ช่วงนี้อากาศประเทศไทยแปรปรวนมากเลยค่ะคู๊ณณณ เดี๋ยวก็ร้อนนรกแตก เดี๋ยวก็พายุฝนพัดโหมกระหน่ำ นี่อากาศหรือสตรีก่อนมีประดำเดือนกันคะเนี่ย? เรียกได้ว่าปรับสภาพกันไม่ทันเลยทีเดียว
เดิมทีก็เป็นสาวแกร่งที่ใช้ชีวิตในกรุงสมบุกสมบั่นพอแล้ว แน่นอนว่ายิ่งมาเจอแดดเจอฝนขนาดนี้ เครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าเนี่ยก็ไม่รอดค่ะ!! ต่อให้โบกแป้งเติมหน้าวนเข้าไปเท่าไหร่ ก็มีแต่ พัง พัง พัง!! มันชอกช้ำใจเสียจริงๆค่ะคุณ และด้วยความอัดอั้นของอิชั้น จึงเป็นที่มาของกระทู้ในวันนี้ค่ะ !!
ส่วนตัวก็ชอบใช้แบรนด์ไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ เพราะคิดว่าเค้าออกแบบมาเพื่อผิวของคนไทยและสภาพอากาศแบบประเทศไทยโดยเฉพาะ และก็ถือว่าอุดหนุนสินค้าบ้านเราด้วยแฮปปี้ดีออก
ซึ่งวันนี้จะนำเอาแป้งพัฟแบรนด์ไทยที่ใช้อยู่ในกรุทั้งหมด 12 ตัวด้วยกันนี่แหล่ะ สนนราคาก็ตั้งแต่หลัก10 ยันหลัก100 มารีวิวประชดอากาศกันไปเล้ย และจะมีทดสอบประสิทธิภาพการ
ปกปิดคุมมันกันเหงื่อด้วยนะ เอาให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่าศึกครั้งนี้ใครคือตัวจริง!
บอกก่อนว่าผิวของอิชั้นนั้นเป็นคนผิวสองสีอันเดอร์โทนเหลืองตามฉบับของสาวไทยซึ่งแป้งส่วนใหญ่ที่มีก็จะประมาณเบอร์2และ3นะคะ และวันนี้แอบขอพลีชีพเบาๆด้วยการปาดบนหน้าให้ดูกันชัดๆ เปิดตัวด้วยหน้าสดๆแต่แอบมีคิ้วแบบนี้ก่อน..
เอาหล่ะค่ะ เรามาเริ่มกันเลย!
1. Butae super oil control powder เบอร์ 2
ตัวนี้ได้มาจากร้านเครื่องสำอางแถวบ้านค่ะ เป็นแป้งพัฟแบรนด์ไทยที่ราคาแสนจะถู๊กถูก ตลับเป็นพลาสติกตรงนี้ดูก๊องแก๊งไปนิดนึง แหม่ ก็สมราคาเค้าแหล่ะเนอะ สีแป้งเบอร์นี้ค่อนไปทางโทนเหลืองซึ่งพอดีสีผิวเรามาก ดูธรรมชาติสุดๆให้ฟินิชแมทแต่บางเบาเหมือนไม่ได้ทาเลยค่า
2. Zendori uv oil free SPF12 เบอร์ 2
สำหรับเซนโดริได้มาจาก 7-11 แถวบ้านนี่เองค่ะ ราคาหลักสิบอีกแล้ว ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเค้าว่าถูกและดีแต่สำหรับเรายังเฉยๆค่า เป็นสีเบอร์2มันมีไปทางอมชมพู ทำให้สาวไม่เหมาะกับสาวผิวสองสีเท่าไหร่เนอะ ส่วนเนื้อถ้าเทียบกับราคาเท่านี้ถือว่าดีค่ะเพราะเนื้อเนียนละเอียดใช้ได้
3. Celina UV Block Powder Foundation SPF15 เบอร์2
