ก่อนเริ่มต้นรีวิวนี้แจ้งไว้ก่อนว่าจะค่อนข้างยาวสักหน่อย อาจจะไม่สามารถรีวิวเสร็จได้วันเดียว ส่วนร้านขนมที่เลือกมานำเสนอนั้น คัดเลือกร้านเด็ดจากการที่เอ๋ทานจากหลายๆร้านในทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ รวมจากชาวญี่ปุ่นแนะนำ พร้อมกับหาข้อมูลจาก tabelog และสรุปมาเป็น 10 ร้านเด็ดในแบบฉบับของเอ๋ อย่างไรโปรดติดตามกันด้วยนะคะ^^ ปล. จะเห็นว่าชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนเพราะไม่ได้ทานวันเดียวนะ คือ 20 กิโลเมตรกับการปั่นไปจอดกินไปวันเดียวกลัวท้องจิ่แตกเสียก่อน^^"
มหานคร โอซาก้า ในความรู้สึกของเอ๋มันเป็นเมืองมหานครจริงๆนะ เมืองใหญ่ที่มีทุกสิ่งอย่าง ออกจะแน่นไปด้วยซ้ำในความรู้สึก บังเอิญว่าเอ๋เป็นแค่ผู้หญิงบ้านๆ ที่ชอบอยู่ชนบทบ้านนอกๆ น่ะค่ะ เจออะไรที่มันเป็นแสงสีเสียง ร้านเยอะ คนเยอะ เลยรู้สึกหายใจไม่สะดวกนิดหน่อยเท่านั้นเอง......ก็แปลกนะทำไมไม่ชินซักทีกับเมืองที่เนืองแน่นไปด้วยสารพัดสิ่ง ทั้งที่ก็เคยเจอะเจอสัมผัสมาแล้วทั้งนั้น555
ทางเลือกของเอ๋เลยเป็นแบบที่เราอยากจะเป็น อยากเที่ยวชิลๆ แบบอิสระ เจอคนน้อยๆ และไม่ต้องไปแย่งกันต่อคิวเพื่ออะไรสักอย่างตามๆ กันไป เลยเลือกที่จะหาร้านจักรยานเช่าปั่นเที่ยวไปรอบๆ หาร้านขนมเก๋ๆ อร่อยๆ แบบเป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่น เรามาเมืองเขาเราก็ต้องลองทานแบบเขาสิคะ จะให้มาต่อคิวเพื่อกินขนมร้านแฟรนซ์ไชส์ ที่มีสาขาแม้กระทั่งในเมืองไทย ก็คงไม่ใช่แล้ว ถ้างั้นก็กินที่ไทยนั่นแหละไม่ต้องมาถึงญี่ปุ่นอ่ะจริงไหม???
เกริ่นนาน อ่านเหนื่อย เรื่อยๆ นี่แหละเอ๋เองค่ะ555 เอาหล่ะ เข้าเรื่อง......เริ่มที่สถานี Shin-Osaka พอเดินลงบันไดเลื่อนที่เขียนอยู่หัวบันไดว่า Central Gate เดินลงมาปุ๊บให้มองซ้ายมือข้างๆบันไดที่ติดๆกับเซเว่นอีเลฟเว่นนั้น จะเป็นร้านเช่าจักรยานที่หน้าตาจักรยานเหมือนกันทุกคันเลย และไม่มีเกียร์ใดๆให้เลือกตบซักกะคัน ชื่อร้านเช่าเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนว่า “Ekirin Kun” หลังจากส่งภาษาญี่ปุ่นแบบงูๆ ปลาๆบลาๆๆ และภาษามือผสมอังกฤษเล็กน้อยกับคุณลุงที่อยู่ประจำร้านเช่า ดีนะลุงแกพื้นฐานเข้าใจง่าย ดูเหมือนหน้าจะไม่เข้าใจแต่เข้าใจดีเลยแหละ ลุงก็เอากระดาษมาให้กรอก ในกระดาษจะเป็นช่องภาษาญี่ปุ่นหมดเลย แต่ก็พอเดาได้ว่าใส่ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร และลายเซ็นลงไป และลุงก็ขอพาสปอร์ตของเราไปถ่ายเอกสารไว้ พร้อมกับจ่ายค่าเช่า 350 เยน ต่อ วัน เหยยยยยยย 350 เยนใช้ได้ถึง 5 ทุ่มเลยทีเดียว อะไรมันจะถูกและคุ้มค่ามากขนาดน้านนนนนน แต่ดูเวลารถไฟกลับที่พักให้ทันละกัน นี่เอ๋เช่าไปแค่ 3 ทุ่มก็เอารถมาคืนที่ละจ้า ม่ะเช่นนั้นมีหวังจะตกรถไฟกลับบ้านกันพอดีค่ะ
เอ้า รถจักรยานพร้อม แผนที่ที่ได้มาตอนเช่าก็พร้อม(มั้ง) แต่กูเกิ้ลในมือถือบวก Giant Wi-fi พร้อมกว่านะ555 คนก็พร้อมสิคะ ฝึกพลังขาสะสมมาจากไทยไว้เรียบร้อยแล้ว จะจักรยานแม่บ้านขึ้นสะพาน 8 สะพานก็ไม่หวั่นแม้วันฝนมา เราก็ใส่เสื้อกันฝนปั่นไปค่ะ อย่าได้หวั่นไหว ท่องไว้ ของอร่อยๆ มาแล้วต้องไม่ให้เสียเที่ยวค่ะ ปั่นลัดเลาะไปตามทางฟุตบาทแบบนักปั่นน่องเหล็กจักรยานแม่บ้านญี่ปุ่นกันค่ะ บางช่วงเลาะลอดทางรถไฟ บางช่วงลากจักรยานขึ้นบันไดข้ามทาง (แต่เป็นบันไดที่สามารถลากจักรยานข้ามได้เพราะมีทางราบๆ อยู่ตรงกลางเพื่อให้เราจูง...ลากจักรยานขึ้นไป แต่ถามว่าถ้ากำลังขาและแขนไม่ดีนี่มีเซนะคะ นึกถึงเราเดินขึ้นบันไดแบบเกือบจะตั้งฉากและต้องลากจักรยานขึ้นไปด้วย...เอาสิ แต่ก็ทำไปแล้วหล่ะ บึกบึนกล้ามล่ำ พลังเหลือจะกลัวอะไร5555 ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นที่เมืองนี้ เอ๋เห็นเขาปั่นจักรยานบนฟุตบาทกัน และสกิลการหลบหลีกคนเดินนี่ขั้นเทพเลยจริงๆ บางช่วงลงมาปั่นบนถนนแต่อยู่ในทางของจักรยานก็โอเคไม่น่ากลัว เพราะคนขับรถใหญ่ของที่นี่มีข้อกำหนดไม่ขับเร็ว และที่เห็นคือให้ความสำคัญกับคนปั่นและคนเดินถนนก่อนทุกครั้งเลย
ดูจากแผนที่อันนี้ได้เลย เอ๋ทำไว้ให้ดูง่ายๆ จะปั่นเป็นวงกลมแวะแต่ละร้านเลยนะ ซึ่งแต่ละร้านก็จะมี GPS อยู่ในแผนที่ด้วยเน้อออออ ไม่งงกันเนอะ....
ก่อนจะข้ามสะพานขาวใหญ่ๆ วิวแม่น้ำกว้างๆสวยๆ ดูตามแผนที่นะคะ เอ๋ปั่นแวะไปจอดถ่ายรูปซากุระต้นใหญ่มาก ตรงแถวๆคอสะพานก่อนที่จะข้ามแม่น้ำน่ะ เนื่องจากเอ๋ไปช่วงซากุระพอดีต้นเดือนเมษาถึงกลางๆ เดือนเมษา เลยได้ชมความงดงามตระการตาของดอกซากุระไปซะทุกหนแห่ง และการปั่นจักรยานมันเห็นได้ตามซอกซอยเยอะมากจริงๆ นะ
เดินชมวิวสักหน่อย
โพสท่าถ่ายรูปสักหน่อย
ป่ะ ปั่นไปกันต่อได้ละ
จากนั้นเราจะปั่นข้ามสะพานแขวนสีขาวข้ามแม่น้ำกันนะคะ วิวสวยดูเพลินๆ มีคนปั่นจักรยานเป็นเพื่อนด้วยเยอะเลย ที่นี่รู้สึกว่าจักรยานจะเป็นวิถีชีวิตของพวกเค้าจริงๆนะ ปั่นแล้วมีความสุขจริงๆ
ปั่นตามถนนใหญ่มาเรื่อยๆ เราจะเลี้ยวเยื้องๆซ้ายเพื่อเข้าถนนคู่ขนานของชุมชนเล็กๆ เราจะเจอกับ....
