[UEFA Europa League : ฉบับพิเศษ] แชมป์ครั้งแรกของปีศาจแดง และชัยชนะครั้งนี้เพื่อแมนเชสเตอร์

สวัสดีค่ะแฟนผีทุกท่าน อมยิ้ม17 หลังจากรอบชิง UEFA Europa Leauge เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 พฤษภาคม) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะอาแย็กซ์ไป 2-0 เป็นการคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกสมัยแรกของสโมสร และเป็นดับเบิ้ลแชมป์ในการคุมทีมฤดูแรกให้ปีศาจแดงของ โชเซ่ มูริญโญ (ไม่รวมแชมป์เอฟเอ คอมมูตี้ ชิลด์) และเป็นทีมที่ 5 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโรปครบ 3 รายการ ทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ยูโรเปี้ยน คัพ), ยูโรปา ลีก (ยูฟ่า คัพ) และ คัพ วินเนอร์ส คัพ ถัดจากอาแจ็กซ์, บาเยิร์น มิวนิค, เชลซี และ ยูเวนตุส การคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกของแมนยูในครั้งนี้เป็นทีมใหม่ล่าสุดที่คว้าแชมป์ในรายการนี้ ก่อนหน้านั้นทีมใหม่ล่าสุดที่คว้าแชมป์คือ เชลซี เมื่อปี 2013 จากนั้นทีมเซบียาคว้าแชมป์ในรายการนี้ 3 สมัยซ้อน ก่อนการแข่งขันในรอบชิงครั้งนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่แมนเชสเตอร์เพียง 2 วัน การคว้าแชมป์ในครั้งนี้ เป็นการอุทิศแด่ผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้นด้วย

หลังจากที่เกริ่นไว้เกี่ยวกับการคุมทีมในยุคปีศาจแดงของมูริญโญในกระทู้ฉลองแชมป์ลีกคัพ หลังคว้าจากแชมป์ลีกคัพ ในการคุมทีมของเขามีทั้งชนะบ้าง เสมอบ้าง และแพ้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่หนักแต่เสมอมากกว่า ส่วนพรีเมียร์ลีกในการคุมทีมของเขาในยุคปีศาจแดงฤดูแรก ดูไม่สดใสนัก ซึ่งจบอยู่อันดับ 6 ได้คว้าตั๋วไปยูโรป้าลีก แต่ต้องไปเพลย์ออพ หลังจากได้แชมป์ยูโรป้าลีก ทำให้ปีศาจแดงคว้าตั๋วไปแชมป์เปี้ยนลีก รอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปเพลย์ออพ รวมทั้งการันตีจากสปอนเซอร์อย่าง อาดิลาส ได้เพิ่มโบนัสพิเศษ หากได้ไปแชมป์เปี้ยนลีก แต่มีข้อแม้ว่าถ้าไม่ได้ไปแชมป์เปี้ยนลีกจะตัดเงินสนับสนุนไปส่วนหนึ่งตามที่สปอนเซอร์ได้กล่าวไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ลีก แต่ได้แชมป์บอลถ้วย 3 รายการ พูดง่ายๆคือ บอลลีกไม่เน้น เน้นแต่บอลถ้วยค่ะ

สำหรับความพร้อมในรอบชิงชนะเลิศ ไม่มีนักเตะกำลังสำคัญอย่าง สลาตัน อิบราอิโมวิช ที่ได้รับบาดเจ็บยาวจนต้องได้รับการผ่าตัดตรงหัวเข่า และพักฟื้นยาว เช่นเดียวกันกับมาร์คอส โรโฮ ที่ได้รับบาดเจ็บ และพักฟื้นยาวจากเกมรอบก่อนรองชนะเลิศที่เปิดบ้านเอาชนะอันเดอร์เลชท์ 2-1 รวมทั้งนักเตะอื่นที่เจ็บยาวจากเกมอื่นอย่าง แอชลีย์ ยัง และ ลุค ชอว์ นอกจากนี้มีนักเตะโดนโทษแบนอย่าง เอริค ไบยี่ ที่ทำฟลาว์จนได้ใบแดงออกจากสนามในเกมรอบรองชนะเลิศที่เปิดบ้านเสมอกับเชลต้า ปีโก้ 1-1 นอกจากนี้มีนักเตะที่ย้ายค้าแข้งในเมอเจอร์ ลีก อย่าง บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ ย้ายมาที่ทีมชิคาโก ไฟร์ หลังจากไม่ได้อยู่แผนในการคุมทีมของมูริญโญ ส่วนนักเตะคนอื่นๆในเรื่องของฟอร์ม ดูไม่มีความเอาแน่เอานอนว่าจะเอาอะไรมาสู้เขา แต่ความมุ่งมั่น และความกดดันจากสถานการณ์ต่างๆ มันช่วยกระตุ้นให้พวกเขาได้สู้อย่างเต็มที่

เอาละคะ ดิฉันจะมาย้อนการแข่งขันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มยันรอบชิงชนะเลิศ และมีภาพบรรยากาศการฉลองแชมป์ที่สต็อคโฮล์มกันค่ะ



Cr.Manchester United,Getty Image
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่