เผยประสบการณ์เลวร้ายจากปากของหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปเป็นทาสและที่ระบายความใคร่ให้กับสมาชิกสุดโหดของกลุ่มก่อการร้าย ISIS
Nadia Murad หญิงสาววัย 21 ปี ชาวอิรัก คือหนึ่งในบรรดาเหยื่อราว 5,000 คน ที่ถูกกลุ่มไอซิสซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อนำตัวพวกเธอไปใช้งานราวกับเป็นสิ่งของ ไม่ใช่มนุษย์
เธอเป็นนักศึกษาและอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Kocho ทางตอนเหนือของอิรักก่อนที่กลุ่มไอซิสจะบุกเข้ามาโจมตี ภายในเวลาชั่วโมงเดียวพวกเขาฆ่าผู้ชายไป 312 คน และจับผู้หญิงทั้งหมดไปเป็นทาส
พวกเธอทั้งหมดถูกนำตัวไปยังนครโมซูล และอยู่ที่นั่นสามวันก่อนจะถูก “จำหน่าย”
ผู้หญิงบางคนทนไม่ไหวจนต้องปลิดชีพตนเอง แต่ Murad ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย “ฉันไม่อยากฆ่าตัวตาย แต่ฉันอยากให้พวกเขาฆ่าฉันซะยังจะดีกว่า”
Murad ถูกขายให้กับชายคนหนึ่งที่มีทั้งภรรยาและลูกสาว แต่เธอไม่เคยเจอพวกเขา เธอถูกกักขังไว้ในห้องห้องเดียวตลอดเวลา
นี่เป็นภาพของ Samra Kesinovic อีกหนึ่งสาววัย 17 ที่หนีเข้าไปอยู่กับ ISIS แต่ในเวลาต่อมาเธอก็ทนไม่ไหวและได้พยายามหลบหนี น่าเศร้าที่ความพยายามของเธอจบลงด้วยการถูกจับตาย
เธอพยายามหลบหนีแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ Murad ถูกตบตีและถูกสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอซิส 6 คนรุมข่มขืน “พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายกับร่างกายฉันเพื่อเป็นการลงโทษจนกระทั่งฉันหมดสติไป”
หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่สามเดือนเต็ม เธอหนีออกมายังค่ายผู้อพยพสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 จากนั้นก็ได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี และมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศอียิปต์เพื่อเปิดเผยเรื่องราวโหดร้ายที่เคยเผชิญ
Murad เผยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยไคโรและประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซี แห่งอียิปต์ว่า
“กลุ่มไอซิสใช้กำลังบังคับให้สวดภาวนา จากนั้นก็ข่มขืนพวกเรา”
“พวกเรามีค่าน้อยเสียยิ่งกว่าสัตว์ พวกเขารุมข่มขืนเด็กสาว พวกเขาทำสิ่งที่เลวร้ายจนคนทั่วไปไม่สามารถจินตนาการได้”
Murad ยืนกรานว่าพวกเขาเป็นเพียงคนชั่วร้ายที่กระทำการโดยอ้างชื่อของศาสนาอิสลาม “ฉันต้องการให้โลกมุสลิมยืนหยัดต่อต้านการกระทำของไอซิส พวกเขาเป็นแค่คนชั่วที่ข่มขืนและก่อเหตุฆาตกรรมโดยอ้างศาสนาอิสลาม”
ที่มา: BusinessInsider
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/news/isis-slave 
เรื่องจริงจาก “ทาสกาม” หญิงสาวที่ถูก ISIS จับตัวไปกระทำย่ำยีทั้งกายและใจ!!
Nadia Murad หญิงสาววัย 21 ปี ชาวอิรัก คือหนึ่งในบรรดาเหยื่อราว 5,000 คน ที่ถูกกลุ่มไอซิสซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อนำตัวพวกเธอไปใช้งานราวกับเป็นสิ่งของ ไม่ใช่มนุษย์
เธอเป็นนักศึกษาและอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Kocho ทางตอนเหนือของอิรักก่อนที่กลุ่มไอซิสจะบุกเข้ามาโจมตี ภายในเวลาชั่วโมงเดียวพวกเขาฆ่าผู้ชายไป 312 คน และจับผู้หญิงทั้งหมดไปเป็นทาส
พวกเธอทั้งหมดถูกนำตัวไปยังนครโมซูล และอยู่ที่นั่นสามวันก่อนจะถูก “จำหน่าย”
ผู้หญิงบางคนทนไม่ไหวจนต้องปลิดชีพตนเอง แต่ Murad ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย “ฉันไม่อยากฆ่าตัวตาย แต่ฉันอยากให้พวกเขาฆ่าฉันซะยังจะดีกว่า”
Murad ถูกขายให้กับชายคนหนึ่งที่มีทั้งภรรยาและลูกสาว แต่เธอไม่เคยเจอพวกเขา เธอถูกกักขังไว้ในห้องห้องเดียวตลอดเวลา
นี่เป็นภาพของ Samra Kesinovic อีกหนึ่งสาววัย 17 ที่หนีเข้าไปอยู่กับ ISIS แต่ในเวลาต่อมาเธอก็ทนไม่ไหวและได้พยายามหลบหนี น่าเศร้าที่ความพยายามของเธอจบลงด้วยการถูกจับตาย
เธอพยายามหลบหนีแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ Murad ถูกตบตีและถูกสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอซิส 6 คนรุมข่มขืน “พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายกับร่างกายฉันเพื่อเป็นการลงโทษจนกระทั่งฉันหมดสติไป”
หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่สามเดือนเต็ม เธอหนีออกมายังค่ายผู้อพยพสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 จากนั้นก็ได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี และมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศอียิปต์เพื่อเปิดเผยเรื่องราวโหดร้ายที่เคยเผชิญ
Murad เผยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยไคโรและประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซี แห่งอียิปต์ว่า
“กลุ่มไอซิสใช้กำลังบังคับให้สวดภาวนา จากนั้นก็ข่มขืนพวกเรา”
“พวกเรามีค่าน้อยเสียยิ่งกว่าสัตว์ พวกเขารุมข่มขืนเด็กสาว พวกเขาทำสิ่งที่เลวร้ายจนคนทั่วไปไม่สามารถจินตนาการได้”
Murad ยืนกรานว่าพวกเขาเป็นเพียงคนชั่วร้ายที่กระทำการโดยอ้างชื่อของศาสนาอิสลาม “ฉันต้องการให้โลกมุสลิมยืนหยัดต่อต้านการกระทำของไอซิส พวกเขาเป็นแค่คนชั่วที่ข่มขืนและก่อเหตุฆาตกรรมโดยอ้างศาสนาอิสลาม”
ที่มา: BusinessInsider [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้