ทวงคืนลังกาสุกะ ตอนที่ 1 การเข้ามาของพระพุทธศาสนาในแผ่นดินมลายู

อยากที่ทุกคนทราบกันดีในปัจจุบันว่า แผ่นดินมลายู หรือ คาบสมุทรมลายู ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม พูดภาษามลายูแตกต่างออกไปตามท้องถิ่น บ้างก็พูดสำเนียงของเกอะดะห์ (สตูล,สงขลาตะวันตก) บ้างก็พูดสำเนียงของเกอะลันตัน (กลันตัน) (สงขลาตะวันออก,ยะลา,นราธิวาส,ปัตตานี) ซึ่งสำหรับคนในท้องที่เหล่านั้น ในปัจจุบันพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยและไม่คิดจะสู้กับ "รัฐไทย" (เป็นคำพูดที่พวกเขาเรียกสำหรับคนที่เขาคิดว่ากดขี่พวกเขา) แต่อีกส่วนกลับคิดสู้กับรัฐไทย ด้วยเหตุผลทางเชื้อชาติและศาสนา
#
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ "ต่อสู้" (หรือที่เราเห็นกันก็คือการทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยไม่สนใจเจาะจง) คือ พวกเขาประกาศตัวว่า พวกเขา "สู้" เพื่อศาสนา พวกเขากระทำการ "ยิฮัด" โดยการระดมยิงผู้บริสุทธิ์ก็ดี ลอบยิงเจ้าหน้าที่ก็ยิง ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีการที่ค่อนข้างสกปรกเมื่อเทียบกับการต่อสู้ของกลุ่มยิฮัดกลุ่มอื่น พวกเขาอ้างว่า ทหารไทยกระทำการรุกล้ำ กดขี่ชาวมลายู พยายามทำให้ศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อน และทำลายประวัติศาสตร์ของ "ปาตานี" (เป็นชื่อเรียกที่พวกเขาเรียกปาตานี) ซึ่งเขาประกาศว่า ได้ทำเพื่อชาติมลายู ทำเพื่อ "อัลลอฮ์" นั้น (แท้จริงแล้ว การสู้ด้วยยิฮัดคือการสู้เพื่อศาสนา แต่การสู้เพื่อชาติมลายูนั้น ไม่ถือว่าเป็นยิฮัด) ที่สำคัญ พวกเขาได้อ้างถืออาณาจักรปาตานีที่เคยเป็นรัฐศาสนาในเขต 3 จังหวัดชายแดนใต้ในปัจจุบันอีกด้วย
#
สิ่งที่พวกเขาต้องยอมรับอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะมีรัฐปาตานีนั้น บรรพบุรุษของพวกเขา ล้วนเคยเป็นชาวพุทธ-พราหมณ์กันเสียทั้งสิ้น แต่เพราะการเข้ามาของอิสลาม โบราณสถานและวัตถุต่างๆจึงถูกทำลายไปเสียอย่างน่าเสียดาย!
