เรารักภูเขา ธรรมชาติมาก กาญฯที่ไม่ไกลจากกรุงเทพและมีครบทุกอย่าง เป็นจังหวัดที่คุณควรไปเยี่ยมสักครั้งนะคะ
เราไปกาญมา 4 รอบ นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วค่ะ พูดได้ว่า เปิดคอมหาที่เที่ยวน่าไปในกาญ เราไปมา 80% แล้ว
แล้วๆๆ รอบนี้เราตั้งใจจะไปไหว้พระ เพราะรอบ 4 เราไปไหว้พระ และบอกไว้ว่าถ้าได้ตามเป้าหมาย จะกลับมาเยี่ยม (นี่เรียกบนมั้ยคะ)
เมื่อได้จังหวะ เราเลยต้องไปตามคำสัญญา
ตอนแรกว่าจะไปคนเดียว แต่ไปบอกเพื่อนว่าจะไม่อยู่นะ เพื่อนเลยขอเกาะมาคนนึงด้วยจ้า
แต่เพื่อนบอกว่า ชั้นขอไปโดดน้ำเล่นนะแกกกกกก เลยต้องจัดทริปที่เข้ากันได้ค่ะ
วัดที่เราจะไป คือ
วัดทิพย์สุคนธาราม อยู่ อ.ห้วยกระเจา กาญ แต่ติดทางอู่ทองสุพรรณด้วยนะ
โหมดความรู้
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องเล่าว่า "ครั้งหนึ่งใน สมัยพุทธกาล นั้นฝนแล้งมากแต่ด้วยพระพุทธบารมีได้ทรงพลิกพื้นที่แห้งแล้งให้มีน้ำฝนหลั่งไปทั่วทุกสารทิศ และที่อำเภอ ห้วยกระเจา คือ อีสานของจังหวัดกาญจนบุรี จึงเป็นที่มาของพระปางขอฝนที่สุดแห่งความศรัทธากับประติมากรรมทางพุทธศิลป์ พระพุทธรูปสำริด ปางขอฝนที่สูงที่สุดในประเทศไทย
เราเริ่มวางแผนหาทริปที่เข้ากันด้วย ของเราและเพื่อน
สรุปคือ สะพานข้ามแม่น้ำ--->วัดทิพย์สุคนธาราม-->น้ำตกผาลาด-->ตลาดน้ำค่ายสุรสีห์
เราไม่มีรถเอง ต้องเข้ากาญไปยืมรถก่อน ไปกัน 2 คนเลยเช่ามอเตอร์ไซค์ไปแว้นเที่ยวรอบจังหวัดกันค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางของนักเดินทาง 2 คน เริ่มที่ท่ารถต่างจังหวัดรังสิต
รถตู้จากรังสิต-กาญ รอบแรก 6 โมงเช้า มีทุกชั่วโมงจนถึง 6 โมงเย็น ค่ารถคนละ 130 บาท ลงรถที่ขนส่งกาญฯค่ะ
แต่จากขนส่งก็ไม่มีรถให้เช่านะคะ ต้องต่อรถไปเช่าแถวประปาต่อจ้า เสียค่าวินเพิ่มคนละ 30 อีกสะงั้น
ได้รถมาแล้ว เลือกมอไซต์ธรรมดามา 250/วัน จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางได้ค่ะ
เราเริ่มที่สะพานข้ามแม่น้ําแคว ใกล้ๆร้านเช่ารถ แต่เรามาหลายรอบแล้ว เลยถ่ายก๊อกแก๊กๆ แล้วไปต่อเลย
cr. ภาพจาก internet
แล้วแวะชมวิวที่
ลานชมวิวเขากระชาย (คะแนน1/5 ไปลำบากวิวมองเห็นเมืองนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยคุ้มกับที่เสียเวลาไปเลย )
ทางขึ้นลงชันหน่อย เดินทางลำบากจนไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
จากนั้นก็แว้นต่อไปที่วัดกันเลยจ้า ขี่ตากลมตากแดดจนไหม้กันเลย
