บาป..คำนี้เป็นคำที่มีการถกเถียงกันมายาวนาน..
ในธรรมชาติมีธาตุ พลังงานของธาตุ ความดึงความยึดของธาตุ และผลของการมีอยู่ของมัน..
บาปคืออะไร? อะไรคือการทำบาป? อีกหน้าหนึ่งของบาปคือความทุกข์..
ความทุกข์แสดงออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบคั้น อัดอั้น เร่าร้อน ทนอยู่ไม่ได้..
ที่ความเจ็บปวด บีบคั้น อัดอั้น เร่าร้อนของธาตุเช่นนั้น..ล้วนบังเกิดขึ้นมาจากพลังงานที่ไม่สันติ
คือความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติ(อกุศลกรรม) และความดึงความยึดที่ไม่สันติ
ที่เป็นความอยาก ความยึดติดต่อสิ่งใดๆไม่ปล่อยวางคลายในตนเองของธาตุ..
ด้วยเหตุนั้นความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติ ความดึงความยึดที่ไม่สันติของธาตุจึงเป็นบาป
ที่ให้ผลเป็นโทษ เป็นความทุกข์ ทั้งแก่ตนเองที่เป็นธาตุภายในและผู้อื่นที่เป็นธาตุภายนอก..
..............................................................................................
การกระทำไม่สันติที่เราออกไปกระทำกับผู้อื่น ผู้อื่นที่ถูกกระทำสามารถอภัยโทษให้เราได้ไม่กระทำเราตอบ
แต่กฏหมายของโลก หรือ กฏของนรกภูมินั้นอภัยให้ไม่ได้ จะต้องมีผู้เป็นกลางที่ไม่ได้ร่วมโกรธเกลียดมาลงโทษ
..............................................................................................
สรุปแล้ว บาปภายนอกที่เราออกไปกระทำกับผู้อื่น ผู้อื่นสามารถอภัยให้เราได้
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบาปภายในตนเองของธาตุนั้นจะหมดไป เพราะกระแสแห่งความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติในตนเองของธาตุนั้น
ยังถูกปรุงกระทำขึ้นมาและดับไปอย่างต่อเนื่อง สืบต่อเป็นขณะๆเรื่อยไปไม่จบสิ้น..
คนที่อภัยได้ เขาก็อภัยได้เรื่อยไป..คนทำบาปก็ทำบาปเรื่อยไป ทำความทุกข์ให้แก่ตนเองเรื่อยไป..
ผลที่สุดแล้วบาปนั้นจะหมดไป ก็ต่อเมื่อธาตุนั้นสามารถดับความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติในตนเองนั้นได้แล้ว
ไม่กระทำขึ้นมาอีก มีความบริสุทธิ์แล้ว สันติแล้ว..บาปจึงไม่มี ความไม่บริสุทธิ์จึงไม่มีแก่ผู้ไม่ได้กระทำนั้นอีกต่อไป..
ขอบพระคุณ..
ในธรรมชาตินี้อะไรคือบาป....?
ในธรรมชาติมีธาตุ พลังงานของธาตุ ความดึงความยึดของธาตุ และผลของการมีอยู่ของมัน..
บาปคืออะไร? อะไรคือการทำบาป? อีกหน้าหนึ่งของบาปคือความทุกข์..
ความทุกข์แสดงออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบคั้น อัดอั้น เร่าร้อน ทนอยู่ไม่ได้..
ที่ความเจ็บปวด บีบคั้น อัดอั้น เร่าร้อนของธาตุเช่นนั้น..ล้วนบังเกิดขึ้นมาจากพลังงานที่ไม่สันติ
คือความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติ(อกุศลกรรม) และความดึงความยึดที่ไม่สันติ
ที่เป็นความอยาก ความยึดติดต่อสิ่งใดๆไม่ปล่อยวางคลายในตนเองของธาตุ..
ด้วยเหตุนั้นความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติ ความดึงความยึดที่ไม่สันติของธาตุจึงเป็นบาป
ที่ให้ผลเป็นโทษ เป็นความทุกข์ ทั้งแก่ตนเองที่เป็นธาตุภายในและผู้อื่นที่เป็นธาตุภายนอก..
..............................................................................................
การกระทำไม่สันติที่เราออกไปกระทำกับผู้อื่น ผู้อื่นที่ถูกกระทำสามารถอภัยโทษให้เราได้ไม่กระทำเราตอบ
แต่กฏหมายของโลก หรือ กฏของนรกภูมินั้นอภัยให้ไม่ได้ จะต้องมีผู้เป็นกลางที่ไม่ได้ร่วมโกรธเกลียดมาลงโทษ
..............................................................................................
สรุปแล้ว บาปภายนอกที่เราออกไปกระทำกับผู้อื่น ผู้อื่นสามารถอภัยให้เราได้
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบาปภายในตนเองของธาตุนั้นจะหมดไป เพราะกระแสแห่งความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติในตนเองของธาตุนั้น
ยังถูกปรุงกระทำขึ้นมาและดับไปอย่างต่อเนื่อง สืบต่อเป็นขณะๆเรื่อยไปไม่จบสิ้น..
คนที่อภัยได้ เขาก็อภัยได้เรื่อยไป..คนทำบาปก็ทำบาปเรื่อยไป ทำความทุกข์ให้แก่ตนเองเรื่อยไป..
ผลที่สุดแล้วบาปนั้นจะหมดไป ก็ต่อเมื่อธาตุนั้นสามารถดับความเคลื่อนไหวกระทำที่ไม่สันติในตนเองนั้นได้แล้ว
ไม่กระทำขึ้นมาอีก มีความบริสุทธิ์แล้ว สันติแล้ว..บาปจึงไม่มี ความไม่บริสุทธิ์จึงไม่มีแก่ผู้ไม่ได้กระทำนั้นอีกต่อไป..
ขอบพระคุณ..