แป้งพริตตี้นี่เองค่า ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมเรียกต้องเรียกแป้งพริตตี้ คุณเพื่อนก็ให้ความกระจ่างมาว่าพริตตี้ชอบใช้นั่นเอง ตัวนี้ได้มาจากร้านเดียวกันกับตัวแรก เราเลือกสีเบอร์ 2 มาเพราะเค้าบอกมาว่าสำหรับผิวสองสีสรุปก็ขาวกว่าผิวตัวเองอยู่ดีจ้า เฟลไปเลย
4. Airi japanese pressed puff powder เบอร์2
แป้งตัวนี้ได้มาโดยบังเอิญจากพี่ที่รู้จักค่ะเค้าซื้อมาให้ลองใช้ เป็นแป้งแบรนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นกระปุกขนาดจะเล็กกว่าตัวอื่น ราคาก็ถือว่าน่ารักนะ ส่วนสีแป้งก็ค่อนข้างกลืนกับผิวเราอยู่ค่ะ
5. De Leaf Thanaka Superior Natural Cover Foundation Powder SPF 20 PA+++ เบอร์ 2
แป้งเดอลีฟตลับนี้ดูไฮมากค่ะคุณ มีส่วนผสมของทานาคาเค้าเคลมมาว่าอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายด้วยนะ สีแป้งเบอร์2นี้ออกไปทางเหลืองค่อยข้างกลืนไปกับผิวเราเลย แต่เนื้อแป้งเค้าไม่ได้แน่นเท่าไหร่โดยรวมถือว่าเนียนดี
6. แป้งเจ้านาง SPF 20 PA+++ เบอร์ 3
ต้องบอกว่าตัวนี้ได้มาเพราะความอยากลองล้วนๆเลยค่ะ เพราะทนเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นแป้งแบรนด์ไทยในราคาถูกและดีของเค้าไม่ไหว หน้าตาของตลับเป็นเอกลักษณ์ดีนะสื่อให้เห็นว่าเค้าเป็นแบรนด์ไทยเพื่อสาวไทยจริงๆ ส่วนเรื่องสีและเนื้อแป้งของเค้านี่คือต้องยอมกราบค่ะ พอทาปุ๊บเห็นเลยว่านางเข้ากับสีผิวของอีชั้นมากกๆ
มีความหน้าผ่องเด้งมากกก ( กอไก่ล้านตัว ) นางเอาอยู่นางทนทาน แล้วที่สำคัญอีชั้นทาเช้าจรดเย็นหน้าไม่มัน แบบนี้รักสุดๆไปเลย ถูกและดีซื้อวนไปค่ะ จะออกไปทางโทนเหลืองทุกเบอร์ที่เค้ามีน่าจะเหมาะกับผิวสาวไทยทุกคน และนับเป็นความโชคดีของอิชั้นที่ได้เจอแป้งเบอร์ตรงกับผิวสักที แถมปกปกดีด้วย อันนี้ปลื้มมาก
7. Sola Bounce Shiny Pact SPF 50 PA+++ เบอร์ 23
ตลับนี้คือแป้งดินน้ำมันจากแบรนด์ Sola ค่ะ เป็นแบรนด์ไทยสไตล์เกาหลี ส่วนตัวเคยลองบีบีครีมเค้าแล้วชอบนะมันดีมาก แต่พอมาเป็นแป้งดินน้ำมันตัวนี้สำหรับเจ้คิดว่ายังไม่เวิคเท่าไหร่เพราะเนื้อแป้งหนาไป ส่วนสีก็ออกไปทางคนผิวขาวถึงขาวมาก ถึงจะใช้ได้แต่ถ้าใครเป็นสาวผิวสองสีต้องข้ามไปก่อนเลยจ้า
8. Ver88 bounce up pact spf 50 pa+++ เบอร์ 01
Ver 88 นี่ถือว่าเป็นแป้งดินน้ำมันเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ที่ทำออกมาขาย เนื้อแป้งเค้าจะมีความเป็นเจลลี่แถมเคลมกันหนักมากค่ะว่าปกปิดและกันน้ำได้ดีเยี่ยม แต่ๆๆ อิชั้นว่ามันไม่รอดมากๆโดยเฉพาะเรื่องสีมีความลอยมาแต่ไกลเหมือนใส่หน้ากากอยู่ อ่ะโอเค! ยอมรับค่ะว่าเค้าปกปิดและทำได้ดีกว่าแป้งพัฟธรรมดานะ แต่คือถ้าสีทำออกมาได้พอดีกับสาวไทยอย่างเราจะดีกว่านี้
9. Srichand luminescence glowing brilliance perfecting powder spf20 pa+++ สี honey
ต้องยอมรับในแพคเกจจิ้งที่เค้าปรับมาใหม่มากค่ะไล่สีสวยจริงๆ ตัวนี้เพิ่งถอยมาได้ไม่นานจากวัตสัน สีhoney เข้มสุดในไลน์ออกไปทางโทนเหลืองแต่ก็ยังมีความติดชมพูมานิดๆนะคะโดยรวมเนื้อแป้งมีความเนียนละเอียดดี ปกปิดเบาๆเหมือนไม่ได้ทา
10. Babalah uv 2 way SPF20 PA++ เบอร์ 02
ขยับมาที่ไลน์แป้งที่เกินห้าร้อยกันบ้าง ตัวนี้คือแป้งบาบาร่าหรือแป้งแม่มดอันโด่งดังนี่เองค่ะ สัมผัสแรกที่ได้ทาคือเนียนเลยนะ แต่ตอนแรกมันจะสว่างกว่าผิวไปสักหน่อย แต่ทิ้งไว้ไปสักระยะมันดรอปลงมากลืนไปกับผิวเราพอดีเลย
11. RAN Cover Matte Oil Control Powder Spf 30 pa+++ เบอร์ 11
แป้งรันหรือแป้งของพี่ “น้องฉัตร”ช่างแต่งหน้าตัวท๊อปของเมืองไทยนี่เองค่ะ ส่วนตัวอิชั้นชอบแพคเกจเค้ามากมีความเป็นญี่ปุ่น ส่วนเนื้อสัมผัสมีความแมทเนียนดี แต่อิชั้นพลาดเรื่องสีมากค่ะ อันนี้ยอมรับผิดว่าสั่งมาผิดเบอร์เพราะความเซ่อเองทำให้ขาวกว่าหน้าไปหลายเบอร์ จนตอนนี้เอาไปทาเป็นไฮไลท์แทนค่ะจะไม่ใช้ก็เสียดายของเค้าก็เคลมมาว่าปกปิดกันน้ำกันเหงื่ออยู่นะ ผลจะเป็นยังไงต้องมารอดูกันค่ะ
12. Nario llarias moist n’ matte balanceing powder No.11
ในที่สุด! เราก็มาถึงผู้เข้าแข่งขันสุดท้ายแล้วจ้า แป้งตัวนี้มีชื่อว่านาริโอะลาเรียส ตลับดำๆแบบนี้ สีแป้งเค้าออกเป็นโทนเหลืองค่ะ เนื้อแป้งมีความเนียนนะ สัมผัสทาแล้วมันแมทกลืนไปกับผิวดีค่า
ยังค่ะ ยังไม่สาแก่ใจอิช้อย! ก็เลยจัดแบบทดทดสอบให้กับแป้ง12ตัวได้มาประชันพร้อมกันไปเลยค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
ส่วนแรก
ทาแป้งลงบนจุดด่างดำ = ทดสอบการปกปิด
ส่วนที่สอง
ฉีดสเปรย์น้ำแร่ = จำลองการการกันน้ำกันเหงื่อ
อิชั้นปาดแป้งทุกตัวลงบนแขน1รอบ สังเกตได้ว่าแป้งทุกตัวปกปิดได้ในระดับนึง แต่ที่เห็นว่าสามารถทำได้ดีเลยเป็นแป้งเจ้านางค่ะ ดูธรรมชาติสุด ส่วนที่ตามมาติดๆคือver88กับsola ก็ถือว่าปกปิดดีแต่แอบมีความวอกลอยแบบเห็นได้ชัด
