ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 28/5/2017 - UFO+การเผชิญ 4 ชนิด -2

กระทู้คำถาม

ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้ผม MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการอีก 1 วันครับอมยิ้ม36

วันนี้ จะเล่าต่อ เรื่องราวลึกลับ ของ UFO และ การเผชิญหน้า 4 ชนิด ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ครับ

ทบทวนกันสักนิด การเผชิญหน้ากับ UFO และมนุษย์ต่างดาวนั้น จัดแบ่งเป็น 3 ชนิดก่อน คือ
(1) Close Encounter of The 1st Kind = การเผชิญหน้าชนิดแรก คือ การพบเห็น UFO ปรากฏอยู่บนฟ้าธรรมดาๆ พอพบแล้ว มันก็บินหนีไปบ้าง หายไปกับตาเฉยๆเลยบ้าง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เป็นเคสที่มีมากที่สุด

(2) Close Encounter of The 2nd Kind = การเผชิญหน้าชนิดที่สอง ผู้พบเห็นได้รับผลกระทบบางอย่างหลังจากการเห็นนั้น เช่นมีรอยเหมือนถูกแดดเผา หรือกาารพบร่องรอยการลงจอด

(3) Close Encounter of The 3rd Kind = การเผชิญหน้าชนิดที่ 3 ผู้พบเห็น ถูกจับตัวขึ้นยานไปทำการบางอย่างแล้วถูกลบความทรงจำก่อนจะถูกปล่อยกลับลงมา ซึ่งเรามาถึงข้อนี้แล้ว และอยู่กับ เรื่องราวของ สองสามีภรรยา บาร์นี่ และ เบ็ตตี้ ฮิลล์ ที่เล่าค้างไว้ถึงตอนที่คนทั้งสองขับรถกลับถึงบ้านแล้วและพบว่า เข็มนาฬิกาบนนาฬิกาข้อมือหยุด ไม่เดิน และเวลาผ่านมาสองชั่วโมงซึ่งนานผิดปกติของการขับรถกลับบ้านโดยปกติ กับมีร่องรอยประหลาดบนฝากระโปรงรถ แต่ที่สำคัญ พวกเขา จำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมาถึงบ้าน !!!
10 วันผ่านมา เบ็ตตี้ เริ่มเผชิญกับความฝันแปลกๆ ฝันซ้ำๆซากๆ ถึงยานลึกลับ มันเริ่มต้น 5 คืนแรกติดต่อกัน สิ่งที่อยู่ในความฝันนั้นเธอบอกว่า ไม่เคยมีอยู่ในหัวเธอมาก่อนเลย พอพ้นจาก 5 คืนนั้นมันก็หยุด และไม่กลับมาฝันอีก แต่ว่า มันครอบงำจิตใจของเธอในเวลากลางวันทุกวัน แล้วเธอก็เล่าให้บาร์นี่ฟัง ซึ่งเขาก็เข้าใจเธอ แต่ไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เธอเล่ามากเท่าไร เบ็ตตี้ก็เลยไม่พูดถึงมันอีก แต่เปลี่ยนเป็นการเขียนบันทึกไดอารี่แทนที่จะบอกเล่าให้ใครฟัง เธอเล่ารายละเอียดในความฝันเท่าที่นึกได้ว่า เธอกับสามีถูกมนุษย์ประหลาดห้อมล้อมรถ เธอกำลังจะหมดสติแต่พยายามฝืนไว้ และก็ได้รู้ตัวว่ามนุษย์สองตนบังคับให้เธอเดินเข้าไปในป่าทั้งที่มืดๆโดยบาร์นี่เดินตามมาข้างหลังด้วยอาการเซื่องซึมแม้เธอจะตะโกนเรียกเขาแล้วก็ตาม