ก่อนฟุตบอลโลก 2018 พร้อมกับนัดชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกจะมาถึง เราขออนุญาตให้ความสำคัญกับบรรดานักฟุตบอลและกุนซือเหล่านี้ ผู้ทุ่มเทความสามารถที่มี แรงกายแรงใจที่มี จนหากไม่เรียกว่าตำนาน ก็คงจะขัดใจอย่างมาก ดังนั้น หากเปรียบเป็นโรงเรียน ก็คงจะเป็นการทำมุทิตาจิตแด่เหล่าครูวงการฟุตบอลเหล่านี้ เพื่ออวยพรอวยชัยต่อไป
11.ชาบี ปริเอโต
กองกลางเลือดบาสก์ เปรียบได้กับต๊อดติแห่งสเปนเลยก็ว่าได้ เพราะแม้เขาจะไม่ติดทีมชาติรุ่นใหญ่ ไม่เคยได้รางวัลเกียรติยศใดๆ และปรากฎตัวในฟุตบอลยุโรปเพียงแค่ 17 นัด แต่หากเทียบกับ 580 นัด และ 81 ประตู ที่ทุ่มเทเพื่อเรอัล โซเซียดาด มาตั้งแต่ปี 2003 เขาก็สมควรที่จะได้รับอันดับที่ 11 เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสโมสร แม้จะไม่เคยได้อะไรมาก็ตาม
10.จุ๊ปป์ ไฮน์เกส
แม้ว่าในฐานะนักเตะ จะไม่เคยลงเล่นให้กับบาเยิร์นมิวนิกเลยสักครั้ง แต่การที่ปู่จุ๊ปป์ ทำหน้าที่กุนซือเสือใต้มาถึง 3 ครั้ง รวมถึงครั้งนี้ และไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ การันตีว่ารางวัลแชมป์เปี้ยนลีก 2013 แชมป์ลีก 4 สมัย แชมป์ถ้วย 2012 และแชมป์ซูเปอร์คัพ 3 ครั้ง ก็มากพอที่จะเป็นตำนานได้บ้าง แม้ไม่รู้ว่า จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่ก็ถือว่า ความสำเร็จของเสือใต้ส่วนหนึ่ง ก็มาจากปู่จุ๊ปป์เหมือนกัน เขาสอยแชมป์ลีกมา 1 สมัยก่อนอำลาเป็นครั้งที่ 3
9.ฮาเบียร์ มัสเชราโน่
ลงเล่น 334 ครั้ง ยิงไป 1 ครั้ง กับบาร์เซโลนา แชมป์ลีก 5 สมัย แชมป์ถ้วย 5 สมัย ซูเปอร์คัพ 3 สมัย แชมป์เปี้ยนลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และแชมป์สโมสรฟุตบอลโลก 2 สมัย แม้จะไม่ได้บัลลงดอร์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ลบคำว่าตำนานจากเขาผู้นี้ได้เลยสักนิด เขาย้ายจากลิเวอร์พูลด้วยราคาเพียงแค่ 24 ล้านยูโร แต่ไม่น่าเชื่อว่า ผลงานกับสโมสรจะดีถึงขนาดนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนัก ว่าทำไมบาร์ซ่าถึงติดอกติดใจนักเตะลิเวอร์พูลเป็นพิเศษ มัสเชราโน่ ลาบาร์ซ่าไปเมื่อต้นปี แล้วไปลงเล่นที่จีนกับเหอเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน เพื่อเก็บหอมรอมริบส่งท้ายชีวิตแข้ง และส่งท้ายบาร์ซ่าด้วยดับเบิ้ลแชมป์
8.ยาย่า ตูเร่
นอกจากดร็อกบาแล้ว อีกหนึ่งนักเตะขั้นพระกาฬจากกาฬทวีปอีกคนก็คงไม่พ้น ยาย่า ตูเร่ ชื่อที่ฟังเหมือนจะดูน่ารักเหมือนเจ้าของชื่ออีกคน แต่เพลงแข้งโหดเสียมากมาย ยาย่า ตูเร่ ย้ายจากบาร์ซ่ามาอยู่แมนซิตี้เมื่อปี 2010 เฉพาะกับแมนซิตี้ เขาคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย แชมป์ถ้วย 1 สมัย แชมป์ถ้วยลีกอาชีพ 2 สมัย และ ซูเปอร์ชิลด์ 1 สมัย อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การเข้ามาของเป๊บ ทำให้เขามีโอกาสลงน้อยมาก แต่ถือว่าหากเทียบกับซลาตันแล้ว ยังโชคดีอยู่มาก เขาส่งท้ายด้วยแชมป์ลีก 1 สมัย และแชมป์ลีกคัพ 1 สมัย แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนกับมันมากก็ตาม
7.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