ร้านที่ 1 Patisserie Alcyon ร้านมองจากด้านหน้าร้านคือเล็กๆ แต่พอเข้าไปในร้านตู้เค้กขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเค้กฝรั่งเศสนานาชนิด แบบละลานตามากๆ ทั้งขนมปัง ครัวซองก์อบร้อนๆวางเรียงในถาดบนตู้อีกที ส่วนอีกฝั่งก็เป็นพวกขนมของฝากกระจุกกระจิกเต็มร้านเลยทีเดียว และมองเข้าไปด้านในจะเห็นว่ามีโต๊ะเล็กๆ ให้ลูกค้าไว้นั่งทานในร้านได้ด้วยดีจัง เพราะปกติหลายๆร้านจะเป็นแบบให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว
กลับมาที่ตู้ขนม...อันนี้เห็นหน้าตาขนมแล้วแบบอยากลิ้มรสในทันที แต่กวาดตามองป้ายเมนู โอ้ววววบนเมนูไม่มีภาษาใดเลยนอกจากญี่ปุ่น แง๊ แล้วขนมบางอย่างหน้าตาแปลกที่ขนาดคนทำขนมแบบเอ๋ ก็ตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย
เอาหล่ะ สั่งจากหน้าตาขนมดูละกันเริ่มจากอันที่คุ้นเคยสุดเลยละกัน แท่นแท้นนน..... ขนมชิ้นแรก Mont blanc แค่เห็นครีมเกาลัดวนเป็นชั้นๆๆ สวย สูงสมชื่อมองบลังค์ แถมบนยอดมีสตอเบอร์รี่สดลูกใหญ่ยักษ์ บอกเลยใจสั่นอิอิ แล้วพอปาดช้อนตั้งแต่ยอดครีมลงไปถึงใต้ถ้วยเท่านั้นแหละ.....อื้อหืมมมม มันมีสตอเบอร์รี่อยู่ข้างในสอดไว้กับครีมสดอะไรมันจะนุ่มละมุนลิ้น และเข้ากันขนาดนี้..ได้ใจแถมตัดกับรสหวานกรอบๆ ของเมอร์แรงก์ที่เป็นฐาน ต้องให้ 3 ว้าวเลยทีเดียว ว้าวๆๆ ละมุนอร่อยลงตัวที่สุดๆๆ และสุดท้ายจัดสตอเบอรี่เข้าปากฉ่ำว้าวเข้าไปอี๊ก...เลิฟ ชิ้นนี้ 680 เยน
ต่อมา Almond Croissant อาจจะดูเหมือนครัวซองก์อัลมอนด์ทั่วๆ ไป แต่ที่มันไม่ธรรมดาเพราะว่าเนยนมที่นี่จัดว่าดีงามมาก ครัวซองก์หอมเนยสุดๆ และมีความกรอบกริบมากๆ ขนมประเภทครัวซองก์ที่ร้านนี้จะอบมาวางไว้บนตะแกรงดูมีความสดใหม่ แบบไม่ต้องมีฝาอะไรปิดเลย แป๊บเดียวก็ขายหมดเติมใหม่ตลอดเวลา ดูจากคิวลูกค้าในร้านแล้วคนซื้อกลับกันซะส่วนใหญ่ กลับมาที่รสชาติของครัวซองก์อัลมอนด์ หอมกรอบกริ๊บ แถมมีไส้เนยฉ่ำๆ อยู่ข้างใน โอ้ยถูกใจไขมันหน้าท้องเป็นอย่างยิ่งนะชิ้นนี้ฮี่ๆ จัดว่าอร่อยหนักอยู่เหมือนกัน 230 เยน
Kouign Amann ควินอามานน์ อ่านแบบนี้หล่ะมั้ง...ขนมชิ้นนี้เอ๋ให้เป็นของอร่อยถือว่าราคาไม่แพงและความอร่อยเกินราคาเลย pastry ฝรั่งเศสที่หน้าตาดูธรรมดาๆ คล้ายแป้งครัวซองก์ แต่มันเสริมความไม่ธรรมดาตรงที่หน้าเรียบๆที่เคลือบน้ำตาลคาราเมล รสชาติถูกใจมากๆ คือขมนำหวานตาม และกรอบกริบมากๆ กรอบถึงข้างล่างเลยทีเดียว เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจหอมเนยตลบอบอวลในปากมากๆ ทั้งรสสัมผัส กลิ่นสัมผัส หืมมมมมมม....โดนใจ แต่ถ้าใครที่เคยชินกับรสชาติคาราเมลแบบไทยๆ ที่หวานๆ ไม่ค่อยขมอาจจะบอกว่าขมไปไม่ชอบ แต่สำหรับเอ๋คือชอบมาก เพราะตั้งแต่ทำขนมมาก็เคยชินและชอบทำคาราเมลที่ให้น้ำตาลออกไหม้ๆ มันจะขมถูกใจและไม่รู้สึกเลี่ยนด้วยนะ อันนี้ขอบอกรสชาติแบบนี้คนญี่ปุ่นได๊สึกี้มากเลย 200 เยน