ส่วนพาร์ทนี้อิชั้นเอาสเปรย์น้ำแร่มากระหน่ำฉีดบนแขนเพื่อทดสอบการกันน้ำกันเหงื่อ เห็นได้ชัดเลยว่าใครยังอยู่รอดบ้าง ตัวแรกที่เริ่มจางหายไปเร็วมากเลยคือบูเต้กับศรีจันทร์ค่ะ ส่วนตัวอื่นก็ยังสามารถรอดมา ได้ แต่ที่เด็ดสุดในพาร์ทนี้คือแป้งที่แทบไม่กระดิกไปไหนอย่างเจ้านาง,sola,ver88 ต้องยอมกราบเลยค่า ณ จุดๆนี้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? แต่ละตัวนี่สู้กันยิบตามากเลย จะเห็นได้ว่าแป้งหลายๆตัวก็มาตกม้าตายในพาร์ทของการกันน้ำไปเยอะเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีผู้รอดกลับมาได้ เอ้า ปรบมือหน่อยเร๊ววว!!! พูดเลยนะคะว่าแป้งฝั่งยุโรปก็ทำไม่ได้ ส่วนHi-end น่ะเหรอ หึ! อย่าหวังเลย ต้องแบรนด์ไทยเท่านั้น หุ๊หุ๊ และสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ก็หวังว่าจะถูกอกถูกใจสาวไทยที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันแบบอิชั้นนะคะ
ส่วนวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน กราบสวัสดีค่าาาาา /เดินสวยๆออกจากกระทู้
ชื่อสินค้า: Butae , Zendori , Celina , Airi , De Leaf Thanaka , แป้งเจ้านาง , Sola , Ver88 , Srichand , Babalah , Nario , RAN
คะแนน:
[CR] รีวิว 12 แป้งแบรนด์ไทยสายสตรอง!! ตัวไหนจะรับมือทั้งแดดทั้งฝนได้ถึกทนกว่ากัน!!
เดิมทีก็เป็นสาวแกร่งที่ใช้ชีวิตในกรุงสมบุกสมบั่นพอแล้ว แน่นอนว่ายิ่งมาเจอแดดเจอฝนขนาดนี้ เครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าเนี่ยก็ไม่รอดค่ะ!! ต่อให้โบกแป้งเติมหน้าวนเข้าไปเท่าไหร่ ก็มีแต่ พัง พัง พัง!! มันชอกช้ำใจเสียจริงๆค่ะคุณ และด้วยความอัดอั้นของอิชั้น จึงเป็นที่มาของกระทู้ในวันนี้ค่ะ !!
ส่วนตัวก็ชอบใช้แบรนด์ไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ เพราะคิดว่าเค้าออกแบบมาเพื่อผิวของคนไทยและสภาพอากาศแบบประเทศไทยโดยเฉพาะ และก็ถือว่าอุดหนุนสินค้าบ้านเราด้วยแฮปปี้ดีออก
ซึ่งวันนี้จะนำเอาแป้งพัฟแบรนด์ไทยที่ใช้อยู่ในกรุทั้งหมด 12 ตัวด้วยกันนี่แหล่ะ สนนราคาก็ตั้งแต่หลัก10 ยันหลัก100 มารีวิวประชดอากาศกันไปเล้ย และจะมีทดสอบประสิทธิภาพการปกปิดคุมมันกันเหงื่อด้วยนะ เอาให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่าศึกครั้งนี้ใครคือตัวจริง!
