ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีโทษประหารชีวิตและโทษจำคุกตลอดชีวิตครับ

ตามที่ปรากฎข่าวการฆ่าหั่นศพสุดสะเทือนขวัญของ เปรี้ยวและเพื่อนๆ จนเป็นเหตุให้กระแสการประหารชีวิตถูกเรียกร้องให้นำกลับมาใช้อีกครั้ง

พอมีการเรียกร้องให้ประหารชีวิตนักโทษทีไร ก็จะมีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับการประหารชีวิตมาตอบโต้เสมอ สิ่งที่ผมเเปลกใจ คือ กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับการประหารชีวิตมักจะเป็น ผู้หลัก ผู้ใหญ่ในวงการกฎหมาย เหตุผลที่กลุ่มคนเหล่านี้หยิบยกมาสนับสนุนให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต คือ "การประหารชีวิตไม่ได้ช่วยยับยั้งอาชญากร"

ทำไมนักกฎหมายมักหยิบยกประโยคนี้มากล่าวอ้าง ผมไม่ทราบครับ ในมุมมองผม ประโยคนี้ไม่ได้ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับการยกเลิกโทษประหารชีวิตเลย เนื่องจาก มันไม่ได้ชี้ให้เห็นข้อเสียของการประหารชีวิตครับ

อันที่จริง การมีกฎหมายก็ไม่ใช่เพื่อลดการเกิดอาชญากรรมนะครับ แต่กฎหมายมีไว้เพื่อ นำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เท่ากับ/หรือไกล้เคียงที่สุดกับความผิดที่เขากระทำ (ผมไม่ใช่นักกฏหมายครับ แต่ผมเคยอ่านหนังสือ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้น หนังสือเล่มนั้นว่าไว้อย่างนี้)

สำหรับผม เหตุผลที่เราต้องมีโทษประหารชีวิตและต้องนำมาบังคับใช้ในทางปฏิบัติด้วย คือ เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เท่ากับ/หรือไกล้เคียงที่สุดกับความผิดที่เขากระทำ

ในทางกลับกันครับ ถ้ากลุ่มผู้สนับสนุนให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตสามารถหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือมายืนยันได้ว่า การประหารชีวิตส่งผลให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้น อย่างนี้สิครับ จีงจะถือว่า ชี้ให้เห็นผลเสียของการประหารชีวิตได้ และผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการยกเลิกโทษประหารชีวิตครับ

สำหรับผม เหตุผลของกลุ่มผู้สนับสนุนให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตที่มีน้ำหนักมากที่สุด คือ การประหารนักโทษบางคดีเป็นการประหารแพะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยที่จะให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตแบบสิ้นชิงนะครับ ผมว่าคำพิพากษาในหลายคดีมีความแม่นยำสูง เช่น คดีที่มีการพิสูจน์ด้วย DNA หรือลายนิ้วมือ หรือทุกวันนี้มีคลิปมือถือ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด ที่สามารถนำมาใช้ประกอบคำพิพากษาเพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับคำพิพากษาได้ ฉะนั้น การห้ามใช้โทษประหารชีวิตควรเกิดขึ้นกับบางคดีเท่านั้น

หรือถ้าโทษประหารชีวิตจะถูกยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน อย่างที่คุณวิศณุ พูดเมื่อวาน ผมก็อยากให้มันเป็นการจำคุกตลอดชีวิตจริงๆ นะครับ ไม่ใช่คอยช่วยผู้ต้องขังให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษอยู่ตลอดเวลา

อันที่จริง ปัจจุบันโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ไม่มีในไทยนะครับ เนื่องจาก ปีไหนที่มีการพระราชทานอภัยโทษ (ประมาณไม่เกิน 5 ปี มีครั้ง) นักโทษประหารที่คดีถึงที่สุด ก็จะได้รับการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตทุกคนโดยอัตโนมัติ เมื่อเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ถ้าปีต่อๆ ไป มีการอภัยโทษอีก อาจสัก 3-5 ปี นักโทษตลอดชีวิตทุกคน จะได้รับการลดโทษอัตโนมัติเหลือโทษจำคุก 50 ปี

พอเหลือโทษจำคุก 50 ปี นักโทษเหล่านี้จะถูกเลื่อนชั้น ทุกๆ 6 เดือน ในการเลื่อนชั้นจะต้องมีการประเมิน อาจต้องเรียนหนังสือ เรียนหลักสูตรต่างๆ แล้วแต่ทางเรือนจำจะกำหนด ในระหว่างนี้ต้องไม่ทำผิดกฎ ระเบียบในคุกเลย ถ้าทำได้ก็จะได้เลื่อนชั้นไปเรื่อยๆ ถ้าได้เลื่อนชั้นแบบไม่มีสะดุด จะถึงชั้นสูงสุด คือ นักโทษชั้นเยี่ยม โดยใช้เวลาประมาณ 3 ปี

เมื่อได้ชั้นเยี่ยมแล้ว ถ้าปีไหนมีอภัยโทษอีก นักโทษชั้นเยี่ยมมักได้รับการลดโทษครึ่งหนึ่ง จากโทษ 50 ปี ก็จะเหลือ 25 ปี

ถ้ายังสามารถรักษาสถานะชั้นเยี่ยมไว้ได้ จะได้รับการลดโทษอีกเดือนละ 5 วันไปเรื่อยๆ มาถึงขั้นตอนนี้ นักโทษส่วนใหญ่จะติดคุกมาแล้วประมาณ 10 ปี

หากยังรักษาชั้นเยี่ยมเอาไว้ได้อีก แล้วปีต่อมา มีอภัยโทษอีก ก็จะได้รับการลดโทษอีกครึ่งหนึ่ง คราวนี้จากโทษจำคุก 25 ปี ก็จะเหลือโทษจำคุก 12 ปีครึ่ง

เมื่อหักจำนวนปีที่ติดจริง คือประมาณ 10 ปี อาจเหลือโทษที่ต้องจำคุกต่อไปอีก 2 ปีกว่า หักวันลดชั้นเยี่ยม อาจเหลือแค่ 1 ปีเศษ

ที่มาของข้อมูล https://ppantip.com/topic/34269774

ฉะนั้น ในปัจจุบันประเทศไทยไม่มีทั้งโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตครับ และคำกล่าวของพี่สาวเปรี้ยว ที่ว่า "โทษประหารชีวิตมันไม่มีจริง" จึงเป็นเหมือนการใช้เท้ากระทืบๆๆ กระบวนการยุติธรรมไทย

และท่านใดที่บอกว่า การประหารชีวิตไม่ได้ช่วยยับยั้งฆาตรกร หลังจาก ได้ยินประโยคนี้ ท่านควรต้องฉุกคิดแล้วนะครับ เพราะอย่างน้อยญาติฆาตรกรเขาก็ดูถูกแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่