น้ำเปล่าฟรีบริการตัวเองค่ะ และในส่วนของพนักงานมีใจบริการ สื่อสารแบบน่ารัก ถึงจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เท่าไหร่แต่มีความพยายามที่จะบอกชื่อขนมอย่างตั้งใจ สังเกตชื่อขนมง่ายๆของที่นี่คือตั้งตามชื่อดั้งเดิมของฝรั่งเศสเลย แต่ด้วยความที่พนักงานออกเสียงแบบญี่ปุ่นก็เลยทำให้งงกันไปมากเหมือนกัน บางตัวถึงกับต้องขอถ่ายรูปป้ายขนมมาใช้กูเกิ้ลทรานสเลทกันเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่อุปสรรคของการสรรหาของอร่อยนะเจ้าคะ
ในส่วนของร้านนี้ชิมขนมหมดไป 1110 เยน
ชื่อสินค้า: Patisserie Alcyon, Café Fate, Patissirie Ravi e Relier, RJ CAFE', Acidracines Patisserie, Gout Boulangerie & Cafe', Creperie Alcyon, W. Bolero De brevet Bolero, Les Gouters, Paris-h, Osaka, Japan
คะแนน:
[CR] รีวิว 10 ร้านขนมดัง Osaka ประเทศญี่ปุ่น กับเส้นทางปั่นจักรยานปั่นชิม ชม แชะ แบบชิวๆ^^
ก่อนเริ่มต้นรีวิวนี้แจ้งไว้ก่อนว่าจะค่อนข้างยาวสักหน่อย อาจจะไม่สามารถรีวิวเสร็จได้วันเดียว ส่วนร้านขนมที่เลือกมานำเสนอนั้น คัดเลือกร้านเด็ดจากการที่เอ๋ทานจากหลายๆร้านในทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ รวมจากชาวญี่ปุ่นแนะนำ พร้อมกับหาข้อมูลจาก tabelog และสรุปมาเป็น 10 ร้านเด็ดในแบบฉบับของเอ๋ อย่างไรโปรดติดตามกันด้วยนะคะ^^ ปล. จะเห็นว่าชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนเพราะไม่ได้ทานวันเดียวนะ คือ 20 กิโลเมตรกับการปั่นไปจอดกินไปวันเดียวกลัวท้องจิ่แตกเสียก่อน^^"
มหานคร โอซาก้า ในความรู้สึกของเอ๋มันเป็นเมืองมหานครจริงๆนะ เมืองใหญ่ที่มีทุกสิ่งอย่าง ออกจะแน่นไปด้วยซ้ำในความรู้สึก บังเอิญว่าเอ๋เป็นแค่ผู้หญิงบ้านๆ ที่ชอบอยู่ชนบทบ้านนอกๆ น่ะค่ะ เจออะไรที่มันเป็นแสงสีเสียง ร้านเยอะ คนเยอะ เลยรู้สึกหายใจไม่สะดวกนิดหน่อยเท่านั้นเอง......ก็แปลกนะทำไมไม่ชินซักทีกับเมืองที่เนืองแน่นไปด้วยสารพัดสิ่ง ทั้งที่ก็เคยเจอะเจอสัมผัสมาแล้วทั้งนั้น555
ทางเลือกของเอ๋เลยเป็นแบบที่เราอยากจะเป็น อยากเที่ยวชิลๆ แบบอิสระ เจอคนน้อยๆ และไม่ต้องไปแย่งกันต่อคิวเพื่ออะไรสักอย่างตามๆ กันไป เลยเลือกที่จะหาร้านจักรยานเช่าปั่นเที่ยวไปรอบๆ หาร้านขนมเก๋ๆ อร่อยๆ แบบเป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่น เรามาเมืองเขาเราก็ต้องลองทานแบบเขาสิคะ จะให้มาต่อคิวเพื่อกินขนมร้านแฟรนซ์ไชส์ ที่มีสาขาแม้กระทั่งในเมืองไทย ก็คงไม่ใช่แล้ว ถ้างั้นก็กินที่ไทยนั่นแหละไม่ต้องมาถึงญี่ปุ่นอ่ะจริงไหม???
เกริ่นนาน อ่านเหนื่อย เรื่อยๆ นี่แหละเอ๋เองค่ะ555 เอาหล่ะ เข้าเรื่อง......เริ่มที่สถานี Shin-Osaka พอเดินลงบันไดเลื่อนที่เขียนอยู่หัวบันไดว่า Central Gate เดินลงมาปุ๊บให้มองซ้ายมือข้างๆบันไดที่ติดๆกับเซเว่นอีเลฟเว่นนั้น จะเป็นร้านเช่าจักรยานที่หน้าตาจักรยานเหมือนกันทุกคันเลย และไม่มีเกียร์ใดๆให้เลือกตบซักกะคัน ชื่อร้านเช่าเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนว่า “Ekirin Kun” หลังจากส่งภาษาญี่ปุ่นแบบงูๆ ปลาๆบลาๆๆ และภาษามือผสมอังกฤษเล็กน้อยกับคุณลุงที่อยู่ประจำร้านเช่า ดีนะลุงแกพื้นฐานเข้าใจง่าย ดูเหมือนหน้าจะไม่เข้าใจแต่เข้าใจดีเลยแหละ ลุงก็เอากระดาษมาให้กรอก ในกระดาษจะเป็นช่องภาษาญี่ปุ่นหมดเลย แต่ก็พอเดาได้ว่าใส่ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร และลายเซ็นลงไป และลุงก็ขอพาสปอร์ตของเราไปถ่ายเอกสารไว้ พร้อมกับจ่ายค่าเช่า 350 เยน ต่อ วัน เหยยยยยยย 350 เยนใช้ได้ถึง 5 ทุ่มเลยทีเดียว อะไรมันจะถูกและคุ้มค่ามากขนาดน้านนนนนน แต่ดูเวลารถไฟกลับที่พักให้ทันละกัน นี่เอ๋เช่าไปแค่ 3 ทุ่มก็เอารถมาคืนที่ละจ้า ม่ะเช่นนั้นมีหวังจะตกรถไฟกลับบ้านกันพอดีค่ะ
เอ้า รถจักรยานพร้อม แผนที่ที่ได้มาตอนเช่าก็พร้อม(มั้ง) แต่กูเกิ้ลในมือถือบวก Giant Wi-fi พร้อมกว่านะ555 คนก็พร้อมสิคะ ฝึกพลังขาสะสมมาจากไทยไว้เรียบร้อยแล้ว จะจักรยานแม่บ้านขึ้นสะพาน 8 สะพานก็ไม่หวั่นแม้วันฝนมา เราก็ใส่เสื้อกันฝนปั่นไปค่ะ อย่าได้หวั่นไหว ท่องไว้ ของอร่อยๆ มาแล้วต้องไม่ให้เสียเที่ยวค่ะ ปั่นลัดเลาะไปตามทางฟุตบาทแบบนักปั่นน่องเหล็กจักรยานแม่บ้านญี่ปุ่นกันค่ะ บางช่วงเลาะลอดทางรถไฟ บางช่วงลากจักรยานขึ้นบันไดข้ามทาง (แต่เป็นบันไดที่สามารถลากจักรยานข้ามได้เพราะมีทางราบๆ อยู่ตรงกลางเพื่อให้เราจูง...ลากจักรยานขึ้นไป แต่ถามว่าถ้ากำลังขาและแขนไม่ดีนี่มีเซนะคะ นึกถึงเราเดินขึ้นบันไดแบบเกือบจะตั้งฉากและต้องลากจักรยานขึ้นไปด้วย...เอาสิ แต่ก็ทำไปแล้วหล่ะ บึกบึนกล้ามล่ำ พลังเหลือจะกลัวอะไร5555 ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นที่เมืองนี้ เอ๋เห็นเขาปั่นจักรยานบนฟุตบาทกัน และสกิลการหลบหลีกคนเดินนี่ขั้นเทพเลยจริงๆ บางช่วงลงมาปั่นบนถนนแต่อยู่ในทางของจักรยานก็โอเคไม่น่ากลัว เพราะคนขับรถใหญ่ของที่นี่มีข้อกำหนดไม่ขับเร็ว และที่เห็นคือให้ความสำคัญกับคนปั่นและคนเดินถนนก่อนทุกครั้งเลย
ดูจากแผนที่อันนี้ได้เลย เอ๋ทำไว้ให้ดูง่ายๆ จะปั่นเป็นวงกลมแวะแต่ละร้านเลยนะ ซึ่งแต่ละร้านก็จะมี GPS อยู่ในแผนที่ด้วยเน้อออออ ไม่งงกันเนอะ....
ก่อนจะข้ามสะพานขาวใหญ่ๆ วิวแม่น้ำกว้างๆสวยๆ ดูตามแผนที่นะคะ เอ๋ปั่นแวะไปจอดถ่ายรูปซากุระต้นใหญ่มาก ตรงแถวๆคอสะพานก่อนที่จะข้ามแม่น้ำน่ะ เนื่องจากเอ๋ไปช่วงซากุระพอดีต้นเดือนเมษาถึงกลางๆ เดือนเมษา เลยได้ชมความงดงามตระการตาของดอกซากุระไปซะทุกหนแห่ง และการปั่นจักรยานมันเห็นได้ตามซอกซอยเยอะมากจริงๆ นะ
จากนั้นเราจะปั่นข้ามสะพานแขวนสีขาวข้ามแม่น้ำกันนะคะ วิวสวยดูเพลินๆ มีคนปั่นจักรยานเป็นเพื่อนด้วยเยอะเลย ที่นี่รู้สึกว่าจักรยานจะเป็นวิถีชีวิตของพวกเค้าจริงๆนะ ปั่นแล้วมีความสุขจริงๆ
ปั่นตามถนนใหญ่มาเรื่อยๆ เราจะเลี้ยวเยื้องๆซ้ายเพื่อเข้าถนนคู่ขนานของชุมชนเล็กๆ เราจะเจอกับ....
ร้านที่ 1 Patisserie Alcyon ร้านมองจากด้านหน้าร้านคือเล็กๆ แต่พอเข้าไปในร้านตู้เค้กขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเค้กฝรั่งเศสนานาชนิด แบบละลานตามากๆ ทั้งขนมปัง ครัวซองก์อบร้อนๆวางเรียงในถาดบนตู้อีกที ส่วนอีกฝั่งก็เป็นพวกขนมของฝากกระจุกกระจิกเต็มร้านเลยทีเดียว และมองเข้าไปด้านในจะเห็นว่ามีโต๊ะเล็กๆ ให้ลูกค้าไว้นั่งทานในร้านได้ด้วยดีจัง เพราะปกติหลายๆร้านจะเป็นแบบให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว
กลับมาที่ตู้ขนม...อันนี้เห็นหน้าตาขนมแล้วแบบอยากลิ้มรสในทันที แต่กวาดตามองป้ายเมนู โอ้ววววบนเมนูไม่มีภาษาใดเลยนอกจากญี่ปุ่น แง๊ แล้วขนมบางอย่างหน้าตาแปลกที่ขนาดคนทำขนมแบบเอ๋ ก็ตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย
เอาหล่ะ สั่งจากหน้าตาขนมดูละกันเริ่มจากอันที่คุ้นเคยสุดเลยละกัน แท่นแท้นนน..... ขนมชิ้นแรก Mont blanc แค่เห็นครีมเกาลัดวนเป็นชั้นๆๆ สวย สูงสมชื่อมองบลังค์ แถมบนยอดมีสตอเบอร์รี่สดลูกใหญ่ยักษ์ บอกเลยใจสั่นอิอิ แล้วพอปาดช้อนตั้งแต่ยอดครีมลงไปถึงใต้ถ้วยเท่านั้นแหละ.....อื้อหืมมมม มันมีสตอเบอร์รี่อยู่ข้างในสอดไว้กับครีมสดอะไรมันจะนุ่มละมุนลิ้น และเข้ากันขนาดนี้..ได้ใจแถมตัดกับรสหวานกรอบๆ ของเมอร์แรงก์ที่เป็นฐาน ต้องให้ 3 ว้าวเลยทีเดียว ว้าวๆๆ ละมุนอร่อยลงตัวที่สุดๆๆ และสุดท้ายจัดสตอเบอรี่เข้าปากฉ่ำว้าวเข้าไปอี๊ก...เลิฟ ชิ้นนี้ 680 เยน