บอกก่อนว่าผิวของอิชั้นนั้นเป็นคนผิวสองสีอันเดอร์โทนเหลืองตามฉบับของสาวไทยซึ่งแป้งส่วนใหญ่ที่มีก็จะประมาณเบอร์2และ3นะคะ และวันนี้แอบขอพลีชีพเบาๆด้วยการปาดบนหน้าให้ดูกันชัดๆ เปิดตัวด้วยหน้าสดๆแต่แอบมีคิ้วแบบนี้ก่อน..
1. Butae super oil control powder เบอร์ 2
ตัวนี้ได้มาจากร้านเครื่องสำอางแถวบ้านค่ะ เป็นแป้งพัฟแบรนด์ไทยที่ราคาแสนจะถู๊กถูก ตลับเป็นพลาสติกตรงนี้ดูก๊องแก๊งไปนิดนึง แหม่ ก็สมราคาเค้าแหล่ะเนอะ สีแป้งเบอร์นี้ค่อนไปทางโทนเหลืองซึ่งพอดีสีผิวเรามาก ดูธรรมชาติสุดๆให้ฟินิชแมทแต่บางเบาเหมือนไม่ได้ทาเลยค่า
2. Zendori uv oil free SPF12 เบอร์ 2
สำหรับเซนโดริได้มาจาก 7-11 แถวบ้านนี่เองค่ะ ราคาหลักสิบอีกแล้ว ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเค้าว่าถูกและดีแต่สำหรับเรายังเฉยๆค่า เป็นสีเบอร์2มันมีไปทางอมชมพู ทำให้สาวไม่เหมาะกับสาวผิวสองสีเท่าไหร่เนอะ ส่วนเนื้อถ้าเทียบกับราคาเท่านี้ถือว่าดีค่ะเพราะเนื้อเนียนละเอียดใช้ได้
3. Celina UV Block Powder Foundation SPF15 เบอร์2
แป้งพริตตี้นี่เองค่า ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมเรียกต้องเรียกแป้งพริตตี้ คุณเพื่อนก็ให้ความกระจ่างมาว่าพริตตี้ชอบใช้นั่นเอง ตัวนี้ได้มาจากร้านเดียวกันกับตัวแรก เราเลือกสีเบอร์ 2 มาเพราะเค้าบอกมาว่าสำหรับผิวสองสีสรุปก็ขาวกว่าผิวตัวเองอยู่ดีจ้า เฟลไปเลย
4. Airi japanese pressed puff powder เบอร์2
แป้งตัวนี้ได้มาโดยบังเอิญจากพี่ที่รู้จักค่ะเค้าซื้อมาให้ลองใช้ เป็นแป้งแบรนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นกระปุกขนาดจะเล็กกว่าตัวอื่น ราคาก็ถือว่าน่ารักนะ ส่วนสีแป้งก็ค่อนข้างกลืนกับผิวเราอยู่ค่ะ
5. De Leaf Thanaka Superior Natural Cover Foundation Powder SPF 20 PA+++ เบอร์ 2
แป้งเดอลีฟตลับนี้ดูไฮมากค่ะคุณ มีส่วนผสมของทานาคาเค้าเคลมมาว่าอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายด้วยนะ สีแป้งเบอร์2นี้ออกไปทางเหลืองค่อยข้างกลืนไปกับผิวเราเลย แต่เนื้อแป้งเค้าไม่ได้แน่นเท่าไหร่โดยรวมถือว่าเนียนดี
6. แป้งเจ้านาง SPF 20 PA+++ เบอร์ 3
