รมว.โทรคมฯ รัสเซีย ปิ๊งไอเดียขอตั้งโฮลดิงคอมพานีร่วมกับไทย หวังพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ เตรียมเสนอ “ปูติน” เดือน ก.ค.นี้ ขณะที่ “ฐากร” ระบุจะเร่งเสนอนายกฯ เร็วที่สุด หากเห็นชอบผู้นำทั้งสองประเทศ ค่อยลงลึกด้านรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสร้างความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทย และรัสเซียว่า นายนิโคลัย นิกิโฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโทรคมนาคมและการสื่อสาร และ รมว.กระทรวงคมนาคมสื่อสารมวลชนแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เสนอแนวทางการร่วมมือของทั้ง 2 รัฐบาล คือ การจัดตั้งโฮลดิงคัมพานีร่วมกัน โดยให้รัสเซียถือหุ้น 49% และไทยถือหุ้น 51% เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ก, เว็บค้นหาข้อมูล ตลอดจนแอปพลิเคชันแชตสำหรับประเทศไทย
ทั้งนี้ เนื่องจากรัสเซียเองก็ได้พัฒนาโซเซียลเน็ตเวิร์กดังกล่าวใช้ในประเทศของตนเอง โดยโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้ในรัสเซีย ประกอบด้วย 1.Vk.com 2.OK.ru 3.Moi Mir 4.Facebook 5.Livejournal ส่วนเสิร์ชเอนจิน (Search engine) อาทิ Yandex.com เป็นโซเซียลมีเดียสัญชาติรัสเซีย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ในยุโรป จึงมีแนวคิดจะนำโซเชียลดังกล่าวมาพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้บริการของประเทศไทย
นายฐากร กล่าวว่า หลังจากนี้ กสทช.จะสรุปเรื่องนี้เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะที่นายนิโคลัย จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และในเดือน ก.ค. จะเสนอต่อนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย โดยคาดว่า ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (เอเปก) จะมีการพูดคุยกันระหว่างผู้นำประเทศไทย และรัสเซียในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซีย มองว่า ที่ผ่านมา บริการโซเซียลมีเดีย เสิร์ชเอนจินที่ให้บริการในประเทศไทยเกิดปัญหามีการใช้งาน และใช้ความจุ (แบนด์วิดท์) เป็นจำนวนมากในการให้บริการ ซึ่งไม่สามารถจัดเก็บรายได้ และ
ไม่มีการเสียภาษีให้แก่ประเทศ ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเป็นจำนวนมหาศาล ยกตัวอย่าง ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการให้ท่องเที่ยวที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศ เป็นต้น
“นอกจากนี้ นายนิโคลัย ยังได้สอบถาม กสทช.ว่า จริงหรือไม่ที่หัวเว่ย เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีให้ประเทศไทย เพราะผู้บริหารหัวเว่ย อ้างเช่นนั้น ทำให้ชาติอื่นไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งผมก็ตอบไปว่าไม่จริง จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องระวัง และผมก็ต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานให้นายกฯ ทราบด้วย”
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000055611
รัสเซียเสนอตัวทำแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ไทย
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสร้างความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทย และรัสเซียว่า นายนิโคลัย นิกิโฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโทรคมนาคมและการสื่อสาร และ รมว.กระทรวงคมนาคมสื่อสารมวลชนแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เสนอแนวทางการร่วมมือของทั้ง 2 รัฐบาล คือ การจัดตั้งโฮลดิงคัมพานีร่วมกัน โดยให้รัสเซียถือหุ้น 49% และไทยถือหุ้น 51% เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ก, เว็บค้นหาข้อมูล ตลอดจนแอปพลิเคชันแชตสำหรับประเทศไทย
ทั้งนี้ เนื่องจากรัสเซียเองก็ได้พัฒนาโซเซียลเน็ตเวิร์กดังกล่าวใช้ในประเทศของตนเอง โดยโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้ในรัสเซีย ประกอบด้วย 1.Vk.com 2.OK.ru 3.Moi Mir 4.Facebook 5.Livejournal ส่วนเสิร์ชเอนจิน (Search engine) อาทิ Yandex.com เป็นโซเซียลมีเดียสัญชาติรัสเซีย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ในยุโรป จึงมีแนวคิดจะนำโซเชียลดังกล่าวมาพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้บริการของประเทศไทย
นายฐากร กล่าวว่า หลังจากนี้ กสทช.จะสรุปเรื่องนี้เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะที่นายนิโคลัย จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และในเดือน ก.ค. จะเสนอต่อนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย โดยคาดว่า ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (เอเปก) จะมีการพูดคุยกันระหว่างผู้นำประเทศไทย และรัสเซียในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซีย มองว่า ที่ผ่านมา บริการโซเซียลมีเดีย เสิร์ชเอนจินที่ให้บริการในประเทศไทยเกิดปัญหามีการใช้งาน และใช้ความจุ (แบนด์วิดท์) เป็นจำนวนมากในการให้บริการ ซึ่งไม่สามารถจัดเก็บรายได้ และไม่มีการเสียภาษีให้แก่ประเทศ ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเป็นจำนวนมหาศาล ยกตัวอย่าง ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการให้ท่องเที่ยวที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศ เป็นต้น
“นอกจากนี้ นายนิโคลัย ยังได้สอบถาม กสทช.ว่า จริงหรือไม่ที่หัวเว่ย เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีให้ประเทศไทย เพราะผู้บริหารหัวเว่ย อ้างเช่นนั้น ทำให้ชาติอื่นไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งผมก็ตอบไปว่าไม่จริง จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องระวัง และผมก็ต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานให้นายกฯ ทราบด้วย”
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000055611