ต่อมา Almond Croissant อาจจะดูเหมือนครัวซองก์อัลมอนด์ทั่วๆ ไป แต่ที่มันไม่ธรรมดาเพราะว่าเนยนมที่นี่จัดว่าดีงามมาก ครัวซองก์หอมเนยสุดๆ และมีความกรอบกริบมากๆ ขนมประเภทครัวซองก์ที่ร้านนี้จะอบมาวางไว้บนตะแกรงดูมีความสดใหม่ แบบไม่ต้องมีฝาอะไรปิดเลย แป๊บเดียวก็ขายหมดเติมใหม่ตลอดเวลา ดูจากคิวลูกค้าในร้านแล้วคนซื้อกลับกันซะส่วนใหญ่ กลับมาที่รสชาติของครัวซองก์อัลมอนด์ หอมกรอบกริ๊บ แถมมีไส้เนยฉ่ำๆ อยู่ข้างใน โอ้ยถูกใจไขมันหน้าท้องเป็นอย่างยิ่งนะชิ้นนี้ฮี่ๆ จัดว่าอร่อยหนักอยู่เหมือนกัน 230 เยน
Kouign Amann ควินอามานน์ อ่านแบบนี้หล่ะมั้ง...ขนมชิ้นนี้เอ๋ให้เป็นของอร่อยถือว่าราคาไม่แพงและความอร่อยเกินราคาเลย pastry ฝรั่งเศสที่หน้าตาดูธรรมดาๆ คล้ายแป้งครัวซองก์ แต่มันเสริมความไม่ธรรมดาตรงที่หน้าเรียบๆที่เคลือบน้ำตาลคาราเมล รสชาติถูกใจมากๆ คือขมนำหวานตาม และกรอบกริบมากๆ กรอบถึงข้างล่างเลยทีเดียว เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจหอมเนยตลบอบอวลในปากมากๆ ทั้งรสสัมผัส กลิ่นสัมผัส หืมมมมมมม....โดนใจ แต่ถ้าใครที่เคยชินกับรสชาติคาราเมลแบบไทยๆ ที่หวานๆ ไม่ค่อยขมอาจจะบอกว่าขมไปไม่ชอบ แต่สำหรับเอ๋คือชอบมาก เพราะตั้งแต่ทำขนมมาก็เคยชินและชอบทำคาราเมลที่ให้น้ำตาลออกไหม้ๆ มันจะขมถูกใจและไม่รู้สึกเลี่ยนด้วยนะ อันนี้ขอบอกรสชาติแบบนี้คนญี่ปุ่นได๊สึกี้มากเลย 200 เยน
น้ำเปล่าฟรีบริการตัวเองค่ะ และในส่วนของพนักงานมีใจบริการ สื่อสารแบบน่ารัก ถึงจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เท่าไหร่แต่มีความพยายามที่จะบอกชื่อขนมอย่างตั้งใจ สังเกตชื่อขนมง่ายๆของที่นี่คือตั้งตามชื่อดั้งเดิมของฝรั่งเศสเลย แต่ด้วยความที่พนักงานออกเสียงแบบญี่ปุ่นก็เลยทำให้งงกันไปมากเหมือนกัน บางตัวถึงกับต้องขอถ่ายรูปป้ายขนมมาใช้กูเกิ้ลทรานสเลทกันเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่อุปสรรคของการสรรหาของอร่อยนะเจ้าคะ
ในส่วนของร้านนี้ชิมขนมหมดไป 1110 เยน