สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นความจริงที่มงโกลเกือบจะพิชิตยุโรปได้ในการรุกรานครั้งแรก แต่เพราะข่านผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตทำให้กองทัพต้องยกกลับไปเพื่อตกลงเรื่องการสืบทอดอำนาจ หลังจากได้ผู้สืบทอดเรียบร้อยแล้ว มงโกลก็ยกทัพกลับมาตะวันตกอีกครั้งเพื่อสานต่อแผนปกครองโลกของข่าน แต่การกลับมาครั้งที่สองนี้ผลลัพท์กลับแตกต่างไปจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
มงโกลเริ่มการรุกรานอีกครั้งทางด้านใต้ของแนวรบ ขยายดินแดนเข้าไปในตะวันออกกลาง จากแบกแดดมุ่งหน้าสู่ซีเรียซึ่งอยู่ใต้อำนาจของอียิปต์ในขณะนั้น ทำให้ต้องเปิดศึกกับกองทัพมัมลุค (Mamluk) แห่งอียิปต์ ถ้ามงโกลคือยอดนักรบ มัมลุคก็ขั้นเทพ เพราะสามารถพิชิตศึกใหญ่มงโกลสามครั้งทั้งๆที่อียิปต์มีกำลังน้อยกว่าเป็นเท่าตัว ศึกใหญ่ครั้งแรกมงโกลรุกรานซีเรียซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ด้วยกำลังที่มากกว่าราวสามเท่า มัมลุกไม่ยอมสู้กลางแปลง พาทหารเข้าไปตั้งรับในเมือง มงโกลไม่ถนัดทำสงครามตีเมืองจึงได้แต่เที่ยวปล้นสดมภ์พื้นที่รอบๆ แต่มัมลุคก็ยังคงปิดเมืองเฉยอยู่จนมงโกลประมาทคิดว่าข้าศึกกลัวไม่กล้าสู้ด้วย จึงแบ่งแยกกองทัพส่วนใหญ่ไปทางอื่น ทำให้ทั้งสองฝ่ายเหลือกำลังในพื้นที่กำลังเท่าๆกัน มัมลุคจึงได้โอกาสตอบโต้ และทำให้มงโกลประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นครั้งแรกที่ Ain Jalut กองทัพที่รั้งอยู่ในซีเรียถูกฆ่าตายหมด Kitbuqa ยอดขุนพลมงโกลผู้พิชิตแบกแดดและดามัสกัส ถูกจับเป็นเชลยและถูกประหาร ศึกครั้งที่สองที่ Homs มงโกลเกณฑ์พลมามากมายหมายจะล้างแค้น เมื่อเผชิญหน้ากันมองโกลมีกำลังมากกว่าอียิปต์ถึงสามเท่า มงโกลใช้ยุทธวิธีคลาสสิกสยายปีกเข้าโอบล้อมทหารมัมลุคไว้ตรงกลาง แทนที่มัมลุคที่มีกำลังน้อยกว่าจะหนีกลับเลือกเข้าปะทะตรงๆ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ดูโง่เขลาและขัดกับตำราพิชัยสงครามทุกสำนัก แต่แทนที่สงครามจะจบลงโดยมัมลุคจะถูกโอบล้อมและถูกบดขยี้ กลับกลายเป็นมัมลุคสามารถเจาะทะลุแนวทหารมงโกลเข้าไปจนถึงกลุ่มแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ กองบัญชาการมงโกลถูกทำลาย แม่ทัพนายกองถูกสังหาร Temur เชื้อพระวงศ์มงโกลได้รับบาดเจ็บสาหัส การสูญเสียผู้บัญชาการทำให้ทั้งกองทัพต้องถอยกลับ สงครามที่ Homs เป็นเรื่องน่าทึ่ง แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่นักการทหารยกย่องคือการศึกครั้งสุดท้ายที่ Marj al-Saffar ซึ่งตัดสินสงครามขั้นเด็ดขาดในเวลาเพียงสี่วัน ทัพมงโกลหนึ่งแสนที่เป็นฝ่ายรุกไล่ตลอดสามวันแรก ในขณะที่เหมือนชัยชนะอยู่แค่เอื้อม กลับพลาดท่าถูกกลศึกที่ธารน้ำและถูกฆ่าตายเกือบหมด แต่แม่ทัพหนีรอดกลับไปได้พร้อมทหารที่เหลือไม่กี่ร้อย ข่านผู้ยิ่งใหญ่แตกตื่นจนเลือดกำเดาไหลเมื่อทราบว่ากองทัพมงโกลอันเกรียงไกรถูกทำลายหมดทั้งกองทัพภายในวันเดียว
น่าเสียดายที่คนไทยไม่ค่อยสนใจเรื่องของมัมลุคแห่งอียิปต์ มัมลุคคือผู้พิชิตมงโกลและช่วยให้ซีกโลกตะวันตกรอดพ้นจากการถูกมงโกลยึดครอง หลังศึกครั้งสุดท้ายมงโกลเหลือกำลังแค่พอรักษาดินแดนที่ตีมาได้เท่านั้น ไม่มีกำลังพอจะไปรุกรานใครได้อีก และจำต้องทำสัญญาสงบศึกกับอียิปต์ เป็นการปิดยุคสมัยของการขยายดินแดนมงโกลทางซีกโลกตะวันตกเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตามมงโกลก็ได้ช่วยให้ยุโรปรอดพ้นจากการถูกมุสลิมยึดครอง เพราะแม้มัมลุคจะชนะศึกแต่ก็เสียหายอย่างมหาศาลเช่นกัน ถ้าหากมงโกลไม่รุกรานอียิปต์ในช่วงนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่มัมลุคแห่งอียิปต์ที่กำลังกล้าแข็งสุดขีดอาจจะเข้ารุกรานและยึดครองยุโรปก็เป็นได้
