จริงหรือ? คนโสด คนไม่มีลูกหรือคนที่คบเพศเดียวกัน ควรเลี้ยงดูพ่อแม่พี่น้องและญาติมากกว่าคนมีครอบครัวแล้ว

จากการตั้งกระทู้ก่อนหน้านี้ของเรา
https://ppantip.com/topic/36509286

และจากประสบการณ์ที่โดนมากับตัวเองในกระทู้เก่า
https://ppantip.com/topic/36284592

ทำให้เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวจากคอมเม้นท์ในหลายๆมุมมองมาก

และมีสิ่งนึงที่เรารับรู้ สงสัย และข้องใจมาตลอด
ลองมาแชร์ความคิดเห็นกันนะคะ

คราวนี้เราขอเล่าเรื่องของเราคร่าวๆจากกระทู้ที่เคยตั้ง

เรื่องของเราจะตรงกับคำถามที่ว่าทำไมคนที่คบเพศเดียวกัน ถูกมองว่าจะต้องดูแลพ่อแม่พี่น้อง ญาติๆ และหลานๆมากกว่าคนแต่งงานมีลูก
คือเรากับแฟนเก่าเป็นทอม-ดี้ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วพี่สาวแฟนเก่าเราเขามองว่าไม่มีทางมีอนาคตร่วมกัน เพราะเป็นเพศเดียวกัน จึงเรียกร้องความช่วยเหลือจากแฟนเก่าเราและเราจนต้องเลิกกัน ประมาณนี้ (รายละเอียดมีในกระทู้แล้วค่ะ)

ส่วนในคำถามที่ว่า คนที่โสดหรือแต่งงานแล้วไม่มีลูกทำไมต้องถูกญาติๆหรือพ่อแม่พี่น้องมองว่าต้องช่วยเหลือ ดูแลและ'ให้'พวกเขามากกว่าคนแต่งงานมีครอบครัวมีลูกแล้วนั้น เราขอหยิบยกเรื่องราวจากพี่ร่วมงานที่สนิทคนหนึ่งมาประกอบนะคะ

พี่คนนี้เป็นผู้หญิงอายุ 40 กลางๆ สมรสมา 20 กว่าปีแล้วไม่มีบุตรค่ะ แกก็ทำทุกทางทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์แต่ก็ไม่มี แกก็ตัดใจไปแล้วล่ะค่ะ แกกับสามีก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมาตั้งแต่ยังไม่มีเงินทองอะไร จนตอนนี้มีเงินให้คนกู้ มีบ้าน มีรถแล้ว ชีวิตก็สบายๆ ยังทำงานไหวก็ทำไปทั้งคู่
ทุกวันนี้พี่แกอยู่บ้านเดียวกับแม่สามี,น้องสาว-น้องเขยสามี,หลานสาว(ลูกน้องสาวสามี) เนื่องจากแม่สามีแกมีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่ สามีแกก็เป็นห่วง บ้านที่ซื้อเลยให้คนเช่า บ้านแกที่ปลูกไว้ที่ต่างอำเภอก็ไม่มีคนอยู่ (เป็นบ้านเดิมมีแม่แกกับหลานแกอยู่ใกล้ๆ)
แม่สามีและน้องสาวน้องเขยอยู่ร่วมกันโดยให้แกกับสามีออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดคือ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว(ของสด ของแห้งแกจ่ายทั้งหมด 100%) ค่าหยูกยาแม่หรือจิปาถะ คือเป็นหน้าที่สามีแกกับแกทั้งหมด โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าแกกับสามีไม่มีลูก ไม่ต้องใช้เงินมากเท่าน้องสาว น้องเขย ( แบบนี้ก็ได้หรอ?) พูดก็ไม่ได้ แม่สามีจะร้องไห้และบอกว่าลูกเนรคุณ

ส่วนทางบ้านแกที่ต่างอำเภอ ก็จะมีหลานๆ ซึ่งเป็นลูกๆของพี่น้องแก ซึ่งทุกคนเมื่ออยากได้อะไรเช่น สร้อยทอง โทรศัพท์ ข้าวของต่างๆก็จะคอยขอแก โดยมีพ่อแม่ของเด็กๆเหล่านั้นสนับสนุนให้ขอ พอแกบอกว่าทำไมต้องให้ล่ะ พ่อแม่ทำไมไม่ซื้อให้ลูก พวกเขาเหล่านั้นก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แกกับสามีไม่มีลูกจะเก็บเงินไว้ให้ใครล่ะ ให้หลานดีกว่า

ล่าสุดหลานๆแกมานั่งแย่งเครื่องประดับที่แกใส่อยู่ พวกแหวน สร้อยคอ เลสข้อมือ ต่อหน้าแกเลย แกเลยโวยว่า แกยังไม่ตายนะ มาจองอะไรกัน หลานๆตอบว่า พวกหนูก็ยังไม่เอาตอนนี้หรอก รอป้าตายก่อน แม่หนูบอกว่าป้าสมบัติเยอะ

นั่นเหมือนกับว่าความเชื่อนี้ ถูกปลูกฝัง หยั่งรากลึกจากรุ่นสู่รุ่นแล้วหรือ?

