ใครเคยหวีดกับหนังคัลท์ยุค 80 อย่าง The Thing ผลงานของผู้กำกับจอห์น คาเพนเตอร์ ที่ขายความเลือดสาด ความสยองแบบเนื้อๆ เน้นๆ แถมซีจีและเอฟเฟ็กต์สุดล้ำ (ในยุคนั้น) เล่าถึงทีมวิจัยที่บังเอิญไปพบศูนย์วิจัยลึกลับอีกแห่งที่มีแต่ซากศพและซากสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร ก่อนจะทวีความเหวอและสยองมากขึ้นเรื่อยๆ


The Thing ในยุคนั้น จากทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ กวาดรายได้ทั่วโลกมาที่ 19 ล้านเหรียญฯ ก็นับว่าทำรายได้แทบจะอีกเท่าของทุน เป็นไปได้ว่าในยุคนั้น หนังแนวนี้เป็นที่ถูกคอของคนดูหนัง ไม่ว่าจะความสยองที่ไต่ระดับสุดขีด และไม่ใช่สยองแบบตุ้งแช่ให้ตกใจ แต่เป็นสยองแบบแหวะสุดขีด คว้านไส้กระชากตับ เหนืออื่นใดคือสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่เหนือชั้นมากๆ (ในยุคนั้น) และทำให้คนดูรู้สึก "อิน" ไปกับการคุกคามของเจ้าสัตว์ประหลาดไร้ที่มาในศูนย์วิจัยแห่งนั้น

และปี 2017 เราก็เตรียมพบกับ The Void จากโปรดิวเซอร์ที่เคยทำให้หนังอินดี้ทุนต่ำอย่าง The VVitch ประสบความสำเร็จทั้งรางวัลและรายได้มาแล้ว และยังกำกับโดยคู่หูอดีตสเปเชียลเอฟเฟกต์รางวัลออสการ์จาก Suicide Quads อย่าง สตีฟ โคสตันสกี้ และ เจเรมี่ กิลเลสพี


ด้วยคุณสมบัตินองเลือดครบชุดทั้งสตอรี่ที่หลุดโลกแต่มันสะใจในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยอสูรสยดสยองเต็มพิกัด และเหล่าอสุรกายแทรกร่างที่มีดีไซน์เลเวลช็อคโลก รวมทั้งผู้กำกับและทีมเมคอัพยังได้แรงบันดาลใจจากเจ้าพ่อดีไซน์งานอสูรอย่าง เอช. อาร์. ไกเกอร์ ผู้ออกแบบคาแรคเตอร์ของหนังเรื่อง Alien อีกด้วย

ทั้งนี้ ความคัลท์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลาพิสูจน์ประมาณหนึ่ง (ลองดูจาก Fight Club ของฟินเชอร์ก็ได้ ที่ตอนออกฉายนอกจากไม่เปรี้ยงแล้ว คนยังไม่เข้าใจมันอีกด้วย ก่อนที่มันจะมาบูมสุดขีดในระยะหลังจนกลายเป็นหนังขึ้นหิ้งของเขา และของสองนักแสดงนำอย่างเอ็ดเวิร์ดและพิตต์ไป) แต่แน่นอนว่ากระแสความดิบบางอย่าง ดูจะเป็นเส้นทางที่ความคัลท์มีไว้-และจากนักวิจารณ์ The Void กวาดคะแนนเหล่านี้มาครบถ้วน

ที่เราต้องจับตาดูคือ ที่ทางของหนังคัลท์หน้าตาสยองขวัญในยุคนี้ ที่ปั้นพล้อตเรื่องมาดีและเปี่ยมไปด้วยสเปเชียลเอฟเฟ็กต์สุดล้ำที่มุ่งสร้างความสยองขวัญที่ให้อารมณ์ความดิบในยุค 80 ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป-โดยเฉพาะเมื่อมันกวาดคำวิชมจากนักวิจารณ์มานอนกอดมากมายขนาดนี้ รวมถึงว่า สัตว์ประหลาดที่จะออกมาหลอนผู้คนนั้น จะถูกดีไซน์อย่างไรในโลกยุคสมัยใหม่เช่นนี้-คงต้องจับตาดูกัน