หนึ่งในสีสันของวงการฟุตบอลยุโรป และถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะสถิติหลายสถิติที่ไม่ค่อยน่าจำเท่าใด เขาย้ายถึง 9 สโมสร เข้าแข่งในยุโรปถึง 139 ครั้ง แต่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยยูฟ่าเลยสักครั้ง และยังได้แชมป์ลีกใน 5 ประเทศ ถึง 11 สมัย มีชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์ 6 ครั้ง ลงเล่นรวม 730 ครั้ง ยิง 421 ครั้ง เขาอำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อไปเล่นกับแอลเอ กาแล็กซี และใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างสบายใจ และอำลาโดยไม่มีนัดอำลา เขารีบไปโดยทันทีทันใด แม้เขาจะถูกล้อว่าเป็นเจ้าไร้ศาล เป็นตำนานไร้ทีม แต่การที่เขาหนีไปจากยุโรป มันก็ดูเหงาพอสมควร ว่ามั้ย? พ่อหนวดงามส่งท้ายแมนยูด้วยทริปเปิ้ลแชมป์ ก่อนที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกากูสานฝันต่อไป
6.เฟร์นันโด ตอร์เรส
หากซลาตัน เป็นดาวซัลโวไร้ถ้วยยูฟ่า ตอร์เรส ก็คงจะเป็นดาวซัลโวไร้ถ้วยลีก เขาลงเล่นให้กับ 4 ทีมในยุโรป และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอำลาแอตมาดริดไป ปี 2007 เขาย้ายไปอยู่ลิเวอร์พูล และสร้างสถิติเป็นหนึ่งในดาวซัลโวของลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรก ก่อนที่จะสามารถซิวแชมป์เปี้ยนลีกกับเชลซีได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อคอสต้าเข้ามา เขาก็ต้องหนีไปอยู่มิลาน แต่ยังไม่ทันลงเล่น ก็กลับไปอยู่แอตมาดริดต่อแบบยืมตัว ก่อนจะลงเล่นถาวร อย่างไรก็ตาม ดวงเขาก็ตกอีกเพราะแอตมาดริดมีอองตวน กรีซมันน์อยู่แล้ว แถมช่วงต้นปีที่ผ่านมา คอสต้าก็กลับมาเล่นให้แอตมาดริดอีก ทำให้เชื่อว่าตอร์เรสเริ่มถูกกดดัน และตัดสินใจอำลาสโมสรไปแบบสวยงามในฤดูกาลนี้ หากเทียบกับการ์ซิยาสแล้ว ถือว่าเขายังไปแบบหล่อๆอยู่นะ อย่างไรก็ตาม ตอร์เรสสามารถซิวแชมป์ยูโร 2 สมัยได้ และยังได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ไปอีก 1 เกียรติยศ และชนะเลิศยูฟ่าถ้วยหูใหญ่ 1 สมัย และถ้วยยูฟ่าเล็ก 2 สมัย กับเชลซี และ แอตมาดริด
5.จานลุยจิ บุฟฟอน
656 ครั้ง 9 แชมป์ลีก (และอีก 2 แชมป์ที่ถูกยึด) 1 แชมป์ลีกรอง 4 แชมป์ถ้วย 5 แชมป์ซูเปอร์คัพ 1 แชมป์ฟุตบอลโลก 342 คลีนชีต และ 77 คลีนชีตกับทีมชาติ คือสถิติแห่งมือกาวแห่งตูริน แม้บุฟฟอนจะไม่ใช่เบียงโคเนรีตั้งแต่แรกเหมือนเดล ปิเอโร แต่เขายืนหยัดอยู่ทีมมานาน ตั้งแต่ยุคที่คอนเต้ยังเป็นเพื่อนร่วมทีม จนกระทั่งกลายเป็นเจ้านายของเขา เขายืนหยัดมานาน แม้ว่าฤดูกาลสุดท้าย อิตาลีต้องตกรอบคัดเลือก ยูเวนตุสถูกเขี่ยตกรอบ แต่เขาก็ได้ดับเบิ้ลแชมป์กลับบ้านไป นับว่าเป็นการอำลาที่สวยงามก็ไม่ปาน
4.ไมเคิล คาร์ริก
464 ครั้ง และยิงไป 24 นัด สำหรับไมเคิล คาร์ริก แชมป์หลายรายการไม่ต่ำกว่า 10 รางวัล ตลอดระยะเวลา 12 ปีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับความสำเร็จอย่างมากมาย เขาคว้าแชมป์กับสโมสรมาทุกรายการ ความสำเร็จที่เขาได้มากับสโมสร หากไม่ถูกนับว่าเป็นตำนาน ก็คงแปลกกระไรอยู่ แม้ฤดูกาลสุดท้ายของเขา จะเป็นฤดูกาลที่น่าอดสู แต่การกลับมาในฐานะผู้ช่วยโค้ช อาจจะทำให้ได้เห็นอะไรดีๆบ้างในฤดูกาลหน้า หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ
3.อันเดส อิเนียสตา
