มีหลายครั้งเลยค่ะที่เรารู้สึก รู้สึกว่ามีชีวิตเเล้วรู้สึกทุกข์ บอกตามตรงเดิมทีไม่ใช่คนที่มีความเชื่ออยู่แล้ว เรารู้สึกว่าการที่ใครสักคนฆ่าตัวตายทำไมถึงผิดบาป ทั้งๆที่นั่นคือสิ่งที่ไม่ใช่คิดขึ้นเพียงชั่ววูบเเล้วตัดสินใจที่จะทำ มันเป็นสิ่งที่สะสมมานานมากๆ
ทุกวันนี้เราคิดว่าถ้าเราขาดสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเราไปตอนนี้เรายังจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? แต่ว่าเหตุผลที่เรายังอยู่ทุกวันไม่ใช่เพราะคนในครอบครัวเลย ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนรู้จักใกล้ตัวแม้แต่คนเดียวที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อ พวกเขามีแต่ทำให้เราท้อในการใช้ชีวิตที่มีอยู่ หลายคนอาจตะบอกว่า อ้าว ที่เป็นเเบบนี้เพราะเราขาดความอดทนหรือเปล่า? ไม่เลย เราไม่ใช่คนที่ขาดความอดทน แต่เราเป็นคนที่เก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวเอง เพราะอะไร? เพราะเรารู้สึกว่าคนรอบตัวไม่ใช่คนที่จะมาตอบคำถามที่เราสงสัยได้ เราคิดว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไร ถามไปจะมีแต่เรื่องใหญ่โตที่ตามมา เราแค่ต้องการเวลาคิด ไม่ใช่ให้เขามาตัดสินใจแทนเรา แต่อย่างน้อยๆครอบครัวของเราก็ดีแล้วจริงๆ บางครั้งเราคิดว่าเราเป็นโรคโซเชียลโฟเบียหรือเปล่า? เพราะเรารู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่คุยกับเพื่อนที่เรามี อาจจะไม่ใช่เรากลัวทุกคน จะว่าเราเว่อร์ก็ได้แต่เรารู้สึกขยะแขยงเพื่อนที่เรามี ถ้าเราเลือกว่าอยู่ในสังคมแบบไหนได้ก็คงจะดี
เพื่อนที่ต่อหน้ายิ้มให้เราลับหลังอาจนินทาเราให้ใครต่อใครฟัง ถามว่ารู้ได้อย่างไร? สิ่งที่คุณทำตอนอยู่ต่อหน้าเรากับคนอื่นมันคงไม่ต่างกันนัก เพื่อนที่ดูถูกงานอดิเรกของคนอื่น ก็จริง เขาคงไม่รู้ว่านี่แทบจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวของเรา เพื่อนที่พูดจาดีกับเราแค่ตอนที่มีประโยชน์ จะว่าเราแปลกด็ได้ แต่เราอยากจะรู้จักคนอื่นแค่ผิวเผินให้หมด เพื่อที่จะไม่ต้องมารู้นิสัยกับธาตุแท้ของใครแล้วผิดหวังในตัวเขา เราอาจจะดูเป็นคนขี้แพ้ในสายตาคนอื่น ที่ตัวเราคิดแบบนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อน ว่าที่เราเล่าไป เราตัดสินใจนานมาก การที่เราระบายซักครั้งมันเป็นช่วงที่ตัดสินใจยากสุดๆ
ปล.ขอให้เราทนเรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้ได้ ขอให้เรื่องที่เเล้วๆมาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขอให้ทุกคนให้เกียรติกันและกัน ขอให้พวกคุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นแม้ว่าเราจะกลายเป็นคนที่แย่ในสายตาคุณแทนก็ตาม
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่รั้งให้เรายังอยู่ต่อไป
ขอบคุณสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเราอยู่ตอนนี้ ที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมที่กัดกินเราจนไม่หมือนเดิม ขอบคุณเส้นผมสีขาวบนหัวที่ทำให้เราปลงกับทุกอย่าง
และเราจะขอบคุณมากจริงๆถ้ายังมีใครซักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเรา
เคยรู้สึกไหมคะ?
ทุกวันนี้เราคิดว่าถ้าเราขาดสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเราไปตอนนี้เรายังจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? แต่ว่าเหตุผลที่เรายังอยู่ทุกวันไม่ใช่เพราะคนในครอบครัวเลย ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนรู้จักใกล้ตัวแม้แต่คนเดียวที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อ พวกเขามีแต่ทำให้เราท้อในการใช้ชีวิตที่มีอยู่ หลายคนอาจตะบอกว่า อ้าว ที่เป็นเเบบนี้เพราะเราขาดความอดทนหรือเปล่า? ไม่เลย เราไม่ใช่คนที่ขาดความอดทน แต่เราเป็นคนที่เก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวเอง เพราะอะไร? เพราะเรารู้สึกว่าคนรอบตัวไม่ใช่คนที่จะมาตอบคำถามที่เราสงสัยได้ เราคิดว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไร ถามไปจะมีแต่เรื่องใหญ่โตที่ตามมา เราแค่ต้องการเวลาคิด ไม่ใช่ให้เขามาตัดสินใจแทนเรา แต่อย่างน้อยๆครอบครัวของเราก็ดีแล้วจริงๆ บางครั้งเราคิดว่าเราเป็นโรคโซเชียลโฟเบียหรือเปล่า? เพราะเรารู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่คุยกับเพื่อนที่เรามี อาจจะไม่ใช่เรากลัวทุกคน จะว่าเราเว่อร์ก็ได้แต่เรารู้สึกขยะแขยงเพื่อนที่เรามี ถ้าเราเลือกว่าอยู่ในสังคมแบบไหนได้ก็คงจะดี
เพื่อนที่ต่อหน้ายิ้มให้เราลับหลังอาจนินทาเราให้ใครต่อใครฟัง ถามว่ารู้ได้อย่างไร? สิ่งที่คุณทำตอนอยู่ต่อหน้าเรากับคนอื่นมันคงไม่ต่างกันนัก เพื่อนที่ดูถูกงานอดิเรกของคนอื่น ก็จริง เขาคงไม่รู้ว่านี่แทบจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวของเรา เพื่อนที่พูดจาดีกับเราแค่ตอนที่มีประโยชน์ จะว่าเราแปลกด็ได้ แต่เราอยากจะรู้จักคนอื่นแค่ผิวเผินให้หมด เพื่อที่จะไม่ต้องมารู้นิสัยกับธาตุแท้ของใครแล้วผิดหวังในตัวเขา เราอาจจะดูเป็นคนขี้แพ้ในสายตาคนอื่น ที่ตัวเราคิดแบบนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อน ว่าที่เราเล่าไป เราตัดสินใจนานมาก การที่เราระบายซักครั้งมันเป็นช่วงที่ตัดสินใจยากสุดๆ
ปล.ขอให้เราทนเรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้ได้ ขอให้เรื่องที่เเล้วๆมาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขอให้ทุกคนให้เกียรติกันและกัน ขอให้พวกคุณกลายเป็นคนที่ดีขึ้นแม้ว่าเราจะกลายเป็นคนที่แย่ในสายตาคุณแทนก็ตาม
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่รั้งให้เรายังอยู่ต่อไป
ขอบคุณสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเราอยู่ตอนนี้ ที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมที่กัดกินเราจนไม่หมือนเดิม ขอบคุณเส้นผมสีขาวบนหัวที่ทำให้เราปลงกับทุกอย่าง
และเราจะขอบคุณมากจริงๆถ้ายังมีใครซักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเรา