นมัสเต!!!! กลับมาคราวนี้ เอาทริปเนปาลแบบไม่มีแบบแผนมาฝาก หลายคนอาจจะเคยไปมาแล้ว ทั้งก่อนและหลังแผ่นดินไหวเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ก็จะเอาความประทับใจกับประเทศนี้มาฝาก ประเทศที่ไม่คิดว่าจะได้ไปเที่ยวแบบนี้ค่ะ (ไปมาเมื่อช่วงต้นปี 2560 นี้เองค่ะ)


นี่คือภาพแรกที่จดจำได้เมื่อออกมาจากด้านในของสนามบิน ภาพที่เห็นก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ แว๊บแรกแอบรู้สึกว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์มาก เหมือนมีแฟนคลับมารอรับที่สนามบินเต็มไปหมด 5555


สิ่งคู่กายที่ขาดแทบจะไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวแทบจะทุกคน สิ่งแรกที่มักจะต้องทำเหนือสิ่งอื่นใดคือการซื้อซิมโทรศัพท์เพื่อที่จะไม่ห่างจาก Social Network --> สำหรับประเทศนี้ซิมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยม คือ Ncell ค่ะ ก็หาซื้อได้ที่สนามบินได้เลย (ต้องใช้พาสปอร์ตกับรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 รูปเพื่อการซื้อซิมด้วยนะคะ)


สภาพบ้านเมืองที่ชาวบ้านก็มักจะประกอบอาชีพค้าขาย ทั้งของสดและของแห้ง วางกับพื้นแบบที่เห็นนี่เป็นส่วนใหญ่ค่ะ



กับสถานที่แรกที่มา คือ เมือง "บักตะปูร์" หรือ ภัคตปุระ (Bhaktapur) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศเนปาล ปัจจุบันถือว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวใครที่มาเนปาลแล้วไม่มาที่นี่ ถือได้ว่ามาไม่ถึงเนปาลนะคะ มีการเก็บค่าเข้าด้วยเพื่อบำรุงบูรณะเมืองเนปาลกันหน่อยค่ะ


ขายเนื้อกันสดๆ ปลากันสดๆ ก็แบบนี้เลย


ไข่ปิ้งก็มี


ชาวบ้านทั่วไปก็มักออกมานั่งเล่น นั่งคุยกันนอกบ้านเป็นธรรมชาติของที่นี่ ที่เห็นได้ทั่วไป
[img]https://f.ptcdn.info/543/051/000/oqtbppno585dEoZwl9O-o.jpg[/img


อย่างที่ทราบว่าประเทศเนปาลได้ประสบเหตุแผ่นดินไหวอย่างหนักเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนและโบราณสถานเป็นอย่างมาก ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและบูรณะกันนาน เนื่องจากเนปาลไม่ได้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่รัฐบาลจะสามารถฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้โดยเร็วชาวบ้านที่นั่นบอกว่าเค้าก็จะค่อยๆบูรณะกันไปเรื่อยๆแบบนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สภาพแวดล้อมของเนปาลไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก ฝุ่นเยอะมากทุกที่ค่ะ


รวมกลุ่มกันเหมือนแก๊งค์โขกหมากรุกบ้านเรา


คุณลุงแกะสลักไม้ พอเห็นเราเดินเข้าไปก็จะเขย่าโต๊ะให้ตุ๊กตาโยกเยก น่ารักมากค่ะ


ซากปรักหักพังยังคงรอการซ่อมแซม


ทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ


น้องอึค่าาา คุณผู้โชมมม


"จัตุรัสโทมาดิ" (Taumadhi Square) อีกหนึ่งจัตุรัสที่มีชื่อเสียง และยังเป็นที่ตั้งของวัดเนียตะโปลา(Nyataponla Temple) วัดเก่าแก่ของเมือง


วันต่อมา มาที่เมือง Patan Durbar Square เป็นเมืองคู่แฝดของกรุงกาฐมาณฑุได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งความงาม (City of Beauty) เป็นเมืองที่รู้จักกันในนามของเมืองแห่งศิลปะอีกด้วย


เส้นทางเดินสวยงาม ขออาศัยศิลปะของผู้ขายอาหารนกท่านนี้ผ่านภาพรวมของเมือง



วันต่อมาข้ามไปที่เมือง Chitawan ไปขี่ช้างดูแรดนอเดียวกันค่ะ

เจอแรดนอเดียวด้วยค่าาา

ขี่ช้างเสร็จก็ไปดูช้างอาบน้ำกันค่ะ

นอกจากจะเจอช้างอาบน้ำ เราก็เจอเด็กอาบน้ำด้วย


วันต่อมาก็ไปที่เมือง Bandipur ค่ะ ที่พักน่ารักมาก หน้าต่างเปิดเจอวิวงามงดมากค่ะ


ขี่ช้าง ขึ้นเขาไปกันละ คราวนี้มาลงเรือที่ Phewa Lake กันค่ะ


เมืองโพคาราเราก็ไป ไปกระโดด Paragliding มาด้วยค่ะ เป็นหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตที่จะไม่มีวันลืม กับระดับความสูงที่โคตรจะมองความกล้าของตัวเอง ว่าจะทำมันได้


กระโดดร่มเหนื่อยๆ หน้ามึดลงมาข้างล่าง ขอดื่มน้ำทับทิมสดแก้หน้ามึดกันหน่อยค่ะ อร่อยมากกก

เจดีย์โพธินาถ เราก็ไปสักการะมานะคะ


วัดสถูปสวะยัมภูมนาถ หรือวัดลิงค่ะ วัดนี้ก็อยู่บนที่สูง และมีลิงเยอะมากๆเลยค่ะ เดินเที่ยวรอบวัดชมวิวได้ด้วยค่ะ

มีเจดีย์ดวงตาเห็นธรรม Buddha Eyes ด้วยค่ะ

ระฆังบทสวด โอม มณี ปัท เม ฮุม


เทวรูปสลักพระศิวะภาคไภราวะ (Bhairava) องค์ดำ เป็นพระศิวะภาคดุร้าย เป็นที่เคารพมากในประเทศเนปาล  สวมพวงมาลัยกะโหลกมนุษย์ เหยียบบนซากศพมนุษย์เป็นสัญลักษณ์แทนอวิชชาของมนุษย์  เชื่อกันว่าใครที่โกหกต่อหน้าพระพักตร์ของเทวรูปนี้จะต้องตาย


ตำหนักกุมารี (Kumari Bahol)  ชาวเนปาลเชื่อว่ากุมารีคือเทพเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างเด็กหญิง กุมารีจะได้รับการคัดเลือกจากเด็กหญิงอายุ 4-5 ปีจากตระกูลศากยะที่นับถือศาสนาพุทธ ที่มีลักษณะครบ 32 ถูกต้องตามตำรา และผ่านการทดสอบต่างๆจนมั่นใจ  กุมารีจะทำหน้าที่เทพนารีจนกระทั่งมีเลือดไหลออกจากร่างกายไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเป็นโลหิตจากประจำเดือนครั้งแรก จากนั้นจึงจะมีการคัดเลือกกันใหม่


เมืองกาฎมัณฑุ

**ขอแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่สนใจในประเทศนี้ให้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมที่น่าสนใจนะคะ หวังว่าคงจะทำให้หลายๆท่านอยากไปท่องเที่ยวค้นหาความสวยงามของประเทศที่หลายคนไม่คิดอยากจะไปกันค่ะ

แล้วเจอกันรีวิวหน้าค่ะ