มงโกลเริ่มการรุกรานอีกครั้งทางด้านใต้ของแนวรบ ขยายดินแดนเข้าไปในตะวันออกกลาง จากแบกแดดมุ่งหน้าสู่ซีเรียซึ่งอยู่ใต้อำนาจของอียิปต์ในขณะนั้น ทำให้ต้องเปิดศึกกับกองทัพมัมลุค (Mamluk) แห่งอียิปต์ ถ้ามงโกลคือยอดนักรบ มัมลุคก็ขั้นเทพ เพราะสามารถพิชิตศึกใหญ่มงโกลสามครั้งทั้งๆที่อียิปต์มีกำลังน้อยกว่าเป็นเท่าตัว ศึกใหญ่ครั้งแรกมงโกลรุกรานซีเรียซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ด้วยกำลังที่มากกว่าราวสามเท่า มัมลุกไม่ยอมสู้กลางแปลง พาทหารเข้าไปตั้งรับในเมือง มงโกลไม่ถนัดทำสงครามตีเมืองจึงได้แต่เที่ยวปล้นสดมภ์พื้นที่รอบๆ แต่มัมลุคก็ยังคงปิดเมืองเฉยอยู่จนมงโกลประมาทคิดว่าข้าศึกกลัวไม่กล้าสู้ด้วย จึงแบ่งแยกกองทัพส่วนใหญ่ไปทางอื่น ทำให้ทั้งสองฝ่ายเหลือกำลังในพื้นที่กำลังเท่าๆกัน มัมลุคจึงได้โอกาสตอบโต้ และทำให้มงโกลประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นครั้งแรกที่ Ain Jalut กองทัพที่รั้งอยู่ในซีเรียถูกฆ่าตายหมด Kitbuqa ยอดขุนพลมงโกลผู้พิชิตแบกแดดและดามัสกัส ถูกจับเป็นเชลยและถูกประหาร ศึกครั้งที่สองที่ Homs มงโกลเกณฑ์พลมามากมายหมายจะล้างแค้น เมื่อเผชิญหน้ากันมองโกลมีกำลังมากกว่าอียิปต์ถึงสามเท่า มงโกลใช้ยุทธวิธีคลาสสิกสยายปีกเข้าโอบล้อมทหารมัมลุคไว้ตรงกลาง แทนที่มัมลุคที่มีกำลังน้อยกว่าจะหนีกลับเลือกเข้าปะทะตรงๆ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ดูโง่เขลาและขัดกับตำราพิชัยสงครามทุกสำนัก แต่แทนที่สงครามจะจบลงโดยมัมลุคจะถูกโอบล้อมและถูกบดขยี้ กลับกลายเป็นมัมลุคสามารถเจาะทะลุแนวทหารมงโกลเข้าไปจนถึงกลุ่มแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ กองบัญชาการมงโกลถูกทำลาย แม่ทัพนายกองถูกสังหาร Temur เชื้อพระวงศ์มงโกลได้รับบาดเจ็บสาหัส การสูญเสียผู้บัญชาการทำให้ทั้งกองทัพต้องถอยกลับ สงครามที่ Homs เป็นเรื่องน่าทึ่ง แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่นักการทหารยกย่องคือการศึกครั้งสุดท้ายที่ Marj al-Saffar ซึ่งตัดสินสงครามขั้นเด็ดขาดในเวลาเพียงสี่วัน ทัพมงโกลหนึ่งแสนที่เป็นฝ่ายรุกไล่ตลอดสามวันแรก ในขณะที่เหมือนชัยชนะอยู่แค่เอื้อม กลับพลาดท่าถูกกลศึกที่ธารน้ำและถูกฆ่าตายเกือบหมด แต่แม่ทัพหนีรอดกลับไปได้พร้อมทหารที่เหลือไม่กี่ร้อย ข่านผู้ยิ่งใหญ่แตกตื่นจนเลือดกำเดาไหลเมื่อทราบว่ากองทัพมงโกลอันเกรียงไกรถูกทำลายหมดทั้งกองทัพภายในวันเดียว
น่าเสียดายที่คนไทยไม่ค่อยสนใจเรื่องของมัมลุคแห่งอียิปต์ มัมลุคคือผู้พิชิตมงโกลและช่วยให้ซีกโลกตะวันตกรอดพ้นจากการถูกมงโกลยึดครอง หลังศึกครั้งสุดท้ายมงโกลเหลือกำลังแค่พอรักษาดินแดนที่ตีมาได้เท่านั้น ไม่มีกำลังพอจะไปรุกรานใครได้อีก และจำต้องทำสัญญาสงบศึกกับอียิปต์ เป็นการปิดยุคสมัยของการขยายดินแดนมงโกลทางซีกโลกตะวันตกเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตามมงโกลก็ได้ช่วยให้ยุโรปรอดพ้นจากการถูกมุสลิมยึดครอง เพราะแม้มัมลุคจะชนะศึกแต่ก็เสียหายอย่างมหาศาลเช่นกัน ถ้าหากมงโกลไม่รุกรานอียิปต์ในช่วงนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่มัมลุคแห่งอียิปต์ที่กำลังกล้าแข็งสุดขีดอาจจะเข้ารุกรานและยึดครองยุโรปก็เป็นได้
แสดงความคิดเห็น
ทำไมทหารมองโกล ถึงอ่อนแอขนาดโดนชาวฮั่นตะเพิดง่ายในสมัยปลายหยวนครับ?