ต้องบอกว่าตัวนี้ได้มาเพราะความอยากลองล้วนๆเลยค่ะ เพราะทนเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นแป้งแบรนด์ไทยในราคาถูกและดีของเค้าไม่ไหว หน้าตาของตลับเป็นเอกลักษณ์ดีนะสื่อให้เห็นว่าเค้าเป็นแบรนด์ไทยเพื่อสาวไทยจริงๆ ส่วนเรื่องสีและเนื้อแป้งของเค้านี่คือต้องยอมกราบค่ะ พอทาปุ๊บเห็นเลยว่านางเข้ากับสีผิวของอีชั้นมากกๆ
มีความหน้าผ่องเด้งมากกก ( กอไก่ล้านตัว ) นางเอาอยู่นางทนทาน แล้วที่สำคัญอีชั้นทาเช้าจรดเย็นหน้าไม่มัน แบบนี้รักสุดๆไปเลย ถูกและดีซื้อวนไปค่ะ จะออกไปทางโทนเหลืองทุกเบอร์ที่เค้ามีน่าจะเหมาะกับผิวสาวไทยทุกคน และนับเป็นความโชคดีของอิชั้นที่ได้เจอแป้งเบอร์ตรงกับผิวสักที แถมปกปกดีด้วย อันนี้ปลื้มมาก
7. Sola Bounce Shiny Pact SPF 50 PA+++ เบอร์ 23
ตลับนี้คือแป้งดินน้ำมันจากแบรนด์ Sola ค่ะ เป็นแบรนด์ไทยสไตล์เกาหลี ส่วนตัวเคยลองบีบีครีมเค้าแล้วชอบนะมันดีมาก แต่พอมาเป็นแป้งดินน้ำมันตัวนี้สำหรับเจ้คิดว่ายังไม่เวิคเท่าไหร่เพราะเนื้อแป้งหนาไป ส่วนสีก็ออกไปทางคนผิวขาวถึงขาวมาก ถึงจะใช้ได้แต่ถ้าใครเป็นสาวผิวสองสีต้องข้ามไปก่อนเลยจ้า
8. Ver88 bounce up pact spf 50 pa+++ เบอร์ 01
Ver 88 นี่ถือว่าเป็นแป้งดินน้ำมันเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ที่ทำออกมาขาย เนื้อแป้งเค้าจะมีความเป็นเจลลี่แถมเคลมกันหนักมากค่ะว่าปกปิดและกันน้ำได้ดีเยี่ยม แต่ๆๆ อิชั้นว่ามันไม่รอดมากๆโดยเฉพาะเรื่องสีมีความลอยมาแต่ไกลเหมือนใส่หน้ากากอยู่ อ่ะโอเค! ยอมรับค่ะว่าเค้าปกปิดและทำได้ดีกว่าแป้งพัฟธรรมดานะ แต่คือถ้าสีทำออกมาได้พอดีกับสาวไทยอย่างเราจะดีกว่านี้
9. Srichand luminescence glowing brilliance perfecting powder spf20 pa+++ สี honey
ต้องยอมรับในแพคเกจจิ้งที่เค้าปรับมาใหม่มากค่ะไล่สีสวยจริงๆ ตัวนี้เพิ่งถอยมาได้ไม่นานจากวัตสัน สีhoney เข้มสุดในไลน์ออกไปทางโทนเหลืองแต่ก็ยังมีความติดชมพูมานิดๆนะคะโดยรวมเนื้อแป้งมีความเนียนละเอียดดี ปกปิดเบาๆเหมือนไม่ได้ทา
10. Babalah uv 2 way SPF20 PA++ เบอร์ 02
ขยับมาที่ไลน์แป้งที่เกินห้าร้อยกันบ้าง ตัวนี้คือแป้งบาบาร่าหรือแป้งแม่มดอันโด่งดังนี่เองค่ะ สัมผัสแรกที่ได้ทาคือเนียนเลยนะ แต่ตอนแรกมันจะสว่างกว่าผิวไปสักหน่อย แต่ทิ้งไว้ไปสักระยะมันดรอปลงมากลืนไปกับผิวเราพอดีเลย
11. RAN Cover Matte Oil Control Powder Spf 30 pa+++ เบอร์ 11
แป้งรันหรือแป้งของพี่ “น้องฉัตร”ช่างแต่งหน้าตัวท๊อปของเมืองไทยนี่เองค่ะ ส่วนตัวอิชั้นชอบแพคเกจเค้ามากมีความเป็นญี่ปุ่น ส่วนเนื้อสัมผัสมีความแมทเนียนดี แต่อิชั้นพลาดเรื่องสีมากค่ะ อันนี้ยอมรับผิดว่าสั่งมาผิดเบอร์เพราะความเซ่อเองทำให้ขาวกว่าหน้าไปหลายเบอร์ จนตอนนี้เอาไปทาเป็นไฮไลท์แทนค่ะจะไม่ใช้ก็เสียดายของเค้าก็เคลมมาว่าปกปิดกันน้ำกันเหงื่ออยู่นะ ผลจะเป็นยังไงต้องมารอดูกันค่ะ
12. Nario llarias moist n’ matte balanceing powder No.11
ในที่สุด! เราก็มาถึงผู้เข้าแข่งขันสุดท้ายแล้วจ้า แป้งตัวนี้มีชื่อว่านาริโอะลาเรียส ตลับดำๆแบบนี้ สีแป้งเค้าออกเป็นโทนเหลืองค่ะ เนื้อแป้งมีความเนียนนะ สัมผัสทาแล้วมันแมทกลืนไปกับผิวดีค่า
ยังค่ะ ยังไม่สาแก่ใจอิช้อย! ก็เลยจัดแบบทดทดสอบให้กับแป้ง12ตัวได้มาประชันพร้อมกันไปเลยค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
ส่วนแรก ทาแป้งลงบนจุดด่างดำ = ทดสอบการปกปิด
ส่วนที่สอง ฉีดสเปรย์น้ำแร่ = จำลองการการกันน้ำกันเหงื่อ
อิชั้นปาดแป้งทุกตัวลงบนแขน1รอบ สังเกตได้ว่าแป้งทุกตัวปกปิดได้ในระดับนึง แต่ที่เห็นว่าสามารถทำได้ดีเลยเป็นแป้งเจ้านางค่ะ ดูธรรมชาติสุด ส่วนที่ตามมาติดๆคือver88กับsola ก็ถือว่าปกปิดดีแต่แอบมีความวอกลอยแบบเห็นได้ชัด
ส่วนพาร์ทนี้อิชั้นเอาสเปรย์น้ำแร่มากระหน่ำฉีดบนแขนเพื่อทดสอบการกันน้ำกันเหงื่อ เห็นได้ชัดเลยว่าใครยังอยู่รอดบ้าง ตัวแรกที่เริ่มจางหายไปเร็วมากเลยคือบูเต้กับศรีจันทร์ค่ะ ส่วนตัวอื่นก็ยังสามารถรอดมา ได้ แต่ที่เด็ดสุดในพาร์ทนี้คือแป้งที่แทบไม่กระดิกไปไหนอย่างเจ้านาง,sola,ver88 ต้องยอมกราบเลยค่า ณ จุดๆนี้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? แต่ละตัวนี่สู้กันยิบตามากเลย จะเห็นได้ว่าแป้งหลายๆตัวก็มาตกม้าตายในพาร์ทของการกันน้ำไปเยอะเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีผู้รอดกลับมาได้ เอ้า ปรบมือหน่อยเร๊ววว!!! พูดเลยนะคะว่าแป้งฝั่งยุโรปก็ทำไม่ได้ ส่วนHi-end น่ะเหรอ หึ! อย่าหวังเลย ต้องแบรนด์ไทยเท่านั้น หุ๊หุ๊ และสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ก็หวังว่าจะถูกอกถูกใจสาวไทยที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันแบบอิชั้นนะคะ