เขาเหมือนคนที่กำลังละเมอเดิน มีมนุษย์ตัวสูงประมาณ 5 ฟุตถึง 5 ฟุต 4 นิ้วสวมชุดสีเงินยวงและหมวกคล้ายหมวกทหารสีเดียวกัน ดูคล้ายมนุษย์ มีผมสีดำ ตาใหญ่สีเข้มแต่จมูกโบ๋ ริมฝีปากซีดและผิวสีเขียว บาร์นีย์และมนุษย์ตนนั้นเดินขึ้นไปบนทางลาดลงไปในจานบินที่มีลักษณะเป็นโลหะ เมื่ออยู่ภายใน บาร์นีย์และเบ็ตตี้ถูกแยกออกจากกัน เธอดิ้นรนขัดขืน แต่ได้รับการบอกกล่าวจากมนุษย์ตนหนึ่งที่เธอเรียกว่า "หัวหน้า" ว่าถ้าเธอและบาร์นีย์ได้รับการตรวจสอบร่วมกันจะใช้เวลาในการตรวจสอบเป็นเวลานานกว่านั้น แล้วเธอและบาร์นีย์ถูกนำตัวไปแยกกันคนละห้อง มีมนุษย์ตนใหม่ซึ่งคล้ายกับคนอื่น ๆ เข้ามาสอบถามกับหัวหน้า เบ็ตตีเรียกคนใหม่คนนี้ว่า "ผู้ตรวจสอบ" และบอกว่าเขาท่าทางใจดี แม้ว่าหัวหน้าและผู้ตรวจสอบจะพูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ แต่เวลาที่ผู้ตรวจสอบสั่งให้เธอทำอะไร ดูเหมือนภาษาอังกฤษของเขาจะกระท่อนกระแท่น ยากที่เธอจะเข้าใจได้ ผู้ตรวจสอบบอกว่า เขาจะทำการทดสอบเพื่อสังเกตความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับคนในยาน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้และมีแสงสว่างส่องลงมาบนตัวเธอ เขาตัดผมของเบ็ตตี้ ตรวจดูตา หู ปาก ฟัน คอ และมือ ตัดเล็บของเธอ หลังจากตรวจสอบขาและเท้าของเธอแล้ว ก็ใช้มีดทื่อๆคล้ายกับที่เปิดจดหมาย ขูดผิวบางส่วนของเธอลงบนกระดาษแก้ว จากนั้นเขาก็ทดสอบระบบประสาทของเธอและเอาเข็มสอดเข้าไปในสะดือของเธอซึ่งทำให้เบ็ตตี้รู้สึกเจ็บ แต่ "หัวหน้า" โบกมือผ่านตาของเธอ และความเจ็บปวดก็หายไป ผู้ตรวจสอบออกจากห้องและเบ็ตตี้ก็คุยกับ "หัวหน้า" ซึ่งหยิบหนังสือขึ้นมาพร้อมกับสัญลักษณ์แปลก ๆ และบอกว่าสามารถพาเธอกลับบ้านได้ เธอยังถามว่า เขามาจากที่ไหน และ "หัวหน้า" ก็ดึงแผนที่นำทางที่เต็มไปด้วยดวงดาวออกมาให้เธอดู

ในบันทึกความฝันของเบ็ตตี้นั้น มนุษย์ผู้ชายเริ่มขึ้นไปที่เนินเขาที่ห่างจากยาน มีความเห็นขัดแย้งกันเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา "หัวหน้า" บอกว่า เธอไม่สามารถเก็บหนังสือนั้นไว้ได้และพวกเขาตัดสินใจว่า คนอื่น ๆ ไม่อยากให้เธอจำได้ถึงการเผชิญหน้ากันในครั้งนี้ เบ็ตตี้ยืนยันว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับความทรงจำของเธอเธอก็จะระลึกถึงเหตุการณ์นี้ในสักวันหนึ่งจนได้ จากนั้น เธอและบาร์นีย์ถูกนำตัวไปที่รถของพวกเขา ซึ่ง "หัวหน้า" บอกว่า ให้รอดูยานของพวกเขาจากไป ทั้งสองทำเช่นนั้น แล้วกลับมายังรถของตน

ต่อมา ทั้งสองได้รับการสะกดจิต เพื่อจะล้วงลึกเอาสิ่งที่ถูกลบไปจากความทรงจำออกมาให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ โดยเริ่มที่ บาร์นี่ก่อน

ภายใต้การสะกดจิต (ตามที่เขาจำได้) บาร์นีย์รายงานว่า เลนส์ของกล้องส่องทางไกลแตก ขณะวิ่งจากยูเอฟโอกลับไปที่รถของเขา เขาจำได้ว่าขับรถออกไปจากยูเอฟโอ แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าถูกบังคับให้ขับออกจากถนนและขับเข้าไปในป่า ในที่สุดเขาก็เห็นคนหกคนยืนอยู่บนถนนลูกรัง รถจอดที่จนตรอกและมีมนุษย์ 3 คนเดินเข้ามาหารถ บาร์นีย์ไม่กลัวแต่ก็ยังกังวลอยู่ หัวหน้าบอกกับบาร์นีย์ให้ปิดตา ขณะที่สะกดจิต บาร์นี่ กล่าวว่า "ผมรู้สึกเหมือนมีดวงตาพุ่งเข้ามาในดวงตาของผม" บาร์นีย์อธิบายสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปคล้ายกับการถูกสะกดจิตของเบ็ตตี้ แต่ไม่ใช่ความทรงจำในฝัน มนุษย์เหล่านี้มักจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา บาร์นีย์กล่าวถึงผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวและความน่าหลงใหล ภายใต้การสะกดจิต,โดยกล่าวว่า "โอ้ดวงตาพวกเขาอยู่ในสมองของผม" (จากการสะกดจิตเขาในช่วงแรก) และ "ผมถูกสั่งให้หลับตา เพราะผมเห็นสองดวงตาเข้ามาใกล้ และผมรู้สึกเหมือนดวงตานั้นได้ผลักดันเข้าไปในดวงตาผม" (จากการสะกดจิตเขาในช่วงที่ 2) และ" ทั้งหมดที่ผมเห็นคือดวงตาเหล่านี้ พวกเขากำลังใกล้ชิดผมเข้ามา กดดวงตาของผม" เขากับเบ็ตตี้ถูกนำเข้าสู่จานบิน โดยถูกแยกออกจากกัน เขาถูกพาตัวไปที่ห้องโดยชายสามคนและบอกให้อยู่ในห้องทดสอบสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เบ็ตตี้เล่าเรื่องการตรวจของบาร์นีย์อย่างละเอียดในขณะที่เขายังปิดตาเพื่อรับการตรวจให้มากที่สุด อุปกรณ์ถ้วยเหมือนถูกวางไว้เหนืออวัยวะเพศของเขา บาร์นี่คิดว่าตัวอย่างอสุจิของเขาถูกรีดออกมา เอเลี่ยนขูดผิวของเขาและมองเข้าไปในหูและปากของเขา ท่อหรือกระบอกสูบบาง ๆ ถูกสอดใส่เข้าไปในทวารหนักและถอดออกอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังของเขาจะถูกแยกเป็นชิ้นๆ เบ็ตตี้รายงานการสนทนากับ "ผู้นำ" ว่าเธอเข้าใจภาษาอังกฤษ บาร์นีย์บอกว่าเขาได้ยินพวกเขาพูดภาษาพึมพำที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็เข้าใจภาษาอังกฤษด้วย เบ็ตตี้ยังกล่าวว่า ไม่กี่ครั้งที่พวกเขาสื่อสารกับเขา บาร์นีย์กล่าวว่า มันดูเหมือนจะเป็น "การคิดโดยการส่งผ่าน" ในเวลานั้นเขาไม่คุ้นเคยกับคำว่า "การส่งกระแสจิต" ทั้งเบ็ตตีและบาร์นีย์กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นปากของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เมื่อพวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษกับพวกเขา ทั้งสองบอกเล่าถึงลักษณะของมนุษย์บนยานนั้น มีช่างสเก็ตช์ภาพอยู่ด้วยในห้องที่ทำการสะกดจิต และได้ภาพมา ดังนี้

