีเรียท้องถิ่น เพราะชาวซีเรียสามารถเข้าถึงเครือข่ายลอบพาคนข้ามแดน มิตัดแจ้งว่าค่าใช้จ่ายในการหลบหนีนั้นอาจแพงถึง 150,000 บาทต่อหัว
มิตัดไม่กล้าหลบหนีในทันที เพราะฟังว่าคนที่คิดหนีจะถูกพรากลูก และต้องเข้าโรงเรียนสอนศาสนาหลักสูตรเคร่งครัดเป็นเวลานาน ขณะที่ชาวซีเรียก็ไม่ค่อยอยากช่วยเธอ เพราะหากถูกจับได้ว่าช่วยชาวต่างชาติหนี จะต้องโทษประหาร (ISIS ปฏิบัติต่อชาวต่างชาติดีกว่าคนทั้งถิ่น โดยให้เงิน และสิทธิพิเศษมากกว่า เพื่อดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาสวามิภักดิ์ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเหตุให้สมาชิก ISIS ฝ่ายซีเรีย และฝ่ายต่างชาติเกลียดกัน ถึงแก่รบกันเองเนืองๆ)
ด้านชีวิตครอบครัว มิตัดไม่ชอบสามีใหม่เพราะเขาไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านเลย เธอจึงขอหย่ากับเขา
พวก ISIS ยังคงบังคับให้เธอแต่งงานครั้งที่สามกับนักรบสัญชาติอินเดีย คราวนี้มิตัดบอกว่าเขามีนิสัยสุภาพอ่อนโยน เธอจึงสามารถมอบความรักแก่เขาได้ และมีลูกสาวกันชื่อมัรยัม
แม้จะได้ครอบครัวที่ดีขึ้น แต่มิตัดก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ทุกวันได้ยินแต่เสียงกระสุนของเคิร์ด และเสียงระเบิดของเครื่องบินอเมริกา มีคนบาดเจ็บล้มตาย ไฟฟ้าประปาก็ถูกตัดคราวละนานๆ มิตัดกล่าวว่าแม้ ISIS จะชอบโฆษณาชวนเชื่อถึงชีวิตในรักกาที่สนุกสนานดังสวนสวรรค์ แต่เธอคอนเฟิร์มว่าตอนนั้นรู้สึกเหมือนตกนรก
ความสงบสุขในโฆษณาชวนเชื่อของ ISIS
ในที่สุด ISIS ก็บังคับให้สามีคนที่สามของมิตัดไปป้องกันเมืองทับกาจากพวกเคิร์ด
...อย่างที่ผมเขียนเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองว่าทับกาถูกเคิร์ดตีแตกอย่างไร ก็นั่นแหละครับ สามีคนที่สามของมิตัด ไปป้องกันเมืองทับกาแป๊บเดียวก็ถูกเคิร์ดฆ่า...
(ดูเรื่องศึกทับกาที่โพสต์นี้ https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat/posts/1360805220662850)
การตายของสามีคนที่สามทำให้มิตัดตัดสินใจเด็ดเดี่ยวขายทรัพย์สินทั้งหมด ทุ่มเทจ้างชาวซีเรียให้พาเธอหนี
โชคดีที่พวก ISIS วุ่นวายไม่อาจป้องกันแน่นหนา ทำให้มิตัดและลูกสามารถหลบไปถึงเขตแดนของพวกเคิร์ดสำเร็จ
ที่นั่นทหารเคิร์ดซึ่งเคยสังหารสามีเธอตายไปสองคน ...ก็ช่วยเธอ...
มิตัดและลูกถูกส่งไปยังบ้านพักที่ปลอดภัย พวกเคิร์ดยังติดต่อสถานทูตโมร๊อกโกในเมืองเบรุตให้หาทางพาเธอกลับบ้าน (แต่ขณะที่เรื่องนี้เป็นข่าวสถานทูตยังมิได้ตอบมาอย่างไร)
มี CNN ไปทำข่าวของมิตัดทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้น บิดาของเธอพยายามวิ่งเต้นเอาเธอกลับประเทศ มิตัดก็อยากกลับ แต่กังวลว่าเพื่อนร่วมชาติจะไม่ไว้วางใจที่เธอไปมีลูกกับ พวก ISIS
ปัจจุบันอิสลาม มิตัดอายุเพียง 23 ปี เมื่อสามปีก่อนเธอยังเป็นหญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ แต่บัดนี้เธอต้องกลายเป็นแม่ม่าย มีลูกสองคน มีสามีมาแล้วสามคน บอบช้ำทั้งกายใจ ตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่ทราบจะไปไหน ไม่ทราบอนาคต และมีตราบาปความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS ติดตัวไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
...บทเรียนของเรื่องนี้คือสิ่งใดกัน?...
มิตัดในบ้านที่พวกเคิร์ดหาให้
:::
อันนี้ Link ข่าว
http://edition.cnn.com/2017/04/26/middleeast/bride-of-isis-islam-mitat/index.html
อันนี้เพจผม จะลงเรื่องสงครามอิรักซีเรีย ประวัติศาสตร์ และการเมืองโลก หากสนใจกดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat