พอดีช่วงปลายเดือนที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่นเส้นทางหกเกาะหกสะพานในจังหวัดฮิโรชิม่าเริ่มต้นจากเมืองโอโนมิจิไปจบที่เมืองอิมาบาริครับ เลยเอาภาพและประสบการณ์มาฝากกัน เริ่มต้นผมนั่งรถไฟจากโอซาก้าที่ผมพักไปเมืองโอโนมิจิก่อนครับใช้เวลาน่าจะซักสองชั่วโมงนั่งชินคันเซ็นแล้วไปต่อโลคัลเทรนอีกต่อนึงครับ อันนี้ก็ถึงสถานีโอโนมิจิแล้ว
หลังจากถึงแล้วผมก็เดินออกจากสถานีไแหาที่เช่าจักรยานครับซึ่งอยู่ไกล้ๆ กับสถานีนั้นเอง ที่เช่าจัอยู่ในลานจอดรถไกล้ๆ กับโรงแรมตรงท่าเรือ ผมจำชื่อไม่ได้ครับว่าโรงแรมอะไร
ได้จักรยานมาแล้วครับราคา 500 เยน (ที่แพงกว่านี้ก็มีนะครับแต่ผมงก) พร้อมค่ามัดจำ 1000 เยน ถ้าไม่เอามาคืนร้านเดิมจะโดนริบมัดจำครับ แน่นอนว่าผมโดนริบ อิอิ
เช่าจักรยานเสร็จแล้วก็ปั่นไปที่ท่าเรือเฟอรี่เพื่อข้ามไปเกาะแรกครับ เกาะแรกนี้เขาไม่ให้ปั่นข้ามครับ ท่าเรือก็อยู่ไกล้ๆ ที่เช่าจักรยานนั้นแหละ
ภาพแผนที่ที่จะปั่นวันนี้ครับ 75 กิโล
ตอนอยู่บนเฟอรี่ก็ได้คุยกับพี่คนนี้แกช่วยแนะนำผมดีมากแมัจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ใช้ภาษามือกันเยอะหน่อย พี่แกมาปั่นกับแฟนเป้แดงที่ยืนหันหลังในรูปครับ
ถึงเกาะแรกแล้วก็เริ่มปั่นเลยครับ อากาศวันนี้ประมาณ15 องศา ชิลสุดๆ ครับ
ปั่นไปเจอสะพานนี้แต่เขาไม่ให้จักรยานขึ้นครับอันนี้สีแดงสวยเชียว
ปั่นไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นชนบทของญี่ปุ่นที่ชาวบ้านทำการเกษตรทั้งปลูกดอกไม้ ปลูกผัก และปลูกส้มที่เป็นผลไม้ขึ้นชีอของที่นี้ขอบอกว่าอร่อยมากครับ
ปั่นมาจอดพักเจอแก็งค์สาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ที่มาปั่นกันเหมือนกัน แต่พวกนาวจะปั่นแค่ประมาณครึ่งทางแล้วพักค้างคืนครับ ไม่ได้ปั่นรวดเดียวแบบผม
ปั่นไปสักพักเกาะจะข้ามสะพานไปอีกเกาะแล้วครับ สวยมาก สูงสุดๆ
ระหว่างข้ามสะพานครับ มันจะมีสองชั้นจักรยานปั่นชั้นล่างครับ เสียดายมีโครงเหล็กบังเห็นวิวไม่ชัด
ข้ามมาอีกเกาะผมปั่นตามครอบครัวนี้น่ารักมากพ่อแม่ลูกสามคน พ่อปั่นให้ลูกซ้อนท้าย แม่ปั่นคนเดียว คนญี่ปุ่นเขาปลูกฝังให้ลูกรักการปั่นจักรยานตั้งแต่เด็กครับ สังเกตุคนญี่ปุ่นปั่นจักรยานกันเยอะมาก แม้แต่คนใส่สูตรเนี้ยบๆ ในเมืองยังปั่นจักรยานแม่บ้านไปทำงานกันเต็มไปหมด
ปั่นไปสักพักก็จะข้ามไปอีกเกาะแล้วครับโดยจะขึ้นสะพานอันนี้ ไม่รู้ชื่ออะไรครับ 55 ขี้เกียจค้น คือผมมาเที่ยวไม่ค่อยจำชื่ออะไรครับ แต่มีความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่มันมากกว่า จริงๆ คือขี้เกียจเพราะเด่วก็ลืม อิอิ
ทางจักรยานสวยมากๆ อิจฉาคนญี่ปุ่นจริงๆ
น่ากินมากๆ แต่ไม่กล้าเก็บมากิน 555
ขึ้นสะพานถัดไปกันต่อมีแบ่งให้ชัดเจนเลยทางไหนมอไซทางไหนจักรยาน
วิวบนสะพาน
img]http://f.ptcdn.info/657/026/000/1418885199-image-o.jpg[/img]
หิวก็เลยแวะกินของที่เตรียมมาเป็นอาหารเที่ยงบนสะพานนี้เอาแรงก่อน
ข้ามมาเกาะใหม่สวยเช่นเคยมีปลูกบอนไซไว้ตลอดแนวข้างถนนด้วย มีสะพานสีเหลืองบนเกาะนี้ด้วยแต่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะปั่น
ต้องขอบอกว่าตลอด 75 กิโลที่ปั่นไม่เห็นขยะสักชิ้น สะอาดสุดๆ คนที่นี้
บนเกาะนี้มีดอกชบาด้วยเก๋มากเหมือนบ้านเราเลย สีชมพู
แวะเข้าห้องน้ำที่คาเฟ่ระหว่างทาง
ห้องน้ำไว้ให้นักปั่น
เริ่มไต่ขึ้นเนินเพื่อจะขึ้นสะพานแห่งใหม่ต่อ ผ่านสวนส้มอีกแล้ว
ลอดใต้สะพานก่อนขึ้น
สะพานนี้สูงมากวนขึ้นเนินหลายรอบ
ขึ้นสะพานแล้ว
ลงสะพานมาบนเกาะใหม่เจอใบไม้สีสวย กำลังจะร่วงหมดละ งดงามก่อนจากลาถาวร
วิวของเมืองเล็กๆ บนเกาะ
บ้านสวยๆ คลาสสิคมาก
กำลังไต่ขึ้นเนินจะไปเกาะใหม่ต่อ
เห็นสะพานถัดไปแล้ว
แวะถ่ายภาพทะเลน้ำวนใต้สะพานที่มีแค่สามที่เท่านั้นในญี่ปุ่น มันวนจิงๆ นะ
ขึ้นสะพานต่อครับ
ลงจากสะพานก็มาเจอเส้นทางที่โรยด้วยกลีบดอกชบาสวยมากๆ อิอิ
เหลืออีกสามสิบโลครับกว่าจะถึงที่หมายตอนนั้นผมำได้ว่าผมต้องรีบแล้ว เพราะร้านที่ผมจะไปคืนจักรยานจะปิดตอนห้าโมง
เวลาปั่นก็ต้องดูเส้นสีฟ้านี้ปั่นตามไปเรื่อยๆ นะครับจะได้ไม่หลง บางทีผมปั่นชมวิวเพลินดูออกนอกเส้นทางไปหลายโล อิอิ
มีอุโมงด้วยแต่จักรยานไปอีกทางครับห้ามเข้ส
กำลังจะขึ้นสะพานสุดท้ายแล้วครับ สะพานนี้ยาวมากๆ ตืดอันดับโลกเลยแหละไปเมืองอิมาบาริ
ปั่นตามแก๊งเสือหมอบชาวญี่ปุ่นส่วนจักรยานผมเสือโหยครับ
55
ชมภาพสวยๆ กันต่อเริ่มเย็นแล้ว อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ
ขึ้นมาถึงบนสะพานแล้วครับ ผมขอให้แก็งค์เสือหมอบถ่ายรูปใหั เขาถามผมมาจากไกนผมบอกไทยแลนด์โดะ เขาบอกผมต้องแข็งแรงมากๆ ใช้จักรยานแบบนี้ปั่นมาถึงนี้ได้ แถมนุ่งกางเกนยีนอีก ตอนนั้นผมภูมิใจมาก เหมือนเป็นตัวแทนทีมชาติ 555
ปั่นมาถึงอิมาบาริเพื่อตะหาที่คืนจักรยานครับปรากฎว่าหลง พอดีมาไดสองสาวจากโตเกียวช่วยไว้ คือผมดูนาฬิกามันจะห้าโมงแล้ว ผมคงไปคืนจักรยานไม่ทันแน่ๆ แย่แล้ว เลยไปถามสองสาว ปรากฎว่านางทั้งสองก็ต้องไปคืนจักรยานที่เดียวกับผมแถมยังไม่รู้อีกว่าร้านปิดห้าโมง เลยทำหน้าตกใจกันใหญ่ๆ นางเลยรีบโทรไปที่ร้านบอกคอยก่อนอย่าเพิ่งปิด ผมเลยโชคดีปั่นตามทั้งสองคนไป
ถึงที่คืนแล้ว
สุดท้ายก็เดินจากร้านคืนจักรยานไปขึ้นรถไฟที่สถานีอิมาบาริซึ่งอยู่ไกล้ๆ กันกับทั้งสองสาวโตเกียว ทั้งคู่ปั่นมาจากโอโนมิจิเหมือนกันเลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกครับ คนญี่ปุ่นนี้ใจดีทุกคนเลยที่ผมเจอ ขอบคุณมากๆ
ขอจบทริปจักรยานโอโนมิจิ อิมาบาริแค่นี้ครับ ประทับใจมากๆ ทั้งผู้คน เส้นทาง และวิว แค่คิดถึงก็มีความสุขแล้วครับ ใครสนใจมาพูดคุยกับผมที่เพจได้นะครับ
https://www.facebook.com/Two-Wheeled-Animal-1711013355795532/
ปั่นจักรยานจากโอโนมิจิไปอิมาบาริ
หลังจากถึงแล้วผมก็เดินออกจากสถานีไแหาที่เช่าจักรยานครับซึ่งอยู่ไกล้ๆ กับสถานีนั้นเอง ที่เช่าจัอยู่ในลานจอดรถไกล้ๆ กับโรงแรมตรงท่าเรือ ผมจำชื่อไม่ได้ครับว่าโรงแรมอะไร
ได้จักรยานมาแล้วครับราคา 500 เยน (ที่แพงกว่านี้ก็มีนะครับแต่ผมงก) พร้อมค่ามัดจำ 1000 เยน ถ้าไม่เอามาคืนร้านเดิมจะโดนริบมัดจำครับ แน่นอนว่าผมโดนริบ อิอิ
เช่าจักรยานเสร็จแล้วก็ปั่นไปที่ท่าเรือเฟอรี่เพื่อข้ามไปเกาะแรกครับ เกาะแรกนี้เขาไม่ให้ปั่นข้ามครับ ท่าเรือก็อยู่ไกล้ๆ ที่เช่าจักรยานนั้นแหละ
ภาพแผนที่ที่จะปั่นวันนี้ครับ 75 กิโล
ตอนอยู่บนเฟอรี่ก็ได้คุยกับพี่คนนี้แกช่วยแนะนำผมดีมากแมัจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ใช้ภาษามือกันเยอะหน่อย พี่แกมาปั่นกับแฟนเป้แดงที่ยืนหันหลังในรูปครับ
ถึงเกาะแรกแล้วก็เริ่มปั่นเลยครับ อากาศวันนี้ประมาณ15 องศา ชิลสุดๆ ครับ
ปั่นไปเจอสะพานนี้แต่เขาไม่ให้จักรยานขึ้นครับอันนี้สีแดงสวยเชียว
ปั่นไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นชนบทของญี่ปุ่นที่ชาวบ้านทำการเกษตรทั้งปลูกดอกไม้ ปลูกผัก และปลูกส้มที่เป็นผลไม้ขึ้นชีอของที่นี้ขอบอกว่าอร่อยมากครับ
ปั่นมาจอดพักเจอแก็งค์สาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ที่มาปั่นกันเหมือนกัน แต่พวกนาวจะปั่นแค่ประมาณครึ่งทางแล้วพักค้างคืนครับ ไม่ได้ปั่นรวดเดียวแบบผม
ปั่นไปสักพักเกาะจะข้ามสะพานไปอีกเกาะแล้วครับ สวยมาก สูงสุดๆ
ระหว่างข้ามสะพานครับ มันจะมีสองชั้นจักรยานปั่นชั้นล่างครับ เสียดายมีโครงเหล็กบังเห็นวิวไม่ชัด
ข้ามมาอีกเกาะผมปั่นตามครอบครัวนี้น่ารักมากพ่อแม่ลูกสามคน พ่อปั่นให้ลูกซ้อนท้าย แม่ปั่นคนเดียว คนญี่ปุ่นเขาปลูกฝังให้ลูกรักการปั่นจักรยานตั้งแต่เด็กครับ สังเกตุคนญี่ปุ่นปั่นจักรยานกันเยอะมาก แม้แต่คนใส่สูตรเนี้ยบๆ ในเมืองยังปั่นจักรยานแม่บ้านไปทำงานกันเต็มไปหมด
ปั่นไปสักพักก็จะข้ามไปอีกเกาะแล้วครับโดยจะขึ้นสะพานอันนี้ ไม่รู้ชื่ออะไรครับ 55 ขี้เกียจค้น คือผมมาเที่ยวไม่ค่อยจำชื่ออะไรครับ แต่มีความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่มันมากกว่า จริงๆ คือขี้เกียจเพราะเด่วก็ลืม อิอิ
ทางจักรยานสวยมากๆ อิจฉาคนญี่ปุ่นจริงๆ
น่ากินมากๆ แต่ไม่กล้าเก็บมากิน 555
ขึ้นสะพานถัดไปกันต่อมีแบ่งให้ชัดเจนเลยทางไหนมอไซทางไหนจักรยาน
วิวบนสะพาน
img]http://f.ptcdn.info/657/026/000/1418885199-image-o.jpg[/img]
หิวก็เลยแวะกินของที่เตรียมมาเป็นอาหารเที่ยงบนสะพานนี้เอาแรงก่อน
ข้ามมาเกาะใหม่สวยเช่นเคยมีปลูกบอนไซไว้ตลอดแนวข้างถนนด้วย มีสะพานสีเหลืองบนเกาะนี้ด้วยแต่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะปั่น
ต้องขอบอกว่าตลอด 75 กิโลที่ปั่นไม่เห็นขยะสักชิ้น สะอาดสุดๆ คนที่นี้
บนเกาะนี้มีดอกชบาด้วยเก๋มากเหมือนบ้านเราเลย สีชมพู
แวะเข้าห้องน้ำที่คาเฟ่ระหว่างทาง
ห้องน้ำไว้ให้นักปั่น
เริ่มไต่ขึ้นเนินเพื่อจะขึ้นสะพานแห่งใหม่ต่อ ผ่านสวนส้มอีกแล้ว
ลอดใต้สะพานก่อนขึ้น
สะพานนี้สูงมากวนขึ้นเนินหลายรอบ
ขึ้นสะพานแล้ว
ลงสะพานมาบนเกาะใหม่เจอใบไม้สีสวย กำลังจะร่วงหมดละ งดงามก่อนจากลาถาวร
วิวของเมืองเล็กๆ บนเกาะ
บ้านสวยๆ คลาสสิคมาก
กำลังไต่ขึ้นเนินจะไปเกาะใหม่ต่อ
เห็นสะพานถัดไปแล้ว
แวะถ่ายภาพทะเลน้ำวนใต้สะพานที่มีแค่สามที่เท่านั้นในญี่ปุ่น มันวนจิงๆ นะ
ขึ้นสะพานต่อครับ
ลงจากสะพานก็มาเจอเส้นทางที่โรยด้วยกลีบดอกชบาสวยมากๆ อิอิ
เหลืออีกสามสิบโลครับกว่าจะถึงที่หมายตอนนั้นผมำได้ว่าผมต้องรีบแล้ว เพราะร้านที่ผมจะไปคืนจักรยานจะปิดตอนห้าโมง
เวลาปั่นก็ต้องดูเส้นสีฟ้านี้ปั่นตามไปเรื่อยๆ นะครับจะได้ไม่หลง บางทีผมปั่นชมวิวเพลินดูออกนอกเส้นทางไปหลายโล อิอิ
มีอุโมงด้วยแต่จักรยานไปอีกทางครับห้ามเข้ส
กำลังจะขึ้นสะพานสุดท้ายแล้วครับ สะพานนี้ยาวมากๆ ตืดอันดับโลกเลยแหละไปเมืองอิมาบาริ
ปั่นตามแก๊งเสือหมอบชาวญี่ปุ่นส่วนจักรยานผมเสือโหยครับ
55
ชมภาพสวยๆ กันต่อเริ่มเย็นแล้ว อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ
ขึ้นมาถึงบนสะพานแล้วครับ ผมขอให้แก็งค์เสือหมอบถ่ายรูปใหั เขาถามผมมาจากไกนผมบอกไทยแลนด์โดะ เขาบอกผมต้องแข็งแรงมากๆ ใช้จักรยานแบบนี้ปั่นมาถึงนี้ได้ แถมนุ่งกางเกนยีนอีก ตอนนั้นผมภูมิใจมาก เหมือนเป็นตัวแทนทีมชาติ 555
ปั่นมาถึงอิมาบาริเพื่อตะหาที่คืนจักรยานครับปรากฎว่าหลง พอดีมาไดสองสาวจากโตเกียวช่วยไว้ คือผมดูนาฬิกามันจะห้าโมงแล้ว ผมคงไปคืนจักรยานไม่ทันแน่ๆ แย่แล้ว เลยไปถามสองสาว ปรากฎว่านางทั้งสองก็ต้องไปคืนจักรยานที่เดียวกับผมแถมยังไม่รู้อีกว่าร้านปิดห้าโมง เลยทำหน้าตกใจกันใหญ่ๆ นางเลยรีบโทรไปที่ร้านบอกคอยก่อนอย่าเพิ่งปิด ผมเลยโชคดีปั่นตามทั้งสองคนไป
ถึงที่คืนแล้ว
สุดท้ายก็เดินจากร้านคืนจักรยานไปขึ้นรถไฟที่สถานีอิมาบาริซึ่งอยู่ไกล้ๆ กันกับทั้งสองสาวโตเกียว ทั้งคู่ปั่นมาจากโอโนมิจิเหมือนกันเลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกครับ คนญี่ปุ่นนี้ใจดีทุกคนเลยที่ผมเจอ ขอบคุณมากๆ
ขอจบทริปจักรยานโอโนมิจิ อิมาบาริแค่นี้ครับ ประทับใจมากๆ ทั้งผู้คน เส้นทาง และวิว แค่คิดถึงก็มีความสุขแล้วครับ ใครสนใจมาพูดคุยกับผมที่เพจได้นะครับ https://www.facebook.com/Two-Wheeled-Animal-1711013355795532/