ภาพบนที่วาดลวกๆ คือภาพที่เบ็ตตี้วาดเอง
มีแผนผังที่ "หัวหน้า" เขียนบนแผ่นกระดานให้ดูว่าพวกเขามาจากไหน และเธอได้วาดรูปนั้นให้ทุกคนดู

รูปดังกล่าวถูกนำไปเปรียบเทียบกับแผนที่ดวงดาว และสุดท้าย พบว่า เธอวาดแผนที่ของระบบดาวที่มีชื่อเรียกว่า "เซต้า เรติคูลั่ม (Zeta Reticulum)"ระบบดาวนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เบอร์นาร์ด สตาร์ อยู่ใกล้กลุ่มดาวโอไรออน (Orion) หรือกลุ่มดาวนายพราน และ เซต้า เรติคูลั่ม อยู่ไกลห่างจากโลกถึง 39 ล้านปีแสง !!!


เรื่องของสองสามีภรรยานี้ องค์กร UFO ทั้งของทางการสหรัฐอย่าง โปรเจ็คบลูบุ๊ค ทั้งเอกชนอย่าง มูฟ่อน ยอมรับและเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

คราวนี้ มาถึง การเผชิญหน้าชนิดสุดท้าย ซึ่งจริงๆแล้วก็ต่อยอดมาจากชนิดที่ 3 คือ
(4) CLOSE ENCOUNTER OF THE 4th KIND = การเผชิญหน้าชนิดที่ 4 เป็นชนิดที่ใครก็ไม่อยากเจอแน่ๆ แค่ชนิดที่ 3 คนส่วนใหญ่ก็ไม่เอากันแล้ว ชนิดที่ 4 นี้หนักสุด คือ โดนจับไป หรือ พบ UFO แล้ว ผู้พบเห็นเผชิญหน้านั้น หายสาบสูญไปเลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร !!!
เรื่องที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างภาพยนตร์ ก็คือ เรื่องของ ดร.อมิเกล เทเลอร์ ที่สูญเสียลูกสาวไป โดยการลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาว เอาไปแล้วไม่ส่งคืนกลับมาให้เธอ เรื่องนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อว่า THE FOURTH KIND หรือชื่อภาษาไทยว่า 1-2-3-4 ช็อค ใครสนใจลองหาชมดูครับ ในหนังจะมี "ฟุตเตจ" คือ วีดิโอที่ถ่ายมาจากภาพจริงสอดแทรกเป็นระยะๆ และจะมีตอนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ข้างๆรถที่จอดใกล้ๆบ้านกำลังวิทยุสื่อสารอยู่ และมี UFO ลำใหญ่มากกว่าหลังคาบ้านบินผ่านบ้านไป

ภาพยนตร์ THE FOURTH KIND ที่แบ่งระดับการพบ UFO เป็น 4 ระดับ โดยให้ระดับที่ 3 เป็นเพียง "การติดต่อ"

อีกสักตัวอย่างของคนที่เจอ UFO แล้วหายไปไม่กลับมา เรื่องนี้ก็เป็นข่าวดังก้องโลกมาก่อนเช่นกัน


ในปี 1978 เฟรเดอริก วาเลนทิช นักบินเครื่องเชสน่า 182 แอล ของออสเตรเลีย รายงานว่า เขาได้พบเห็นวัตถุบินลึกลับ ระหว่างทางที่เขากำลังขับเครื่องบินไปยังเกาะคิงในออสเตรเลีย

เขารายงานว่า วัตถุบินนั้น บินอยู่เหนือเขาสูงขึ้นไปประมาณ 1 พันฟิต และกล่าวอีกว่า "เครื่องบินแปลกๆนั้นมาบินอยู่เหนือหัวผมอีกแล้ว...มันบินร่อนอยู่" และก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก "มันไม่ใช่เครื่องบิน!!!" หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินของเขาก็ไม่อาจควบคุมได้ มันรวน และหายไปจากจอเรด้าห์ของภาคพื้นดิน 17 วินาทีสุดท้ายก่อนที่เสียงของเขาจะขาดหายไป ก็มีเสียงโลหะแปลกๆดังเข้ามาในวิทยุ และไม่มีใครอธิบายได้ว่ามันเป็นเสียงอะไร และ เฟเดริค วาเลนทิช ก็หายตัวไปพร้อมกับเครื่องบินที่เขาขับ หายไปอย่างไร้ร่องรอยจนถึงทุกวันนี้

จบเรื่อง UFO กับการเผชิญหน้า 4 ชนิดแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ UFO และมนุษย์ต่างดาวยังมีอีกมาก ค่อยว่ากันโอกาสหน้าครับ


และต่อแต่นี้เป็นต้นไป เชิญทุกท่าน เข้าสู่มิติแห่งการแลกเปลี่ยนเสียงเพลงแก่กันและกัน ตามอัธยาศัยได้เลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 50
ข่าวเกี่ยวกับ UFO...  แค่นำเสนอ เป็นอย่างไรผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณค่ะ

เปิดใจ “เผือก” ผู้เคยเห็น UFO กลางกรุงเทพ มั่นใจมีจริง

  “เผือก พงศธร” นักแสดงพี่มากพระโขนง เผยประสบการณ์เคยเห็นจานบิน UFO เชื่อว่ามีจริง อยากจะไปพิสูจน์ที่เขากะลา จังหวัดกาญจนบุรี เผย “พีท ทองเจือ” ก็เชื่อเรื่องดังกล่าว และอยู่ในชมรมจานบิน
      
       นอกจากผีแล้วก็มีเรื่อง UFO กับ มนุษย์ต่างดาว นี่แหละที่คนทั้งโลกอยากรู้คำตอบและพิสูจน์ว่ามีจริงหรือไม่?! คนที่เชื่อก็มีเยอะ แต่คนที่ไม่เชื่อพูดไปก็หาว่าบ้า ซึ่งหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์นอกโลกที่เรียกว่า UFO กับ มนุษย์ต่างดาว มีจริงก็คือนักแสดงอารมณ์ดี “เผือก พงศธร จงวิลาส” นักแสดงจากเรื่องพี่มากพระโขนง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าเห็น UFO มาร่อนกลางถนนเกษตรตัดใหม่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ฝันสักครั้งในชีวิตอยากเห็นมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ
      
       ไม่สนใครว่าบ้า เพราะเคยเห็น UFO กับตาตัวเองที่เกษตรตัดใหม่
        


      
       “เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านเลยนะครับ แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า UFO มีจริงเพราะเจอกับมาตัว เพราะมีเหตุการณ์ที่เราได้เห็นวัตถุบินได้ ที่เขาเรียกว่า UFO ซึ่งเรื่องนี้พูดไปก็หาว่าผมบ้า แต่ว่าไม่ได้เห็นคนเดียว เห็นกับเพื่อนๆ พร้อมๆ กัน กลางวันแสกๆ ฟ้าใสๆ ย้อนไปประมาณตอนเรียนปี 2 ก็ 10 กว่าปีมาแล้ว ผมเห็นมันที่เกษตรตัดใหม่ ตอน 8 โมงเช้า วันนั้นจะเดินทางไปโรงเกลือ นัดกับเพื่อนๆ ที่คณะว่าเดี๋ยวเราไปเที่ยวโรงเกลือกัน ไปซื้อของ แล้วก็นัดว่าจะไปรับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึงที่รถไฟฟ้าหมอชิต”
      