สำหรับเรา เราไม่เห็นด้วยเลยกับคำพูดที่ว่าคนโสด คนไม่มีลูก คนคบเพศเดียวกันต้องเสียสละดูแลพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรและหลาน ขอเท่าไหร่ก็ต้องให้จะเก็บไว้ทำไม ไม่มีลูกมาสืบทอดมรดกซะหน่อย
เวลาที่แกเลี้ยงข้าวหลานของครอบครัวญาติคนที่1
พ่อแม่ของหลานครอบครัวที่ 2,3 ก็จะมาพูดเหน็บแก ว่าเลี้ยงแต่หลานนั้น ไม่นึกถึงหลานนี้ ไม่ยุติธรรม บางทีแกบอกว่ามันขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสสะดวกมากกว่า แกไม่ได้รักหลานคนไหนเป็นพิเศษ คนพวกนี้ก็จะพูดซ้ำๆคำเดิม ว่าจะเก็บเงินไว้ทำไมนักหนา
เอามาให้หลานดีกว่าลูกก็ไม่มี

เอ้า!!!เค้าทำงานหามาเอง เหนื่อยเอง จะไม่ให้เค้าเก็บไว้สบายยามแก่บ้างหรอ?

ในกรณีนี้เราคิดว่า หากเราอุปการะดูแลพ่อแม่ญาติพี่น้องตามสมควรแล้ว ไม่น่ามากะเกณฑ์หรือเรียกร้องกันเลย

คนไม่มีลูกหรือไม่แต่งงานหรือคบเพศเดียวกัน ทำผิดอะไรหนักหนา ถึงต้องมาชดใช้ให้คนเหล่านี้?

การมีทายาทสืบสกุล ไม่ได้หมายความว่าคุณทำหน้าที่การเป็นมนุษย์สมบูรณ์แล้วสักหน่อย

สำหรับเราการรู้จักหน้าที่ที่มีต่อตัวเองและคนอื่น และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครต่างหาก จึงจะเรียกว่าสมบูรณ์
ดัชนีชี้วัดควรเป็นความสุขของเรา ไม่ใช่เราทุกข์แต่คนอื่นสุขสบาย

จากหลายๆคอมเม้นท์ที่เราได้อ่านในกระทู้เก่า มีเพื่อนสมาชิกหลายท่านเลย ที่พบกับปัญหานี้ และเผชิญกับมันอย่างไม่จบสิ้น

บางท่านปฏิเสธปุ๊บเป็นคนเนรคุณปั๊บ
บางท่านยอมให้ กลายเป็นเดือดร้อนแสนสาหัส


อันนี้เราเล่าแบบย่อๆ จริงๆมีรายละเอียดอีกเยอะที่แกมาปรับทุกข์ให้ฟัง

การวางแผนทางการเงินให้ดี เพื่อที่จะอยู่ได้ในยามแก่เฒ่า
เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงนะเราว่า
การมีลูกเพื่อพึ่งพายามชราไม่ผิดหรอก แต่ต้องคิดสักนิดว่าที่ผ่านมา ก่อนเราตัดสินใจมีลูก เราวางแผนอย่างไร
การมีลูกไม่ใช่การลงทุนเพื่อเก็งกำไรไม่ใช่หรอ?
ถ้าเลือกที่จะมี แล้วหวังพึ่งพาคนไม่มีลูกในการดูแล มันออกจะเห็นแก่ตัวสำหรับคนที่เขาไม่มีลูกไปสักหน่อยนะเราว่า

บางกรณี มีมาวางแผนให้เสร็จสรรพ ว่าเงินทองทรัพย์สินต้องให้ใครเท่าไหร่ ช่วยเขาได้แบบไหนบ้าง

แล้วตอนเขาแก่ชรา ป่วยไข้ เขาจะเอาที่ไหนมาใช้ชีวิต ในเมื่อเขาก็ไม่ได้มีลูกดูแล และไม่มีอะไรการันตีได้ว่า หลานเหล่านั้นจะรู้คุณจนมาดูแลกัน อย่าว่าแต่หลานเลย คนมีลูกนี่แหละก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้ ว่าลูกๆจะมาเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า

ความคิดแบบนี้ เมื่อไหร่จะหมดไปสักที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่