ขี่ไปทางสุพรรณเรื่อยๆ วัดหาง่ายค่ะ มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ
หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางไปเล่นน้ำกันค่ะ ตอนแรกวางแผนว่าจะไป
น้ำตกผาลาด
ไม่เคยได้ยินชื่อละสิ้ ใช่ค่ะ ขนาดจขกท.ที่ว่าเที่ยวกาญบ่อยแล้วยังพึ่งเคยได้ยินชื่อ
เราหาข้อมูลน้ำตกในอำเภอเมืองกาญจาก internet แล้วเจอน้ำตกผาลาดนี้มา
หาข้อมูลก็เจอแต่ข้อมูลเก่าๆ โทรมาติดต่อ เค้าบอกว่ามันดิบมาก อาจจะมีงูได้
เราก็เอาน่า ที่ท่องเที่ยวคงจะมีงูและสัตว์ป่าน้อยลง คงพอเอาตัวรอดได้ ก็ไปกันค่ะ
แต่มันไกลจากที่คิดค่ะ ในเน็ตบอกว่า 15km. จากตัวเมือง ความจริงคือ 15 km. จากเส้นหลักต่างหาก เห้อออออ
ระหว่างทางเจอวัดเลไลยก์ เป็นโบราณสถานที่ติดถนนหลัก เลยแวะถ่ายรูปดูนู้นนี่กันนิดนุง
(คะแนน 2/5 เพราะเหมือนไม่มีใครเข้ามาบำรุงเป็นกิจลักษณะ ปล่อยเสื่อมโทรมไปเรื่อยๆ)
เรา 2 คนขับรถต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็แวะถามเรื่องน้ำตก รู้ข้อมูลมาว่ามี 7 ชั้น
แต่ทำไมไม่ดัง เพราะปกติน้ำตกจะไม่มีน้ำ เลยเที่ยวได้แค่หน้าฝน แต่ชาวบ้านบางคนยังก็ไม่เคยไปเลย
เราก็เผื่อใจไว้ว่าคงไม่ได้ใหญ่มาก คนแลยไม่ค่อยไป
แต่เราขี่รถมาไกลขนาดนี้แล้ว ขอไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งแล้วกันนะ
ขี่กันต่อมาเรื่อยๆ จนถึงแยกวัดใจ ที่เรากับเพื่อนจะจดจำไปชั่วชีวิตเลย
เรื่องมีอยู่ว่า จะมีป้ายชี้ทางไปน้ำตกมันชี้ตรงไปก่อนถึงทางแยกซ้าย,ขวาค่ะ
ทางทั้งสองเป็นถนนหินแหลมๆปนหิน (จุดๆนั้นงงมาก ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมเอาหินแหลมขนาดนี้มาทำ ยางรถไม่รั่วกันหรอ)
ทางซ้ายเป็นทางคดเคี้ยวมองไม่เห็นจุดหมาย ทางขวาข้างหน้าจะเป็นภูเขา เปิด google map กัน
ก็ให้เลี้ยวขวา โอเค เชื่อได้เพราะน้ำตกน่าจะไปภูเขาเนอะ
ระหว่างทางเลี้ยวเข้าแยกขวาฝนเริ่มตกพรำ อ่าวชิหาย ไม่มีที่ให้หลบฝน ข้างทางก็เป็นไร่ชาวบ้าน ได้แต่เดินทางฝ่าฝนกันต่อไป
ก่อนเรามาฝนก็ตกหนักพอสมควร ดูจากมีน้ำไหลมาตามถนนอยู่เลย
ทางเป็นทางลาดชัน ระหว่างทางก็มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์สวนลงมาเป็นระยะ เอ้อ เราก็อุ่นใจ มึคนลงได้ แสดงว่าข้างบนก็มีคนแหละ
แต่ทางเริ่มชันขึ้นเรือยๆ จากป้ายข้างหน้าทางแยกบอก 2 กิโล ตอนนี้มัน 2 กิโลกว่าแล้วนะ
มองไปข้างหลังจะให้ถอยก็ไม่ทันแล้ว อดทนอีกนิดแล้วกัน เราค่อยๆขี่รถไต่มาเรื่อยๆทั้งผลักทั้งดัน ตอนนี้ชันมากบวกกับถนนที่ลื่นเพราะฝนตกอยู่
เราอดทนเพราะมาไกลมากแล้ว เสียดายถ้าล้มเลิกตอนนี้ แล้วเราก็มาถึงทางหักเลี้ยว เจอกระต๊อบเล็กๆข้างศาลเจ้าที่เราพักเหนื่อยกันได้
ระหว่างที่เรา 2 คนพักหายใจอยู่ เราก็ถึงจุดที่แบบถามตัวเองว่า เฮ้ยทำไมเราต้องมาลำบากกันขนาดนี้นะ
แต่มาไกลขนาดนี้ จะถอยไปเลยคงรู้สึกค้างในใจ
อดทนอีกหน่อยแล้วกันๆ แล้วมีคนขับรถยนต์ลงมา แล้วมีชาวบ้านนั่งอยู่หลังรถ เราเลยตะโกนถามชาวบ้าน (คือจะทนไม่ไหวแล้วนะ)
เรา: น้ำตกไปอีกไกลมั้ยคะ
ชาวบ้าน: โอ้ยยยย มาผิดทางแล้ว น้ำตกอยู่ข้างล่าง ขึ้นกันมาได้ยังไงเนี่ย เก่งๆๆ
ตอนนั้นคือเหมือนมีฟ้าผ่าอยู่ในหัวเราอะ ที่เราลำบากกันขนาดนี้เพื่ออะไร
หลังจากนั้นชาวบ้านพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้แล้ว หูมันอื้อ หัวมันโล่งไปหมด น้ำตาตกในไปแล้ว
จะเอาไงต่อดี ตอนนี้ฝนตกไม่หนัก แต่มีน้ำไหลมาจากข้างบนตลอด จะรอมั้ย
เพื่อนบอก : กลับกันเหอะ กุอยากออกจากที่นี่แล้ว
เราก็เอาว่ะ ขึ้นมาได้ก็ลงได้ ชาวบ้านยังทำได้เลย
แต่ความเป็นจริงในการเอารถลงเขาที่ชันประมาณ 70 องศาขณะฝนตกนี่ทำได้ยากมาก ถ้าไม่ชำนาญจริงๆ
เรา 2 คนรู้เลยว่าจุดๆนี้ไม่มีปัญญากันจริงๆ เลยใช้วิธีจูงรถลงเขาพร้อมกับกำเบรคตลอดเวลา ไม่ให้รถไหลลงเขา
ต้องช่วยกันประคองไม่ง้ันลื่นถนนตกเขากันได้ ด้วยความที่เราเดินป่าหน้าฝนมาแล้วเลยเอาตัวรอดได้สบาย(ถ้าไม่มีรถนะ)
แต่มองไปที่เพื่อน จะพามันมาตายมั้ยเนี่ย รู้สึกผิดกับพ่อแม่เพื่อนมากเลย ตอนนั้นแต่ละก้าวนี่ต้องใช้สมาธิสูงมาก
พอรอดมาได้นี่รู้สึกรักชีวิตกันสูงขึ้นมากกกกก พอลงมาได้เราก็ยังไม่กลับจ้า555 (ไอ้เมื่อกี้จะตายกันอยู่เลย)
บอกแล้วว่ามันจะค้างถ้าไม่ถึงที่ ไปต่อค่ะซิส
แล้วทางไปน้ำตกนี่คือรถชัด ตอนแรกเป็นทางหินของชาวบ้านมาลำบากแล้ว จากนั้นเป็นทางปูน 2 เลน
แต่สองข้างมีกิ่งไม้โน้มลงมาขนาดที่มอไชค์ของเรายังต้องหลบเลย พอไปถึงเท่านั้นแหละ
ผ่าม ผ่าม ผ่าม!!! เป็นอาคารอเนกประสงค์โทรมๆ ร้างๆ คือน่าจะไม่มีคนอยุ่มาเป็นปีแล้ว ทางรกมาก โทรมมาก
เพื่อนเห็นปุ๊บ เลี้ยวออกปั๊บ คือไม่ถามอะไรเลย กลัวและหลอนมากบอกเลย (แล้วใครรับโทรศัพท์เรานะ)
ทริปนี้เราอยากซื้อโกโปรเลย พลาดอัดความทรงจำสุดพีคนี้เลย
คะแนนน้ำตก 0/5 อยากจะให้ติดลบไปเลย แต่พี่ที่คุยกับเราทางโทรศัพท์พูดดีมากเลย เราเกือบไม่รอดแล้วยังไม่ได้เล่นอีก
ขออภัยที่รูปน้อย ฝนตก เราพกแค่โทรศัพท์เที่ยว แถมบ่นเยอะมาก คือเป็นประสบการณ์ของเรา ไม่อยากให้คนอื่นไปเสี่ยงด้วย
แต่ยังรักกาญฯเหมือนเดิมนะจ๊ะ จุ๊บๆ
จบpart หลงทาง ต่อไปจะไม่หลงแล้วค่ะ
กาญ ตามใจเรานะจ๊ะ
เราไปกาญมา 4 รอบ นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วค่ะ พูดได้ว่า เปิดคอมหาที่เที่ยวน่าไปในกาญ เราไปมา 80% แล้ว
แล้วๆๆ รอบนี้เราตั้งใจจะไปไหว้พระ เพราะรอบ 4 เราไปไหว้พระ และบอกไว้ว่าถ้าได้ตามเป้าหมาย จะกลับมาเยี่ยม (นี่เรียกบนมั้ยคะ)
เมื่อได้จังหวะ เราเลยต้องไปตามคำสัญญา
ตอนแรกว่าจะไปคนเดียว แต่ไปบอกเพื่อนว่าจะไม่อยู่นะ เพื่อนเลยขอเกาะมาคนนึงด้วยจ้า
แต่เพื่อนบอกว่า ชั้นขอไปโดดน้ำเล่นนะแกกกกกก เลยต้องจัดทริปที่เข้ากันได้ค่ะ
วัดที่เราจะไป คือวัดทิพย์สุคนธาราม อยู่ อ.ห้วยกระเจา กาญ แต่ติดทางอู่ทองสุพรรณด้วยนะ
โหมดความรู้ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องเล่าว่า "ครั้งหนึ่งใน สมัยพุทธกาล นั้นฝนแล้งมากแต่ด้วยพระพุทธบารมีได้ทรงพลิกพื้นที่แห้งแล้งให้มีน้ำฝนหลั่งไปทั่วทุกสารทิศ และที่อำเภอ ห้วยกระเจา คือ อีสานของจังหวัดกาญจนบุรี จึงเป็นที่มาของพระปางขอฝนที่สุดแห่งความศรัทธากับประติมากรรมทางพุทธศิลป์ พระพุทธรูปสำริด ปางขอฝนที่สูงที่สุดในประเทศไทย
เราเริ่มวางแผนหาทริปที่เข้ากันด้วย ของเราและเพื่อน
สรุปคือ สะพานข้ามแม่น้ำ--->วัดทิพย์สุคนธาราม-->น้ำตกผาลาด-->ตลาดน้ำค่ายสุรสีห์
เราไม่มีรถเอง ต้องเข้ากาญไปยืมรถก่อน ไปกัน 2 คนเลยเช่ามอเตอร์ไซค์ไปแว้นเที่ยวรอบจังหวัดกันค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางของนักเดินทาง 2 คน เริ่มที่ท่ารถต่างจังหวัดรังสิต
รถตู้จากรังสิต-กาญ รอบแรก 6 โมงเช้า มีทุกชั่วโมงจนถึง 6 โมงเย็น ค่ารถคนละ 130 บาท ลงรถที่ขนส่งกาญฯค่ะ
แต่จากขนส่งก็ไม่มีรถให้เช่านะคะ ต้องต่อรถไปเช่าแถวประปาต่อจ้า เสียค่าวินเพิ่มคนละ 30 อีกสะงั้น
ได้รถมาแล้ว เลือกมอไซต์ธรรมดามา 250/วัน จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางได้ค่ะ
เราเริ่มที่สะพานข้ามแม่น้ําแคว ใกล้ๆร้านเช่ารถ แต่เรามาหลายรอบแล้ว เลยถ่ายก๊อกแก๊กๆ แล้วไปต่อเลย
cr. ภาพจาก internet
แล้วแวะชมวิวที่ลานชมวิวเขากระชาย (คะแนน1/5 ไปลำบากวิวมองเห็นเมืองนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยคุ้มกับที่เสียเวลาไปเลย )
ทางขึ้นลงชันหน่อย เดินทางลำบากจนไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
จากนั้นก็แว้นต่อไปที่วัดกันเลยจ้า ขี่ตากลมตากแดดจนไหม้กันเลย
ขี่ไปทางสุพรรณเรื่อยๆ วัดหาง่ายค่ะ มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ
หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางไปเล่นน้ำกันค่ะ ตอนแรกวางแผนว่าจะไปน้ำตกผาลาด
ไม่เคยได้ยินชื่อละสิ้ ใช่ค่ะ ขนาดจขกท.ที่ว่าเที่ยวกาญบ่อยแล้วยังพึ่งเคยได้ยินชื่อ
เราหาข้อมูลน้ำตกในอำเภอเมืองกาญจาก internet แล้วเจอน้ำตกผาลาดนี้มา
หาข้อมูลก็เจอแต่ข้อมูลเก่าๆ โทรมาติดต่อ เค้าบอกว่ามันดิบมาก อาจจะมีงูได้
เราก็เอาน่า ที่ท่องเที่ยวคงจะมีงูและสัตว์ป่าน้อยลง คงพอเอาตัวรอดได้ ก็ไปกันค่ะ
แต่มันไกลจากที่คิดค่ะ ในเน็ตบอกว่า 15km. จากตัวเมือง ความจริงคือ 15 km. จากเส้นหลักต่างหาก เห้อออออ
ระหว่างทางเจอวัดเลไลยก์ เป็นโบราณสถานที่ติดถนนหลัก เลยแวะถ่ายรูปดูนู้นนี่กันนิดนุง
(คะแนน 2/5 เพราะเหมือนไม่มีใครเข้ามาบำรุงเป็นกิจลักษณะ ปล่อยเสื่อมโทรมไปเรื่อยๆ)
เรา 2 คนขับรถต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็แวะถามเรื่องน้ำตก รู้ข้อมูลมาว่ามี 7 ชั้น
แต่ทำไมไม่ดัง เพราะปกติน้ำตกจะไม่มีน้ำ เลยเที่ยวได้แค่หน้าฝน แต่ชาวบ้านบางคนยังก็ไม่เคยไปเลย
เราก็เผื่อใจไว้ว่าคงไม่ได้ใหญ่มาก คนแลยไม่ค่อยไป
แต่เราขี่รถมาไกลขนาดนี้แล้ว ขอไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งแล้วกันนะ
ขี่กันต่อมาเรื่อยๆ จนถึงแยกวัดใจ ที่เรากับเพื่อนจะจดจำไปชั่วชีวิตเลย
เรื่องมีอยู่ว่า จะมีป้ายชี้ทางไปน้ำตกมันชี้ตรงไปก่อนถึงทางแยกซ้าย,ขวาค่ะ
ทางทั้งสองเป็นถนนหินแหลมๆปนหิน (จุดๆนั้นงงมาก ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมเอาหินแหลมขนาดนี้มาทำ ยางรถไม่รั่วกันหรอ)
ทางซ้ายเป็นทางคดเคี้ยวมองไม่เห็นจุดหมาย ทางขวาข้างหน้าจะเป็นภูเขา เปิด google map กัน
ก็ให้เลี้ยวขวา โอเค เชื่อได้เพราะน้ำตกน่าจะไปภูเขาเนอะ
ระหว่างทางเลี้ยวเข้าแยกขวาฝนเริ่มตกพรำ อ่าวชิหาย ไม่มีที่ให้หลบฝน ข้างทางก็เป็นไร่ชาวบ้าน ได้แต่เดินทางฝ่าฝนกันต่อไป
ก่อนเรามาฝนก็ตกหนักพอสมควร ดูจากมีน้ำไหลมาตามถนนอยู่เลย
ทางเป็นทางลาดชัน ระหว่างทางก็มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์สวนลงมาเป็นระยะ เอ้อ เราก็อุ่นใจ มึคนลงได้ แสดงว่าข้างบนก็มีคนแหละ
แต่ทางเริ่มชันขึ้นเรือยๆ จากป้ายข้างหน้าทางแยกบอก 2 กิโล ตอนนี้มัน 2 กิโลกว่าแล้วนะ
มองไปข้างหลังจะให้ถอยก็ไม่ทันแล้ว อดทนอีกนิดแล้วกัน เราค่อยๆขี่รถไต่มาเรื่อยๆทั้งผลักทั้งดัน ตอนนี้ชันมากบวกกับถนนที่ลื่นเพราะฝนตกอยู่
เราอดทนเพราะมาไกลมากแล้ว เสียดายถ้าล้มเลิกตอนนี้ แล้วเราก็มาถึงทางหักเลี้ยว เจอกระต๊อบเล็กๆข้างศาลเจ้าที่เราพักเหนื่อยกันได้
ระหว่างที่เรา 2 คนพักหายใจอยู่ เราก็ถึงจุดที่แบบถามตัวเองว่า เฮ้ยทำไมเราต้องมาลำบากกันขนาดนี้นะ
แต่มาไกลขนาดนี้ จะถอยไปเลยคงรู้สึกค้างในใจ
อดทนอีกหน่อยแล้วกันๆ แล้วมีคนขับรถยนต์ลงมา แล้วมีชาวบ้านนั่งอยู่หลังรถ เราเลยตะโกนถามชาวบ้าน (คือจะทนไม่ไหวแล้วนะ)
เรา: น้ำตกไปอีกไกลมั้ยคะ
ชาวบ้าน: โอ้ยยยย มาผิดทางแล้ว น้ำตกอยู่ข้างล่าง ขึ้นกันมาได้ยังไงเนี่ย เก่งๆๆ
ตอนนั้นคือเหมือนมีฟ้าผ่าอยู่ในหัวเราอะ ที่เราลำบากกันขนาดนี้เพื่ออะไร
หลังจากนั้นชาวบ้านพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้แล้ว หูมันอื้อ หัวมันโล่งไปหมด น้ำตาตกในไปแล้ว
จะเอาไงต่อดี ตอนนี้ฝนตกไม่หนัก แต่มีน้ำไหลมาจากข้างบนตลอด จะรอมั้ย
เพื่อนบอก : กลับกันเหอะ กุอยากออกจากที่นี่แล้ว
เราก็เอาว่ะ ขึ้นมาได้ก็ลงได้ ชาวบ้านยังทำได้เลย
แต่ความเป็นจริงในการเอารถลงเขาที่ชันประมาณ 70 องศาขณะฝนตกนี่ทำได้ยากมาก ถ้าไม่ชำนาญจริงๆ
เรา 2 คนรู้เลยว่าจุดๆนี้ไม่มีปัญญากันจริงๆ เลยใช้วิธีจูงรถลงเขาพร้อมกับกำเบรคตลอดเวลา ไม่ให้รถไหลลงเขา
ต้องช่วยกันประคองไม่ง้ันลื่นถนนตกเขากันได้ ด้วยความที่เราเดินป่าหน้าฝนมาแล้วเลยเอาตัวรอดได้สบาย(ถ้าไม่มีรถนะ)
แต่มองไปที่เพื่อน จะพามันมาตายมั้ยเนี่ย รู้สึกผิดกับพ่อแม่เพื่อนมากเลย ตอนนั้นแต่ละก้าวนี่ต้องใช้สมาธิสูงมาก
พอรอดมาได้นี่รู้สึกรักชีวิตกันสูงขึ้นมากกกกก พอลงมาได้เราก็ยังไม่กลับจ้า555 (ไอ้เมื่อกี้จะตายกันอยู่เลย)
บอกแล้วว่ามันจะค้างถ้าไม่ถึงที่ ไปต่อค่ะซิส
แล้วทางไปน้ำตกนี่คือรถชัด ตอนแรกเป็นทางหินของชาวบ้านมาลำบากแล้ว จากนั้นเป็นทางปูน 2 เลน
แต่สองข้างมีกิ่งไม้โน้มลงมาขนาดที่มอไชค์ของเรายังต้องหลบเลย พอไปถึงเท่านั้นแหละ
ผ่าม ผ่าม ผ่าม!!! เป็นอาคารอเนกประสงค์โทรมๆ ร้างๆ คือน่าจะไม่มีคนอยุ่มาเป็นปีแล้ว ทางรกมาก โทรมมาก
เพื่อนเห็นปุ๊บ เลี้ยวออกปั๊บ คือไม่ถามอะไรเลย กลัวและหลอนมากบอกเลย (แล้วใครรับโทรศัพท์เรานะ)
ทริปนี้เราอยากซื้อโกโปรเลย พลาดอัดความทรงจำสุดพีคนี้เลย
คะแนนน้ำตก 0/5 อยากจะให้ติดลบไปเลย แต่พี่ที่คุยกับเราทางโทรศัพท์พูดดีมากเลย เราเกือบไม่รอดแล้วยังไม่ได้เล่นอีก
ขออภัยที่รูปน้อย ฝนตก เราพกแค่โทรศัพท์เที่ยว แถมบ่นเยอะมาก คือเป็นประสบการณ์ของเรา ไม่อยากให้คนอื่นไปเสี่ยงด้วย
แต่ยังรักกาญฯเหมือนเดิมนะจ๊ะ จุ๊บๆ
จบpart หลงทาง ต่อไปจะไม่หลงแล้วค่ะ