       “รถคนนั้นก็มีผมขับ มีเพื่อนผู้ชายนั่งหน้าหนึ่ง นั่งหลังหนึ่ง ผู้หญิงที่ไปรับมาอีกหนึ่ง เป็น 4 คน แล้วช่วงเข้าเส้นเกษตรตัดใหม่ อยู่ๆ เพื่อนที่นั่งหน้าก็พูด เฮ้ย UFO ว่ะ แล้วไอ้เพื่อนคนเนี้ยมันเป็นคนที่พูดมากหน่อย ก็ไม่คิดว่ามันจะพูดจริง เราก็อะไรวะ เลยมองตามที่มันพูด ปรากฏว่าสิ่งที่เห็นคือมันเป็นเหมือนคล้ายๆ ทรงรีๆ เหมือนเม็ดข้าว สีเงินสะท้อนแสงลอยนิ่งๆ บนฟ้า เราก็อะไรวะเนี่ย พอเห็นแล้วทุกคนก็สติแตก แล้วเพื่อนคนนึงที่เรียนภาพยนตร์เขาก็จะพกกล้องวีดีโอตลอดเวลาก็หยิบขึ้นมาถ่าย ส่วนเพื่อนผู้หญิงคนนั้นนั่งหัวเราะสติแตก ทำอะไรไม่ถูกนอกจากหัวเราะ”
      
       “แล้วระยะที่เห็นก็ใกล้นะ มันเห็นชัดเลยครับ ไซส์เท่าเม็ดข้าวเม็ดนึงที่มันลอยอยู่นิ่งๆ แล้วก็พอเอาวีดีโอมาเพลย์ดูก็เห็น แต่ว่าแต่ก่อนวีดีโอที่เด็กนักศึกษาใช้ มันไม่ได้ HD เหมือนทุกวันนี้ มันจะเห็นไม่ชัดมากแต่มันจะเห็นแว้บๆ แวมๆ อยู่บนฟ้า แล้วก็เห็นอยู่นาน 4-5 นาที เราก็เห็นมันลอยนิ่งๆ อยู่เราก็ตื่นเต้น รีบขับรถไปจอดแล้วรีบวิ่งลงมาดู แต่พอเราจอดรถวิ่งมามันไปเร็วมากไปจนเห็นแค่แบบลิบๆ เรา 4 คนจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่แต่ว่าคนอื่นไม่เชื่อคิดว่าบ้า ซึ่งโชคดีที่มีผู้หญิงคนนี้นั่งมาอยู่ด้วย ถ้ามีแต่พวกผมผู้ชาย 3 คนคงไม่มีใครเชื่อ วีดีโอนั้นยังอยู่ เคยเอามาเพลย์ดูแต่มันไม่ชัด คนที่ไม่เชื่อก็ยังมาถ่มยิ้มอยู่ว่าติดกระจกหน้ารถรึเปล่า แบบมันตาฝาดรึเปล่า ซึ่งเราก็เสียใจนิดนึงที่กล้องวีดีโอมันไม่ชัด หลังจากนั้นผมก็ไม่เจออีกเลย เจอจังๆ ครั้งนั้นครั้งเดียว”
      
       “คือก่อนเจอผมก็เชื่อลึกๆ น่าจะมีนะ คือจักรวาลมันกว้างใหญ่ มีคนได้ มันก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ คิดอย่างนี้มาตลอด พอเจอก็ยิ่งรู้สึกว่าเออ เราน่าจะคิดถูกแล้วแหละ แต่เรื่องนี้ผมว่ามันดูบ้ากว่าเห็นผี คนไทยยังเชื่อว่าผีมีจริงมากกว่ามนุษย์ต่างดาว ในขณะที่ผมรู้สึกว่ามนุษย์ต่างดาวมันน่าเชื่อกว่าผีอีก มันดูวิทยาศาสตร์ มันดูอธิบายได้บางอย่าง”
      