#
ลังกาสุกะ (แผ่นดินอันรุ่งโรจน์และสงบสุข) หรือน่าจะสะกดกันว่า "ลํกาสุข" (लंकासुख) หรือ "ลํกาสุก" (लंकासुक) เป็นชื่อเรียกอาณาจักรแห่งหนึ่งในคาบสมุทรมลายู ซึ่งว่ากันว่ามีศูนย์กลางอยู่บริเวณภาคใต้ตอนล่างและทางตอนเหนือของมาเลเซีย และยังแผ่อาณาเขตทั่วแหลมมลายู เชื่อกันว่าอาณาจักรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 2 เชื่อกันว่าศูนย์กลางปัจจุบันน่าจะอยู่ที่เมืองเกอะดะห์ในปัจจุบัน จากการพิสูจน์หลักฐานหลายๆอย่าง หากอาณาจักรขอมโบราณเป็นของชาวอินเดียอารยันจริงๆ อาณาจักรลังกาสุกะก็คงจะเป็นอาณาจักรของชาวอินเดียด้วยเช่นกัน และก็คงเป็นไปได้เช่นกันว่าชาวมลายูพื้นเมืองในเวลานั้นอยู่ในฐานะชนชั้นล่างของอาณาจักร ขณะที่ชนชั้นปกครองเป็นชาวอินเดีย (ข้อสันนิษฐานนี้อาจจะรวมไปถึงตำนานของอาณาจักรตามพรลิงค์ด้วยก็เป็นได้)
#
ว่ากันว่า อาณาจักรอันเก่าแก่นี้ ถูกก่อตั้งโดยพระเจ้าเมอะรงมหาวังสะ หรือเรียกกันแบบสันสกฤตว่า มรํ มหาวํสํ (मरं महावंशं) ตามตำนานเกอะดะห์กล่าวว่า พระเจ้าเมอรงเป็นเจ้าชายฮินดูจากอาณาจักรแห่งหนึ่ง (คาดว่าน่าจะเป็นอินเดียทางเหนือ) เคยไปหลายที่ทั่วโลกมาแล้วรวมทั้งกรุงโรม และมักจะอาศัยอยู่ในกรุงโรม มีครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์เดินทางออกจากกรุงโรมมุ่งไปทางทะเลอาระเบีย กลับพบกับพญาครุฑและถูกพญาครุฑทำลายเรือของพระองค์จนพินาศย่อยยับ และถูกพัดพามายังหุบเขาบูจัง (ปัจจุบันอยู่ในเมืองเมอร์บก รัฐเกอะห์ดะห์) จึงได้ตั้งตัวเป็นปฐมกษัตริย์และตั้งอาณาจักรลังกาสุกะขึ้นมา โดยมีชาวมลายูเป็นพลเมืองของอาณาจักร ภายหลังได้มอบราชสมบัติให้กับพระเจ้าเมอะรงมหาปุดิสัด (มารัน โพธิสัตว์) เสด็จกลับกรุงโรม และสืบทอดเชื้อสายกันต่อๆไป
#
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การอ่านออกเสียงภาษาสันสกฤตของภาษามลายู รวมไปถึงการรับคำ ดูค่อนข้างจะหลากหลายและใกล้เคียงสันสกฤตแบบอินเดียมากกว่าของไทย เป็นต้นว่า การสะกดคำแบบสันสกฤตของมลายูนั้นจะตรงกับของอินเดียมากกว่า เช่นคำว่า Putera (เจ้าชาย) ซึ่งตรงกับคำไทยว่า บุตร แต่ของอินเดียจะอ่านชัดเจนว่า ปุตระ (पुत्र) แต่สำเนียงภาษามลายู ทำให้การออกเสียง อะ ครึ่งเสียง กลายเป็น เออะ ไปแทน หากลองสังเกตให้ดี เช่นคำว่า Perdana Menteri (นายกรัฐมนตรี) จะอ่านว่า เปอะร์ดะนะ เมินเตอะรี ซึ่งหลายๆคำที่ออกเสียง อะ ครึ่งเสียง มักกลายเป็นสระ เออะ ไปเกือบหมด