       ยิ่งอึ้งผ่านไป 5 ปีมีคนบอกเห็น UFO ในวันและเวลาเดียวกันเป๊ะๆ
            
       “5 ปีหลังจากนั้นผมทำงานที่ออฟฟิศเก่า มีอยู่วันนึงก็คุยกันเรื่องนี้ คุยกันเรื่องมนุษย์ต่างดาว ผมก็เลยเล่าว่าผมเคยเห็น ระหว่างที่เล่าๆ ก็มีน้องคนนึงนั่งทำกราฟฟิกอยู่เป็นผู้หญิง เขาวางเม้าส์วางทุกอย่างแล้วก็หันมาบอกว่า พี่เผือกเดี๋ยวนะ เห็นเมื่อไหร่ เห็นที่ไหน กี่โมง ก็อธิบายไป เขาก็บอกว่าพี่เชื่อรึเปล่าว่าเคยมีเพื่อนเขาเล่าให้เขาฟังแบบนี้เลย เมื่อสัก 4-5 ปีที่แล้ว สถานที่และเวลาเดียวกันเลย ผมเลยคิดว่าเหมือนจะเป็นลำเดียวกันที่เพื่อนเขาเห็นเหมือนกัน บินไปในทิศทางเดียวกัน ก็เลยคิดว่าเออว่ะ วันนั้นมีคนเห็นเหมือนกับเราเนอะ ประหลาดดี”
      

       ผู้กำกับ GTH ก็เชื่อหลายคน

       “ผมไม่ได้เพ้อไปเอง แล้วก็คนรอบตัวก็มีคนเชื่อเยอะนะ อย่างพี่กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่กำกับหนังของ GTH เขาก็เคยเห็น แล้วเขาเคยเห็นแบบโหดด้วย เห็นเป็นเม็ดข้าวเหมือนกับผมแต่ว่าคนละสี ของเขาเป็นสีน้ำตาลมีลวดลายบางอย่าง แล้วเขาก็ไปค้นคว้า ปรากฏว่าวันที่เขาเห็นเป็นวันเดียวกับวันที่เคยมีปรากฏการณ์ยานอวกาศ เวลาเดียวกันวันเดียวกันแต่คนละปี ข้อมูลเขาค่อนข้างหลอนมาก เคยชวนว่าจะไปดูมนุษย์ต่างดาวด้วยกัน พูดกันขำๆ นะ เพราะคนรอบตัวผมมีคนเชื่อเยอะเหมือนกัน คุณเมธ ธราธร ที่กำกับ ATM เออรักเอ่อเร่อ ก็เชื่อ ก็เคยคิดพิสูจน์กัน ก็อยากไปเขากะลา นครสวรรค์ แต่ไม่มีเวลาจะนัดไปกัน ไปทีมันต้องมีเลนส์ที่สามารถซูมได้ถึงภูเขาอีกลูกนึง และกล้องที่ถ่ายตอนกลางคืนได้”
      

       ถึงกับศึกษาจริงจัง

       “ก็ไม่เชิงศึกษา แต่ก็เริ่มเชื่อมากขึ้น เพราะเรารู้สึกว่า เฮ้ย เคยเห็นแล้วนะ เราก็ไม่รู้หรอกว่าใครขับ แต่ว่า UFO มันคือ Unidentified Flying Object ใช่ไหม มันตรงเลย มันคือวัตถุบินได้ ซึ่งเราไม่สามารถระบุได้ว่ามันคือเครื่องบินหรือมันคืออะไร ก็ไปดูตามเว็บทั้งของไทยและต่างประเทศ อ่านตามบล็อกของคนที่เขาเชื่อ แต่เราก็อ่านฟังหูไว้หู ออกแนวจับผิดด้วยซ้ำว่าจริงรึเปล่า คือเราก็ไม่ได้เชิงว่าโห… สิ่งที่เขาพูดมาหมดต้องเป็นความจริง คนที่เขาเชื่อแบบฮาร์ดคอเชื่อแบบ 100% เขาก็จะศึกษาชื่อดาวที่เขาอยู่ชื่ออะไร ดาวนั้นมีลักษณะยังไง เขาเดินทางมาโลกยังไง ซึ่งเขาจะมีชมรมคนที่เชื่อเรื่องนี้ แต่ว่าผมไม่ได้ไปรวมตัวกับเขา ไม่ได้ไปนั่งทำสมาธิ นัดเจอมนุษย์ต่างดาวกับเขา ไม่ถึงขนาดนั้น”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่