#
กลับมาที่อาณาจักรลังกาสุกะกันต่อ อาณาจักรลังกาสุกะได้รับอิทธิพลทางพระพุทธศาสนาจากอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างตามพรลิงค์, มัชปาหิต และ ศรีวิชัย ซึ่งตามหลักฐาน เชื่อกันว่า เป็นพุทธมหายาน คือ สวดกันด้วยภาษาสันสกฤต และเชื่อในลัทธิพระโพธิสัตว์ (ส่วนพุทธเถรวาท ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือไม่ในยุคนั้น) แต่ทว่าในสมัยท้ายๆของยุคพระพุทธศาสนา มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง พระนามว่า พระองค์มหาวังสะ (บ้างก็ว่า พระเจ้าอินทิรา) ทรงพระประชวร มีพ่อค้าอาหรับคนหนึ่งเสนอว่าจะทำการรักษาให้แต่มีข้อแม้ว่าพระองค์จะต้องรับอิสลาม พระเจ้ามหาวังสะทรงให้พ่อค้าทำการรักษา และทรงหายดี แต่ไม่ทรงรับอิสลาม พ่อค้าอาหรับผู้นั้นจึงทำการรักษาอีกครั้งพร้อมกับขอคำมั่นสัญญา พระเจ้ามหาวังสะทรงรับปาก เมื่อทรงหายประชวรจึงได้เข้ารับอิสลาม เปลี่ยนอาณาจักรกลายเป็นรัฐสุลต่าน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชนชาติมลายู จึงกลายเป็นอิสลามซุนนีย์กันตั้งแต่นั้น
#
มีเรื่องเล่าขานกันว่า พ่อค้าอาหรับผู้นั้น แท้จริงแล้วได้แอบนำเชื้อโรคจากแผลของผู้ที่เป็นโรคเดียวกันกับพระองค์นั้น นำมารักษาพระเจ้ามหาวังสะโดยอ้างว่าเป็นยา เพราะมั่นใจว่าพระเจ้ามหาวังสะคงจะไม่รับอิสลาม เมื่อเห็นว่าพระเจ้ามหาวังสะประชวรอีกครั้ง จึงเสนอบีบบังคับให้พระองค์รับอิสลาม ทำให้พระองค์ต้องรับอิสลามด้วยความหวาดกลัว (ตามหลักทฤษฎีทางการแพทย์แล้ว การนำเชื้อโรคของผู้ที่เป็นโรคเดียวกันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย) การเข้ามาของอิสลามทำให้สิ่งก่อสร้างหลายๆอย่าง ถูกทุบหายไป ด้วยเหตุนี้ ทั้งในภาคใต้ตอนล่างและมาเลเซียเอง จึงไม่ค่อยพบเห็นหลักฐานจากอาณาจักรโบราณเท่าใดนัก
#
สำหรับปัตตานีนั้น เมื่อก่อนเคยมีชื่อว่า ปาตานี หรือ ปันปัน ตามบันทึกของจีน แต่เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมง แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นตัวเมืองขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัย เชื่อกันว่าปาตานีก่อตั้งรัฐสุลต่านอิสลามในช่วงศตวรรษที่ 13-15 ตรงกับสมัยต้นอยุธยา ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของสยามและของประเทศไทยในเวลาต่อมา สำหรับปาตานีนั้น เชื่อว่ามีที่มาจากคำว่า "ปันตาย/ปาตา อินี!" (หรือ (นี้มัน)หาดทรายนี้!) สำเนียงปาตานีออกว่า ปาตา แต่สำเนียงกลางออกว่า ปันตาย
#
อย่างไรก็ตาม จากบันทึกของเกอะดะห์ ระบุว่าพระเจ้าอินทิรา มหาวังสะ รับอิสลามในศตวรรษที่ 11 ดังนั้น ต้นกำเนิดของอิสลามจึงอาจจะเริ่มต้นที่เกอะดะห์และไปที่ปาตานี และ เกอะลันตัน จึงสรุปได้ว่า ศาสนาอิสลาม เข้ามาในแผ่นดินมลายูในยุคศตวรรษที่ 11 และอาณาจักรอิสลามปาตานีถูกก่อตั้งขึ้นมาหลังอยุธยาหลายปี และปัจจุบัน เชื้อสายของกษัตริย์ลังกาสุกะก็คือเชื้อสายของสุลต่านเกอะดะห์ เชื้อสายของสุลต่านปาตานีก็คือเชื้อสายของสุลต่านเกอะลันตัน, เตอะรังกานู และเชื้อสายของสุลต่านมาละกาก็คือเชื้อสายของสุลต่านยะโฮร์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่