หากวัดกันที่ภูมิลำเนา อิเนียสตา ควรจะต้องอยู่เรอัล มาดริด ไม่ก็แอตมาดริด เพราะเขาเกิดในแคว้นกาติสญา ซึ่งพูดได้เต็มปากว่า เขาคือกาติลเลียนเลือดแท้ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเขาส่งมาที่ลามาเซียในบาร์เซโลนา และทำให้เขากลายเป็นคาตาลันโดยหัวใจอย่างสมบูรณ์ ความจงรักภักดีต่อสโมสร ช่วยให้เขาคว้าแชมป์ลีกถึง 9 สมัย แชมป์ถ้วย 6 สมัย แชมป์ซูเปอร์คัพ 7 สมัย แชมป์เปี้ยนลีก 4 สมัย แชมป์ยูฟ่าซูเฟอร์คัพ 3 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 3 สมัย ทั้งยังคว้าแชมป์ยูโรกับสเปน 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 อีก 1 สมัย โดยเขากลายเป็น Man of the match ในนัดชิงชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากเขาสามารถซัดประตูไป 1 ลูก และทำให้สเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาได้ เขาจึงสามารถเทียบชั้นกับปูโยลและซาบีได้อย่างไม่ยากเย็น โดยฤดูกาลนี้ เขาส่งท้ายด้วยการส่งดับเบิ้ลแชมป์ไปประดับคัมป์นูอีก 1 สมัย
2.อาร์แซน เวงเกอร์
อาร์แซน เวงเกอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่สามารถเทียบเคียงกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาทำสถิติไร้พ่ายจนทำให้ได้รับถ้วยทองในปี 2004 จากการทำสถิติไร้พ่าย และคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย ถ้วยเอฟเอคัพ 7 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 7 สมัย แม้ฤดูกาลนี้ เขาจะไม่ได้คว้าแชมป์ และยังทำให้ทีมพลาดท็อปโฟร์ แต่ประวัติศาสตร์ที่เขาสร้างขึ้น ร่วมถึงแม้แต่สนามเหย้าใหม่ที่เขามีส่วนช่วย ทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานกุนซืออย่างไม่ต้องสงสัยในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา
1.โรนัลดินโญ่ เกาโช่
ต้นปี 2018 โรนัลดินโญ่ ซึ่งอยู่ในฐานะนักเตะไร้สังกัด ออกมาประกาศยุติการลงแข้งอาชีพ เมื่อย้อนดูหลายๆสโมสรที่เขาทำประตู สร้างเกียรติยศให้ เขาคว้าแชมป์ลีกกับทุกสโมสรถึง 4 สมัย ใน 3 สโมสร และเป็น 1 ในนักเตะไม่กี่คน ที่สามารถคว้าแชมป์สโมสรระดับทวีปถึง 2 ทวีป คือ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และ โคปา ลิเบร์ตาโดเรส และยังคว้าถ้วยโคปาอเมริกาในปี 1999 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 คว้าแชมป์สหพันธ์ในปี 2007 แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอลทุกคนตรึงตาใจก็คือ ลีลาการเล่นสุดพิสดาร ชวนลุ้นชวนติดตาม ทั่วบราซิล แทบไม่มีใครไม่รู้จักเขา และมีหลายๆครั้งที่เขาได้รับการยอมรับจากตำนานหลายๆคนด้วยเช่นกัน การอำลาวงการฟุตบอลอย่างกะทันหัน แม้อาจจะดูไม่สวยนักหากเทียบกับอันดับอื่น แต่สำหรับฟุตบอลที่เขาสร้างมาด้วยลำแข้ง มันก็มากพอที่ทำให้ได้ติดอันดับนี้
++++
11 การอำลาที่แสนยิ่งใหญ่ของฟุตบอลยุโรปฤดูกาล 2017/2018
11.ชาบี ปริเอโต
กองกลางเลือดบาสก์ เปรียบได้กับต๊อดติแห่งสเปนเลยก็ว่าได้ เพราะแม้เขาจะไม่ติดทีมชาติรุ่นใหญ่ ไม่เคยได้รางวัลเกียรติยศใดๆ และปรากฎตัวในฟุตบอลยุโรปเพียงแค่ 17 นัด แต่หากเทียบกับ 580 นัด และ 81 ประตู ที่ทุ่มเทเพื่อเรอัล โซเซียดาด มาตั้งแต่ปี 2003 เขาก็สมควรที่จะได้รับอันดับที่ 11 เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสโมสร แม้จะไม่เคยได้อะไรมาก็ตาม
10.จุ๊ปป์ ไฮน์เกส
แม้ว่าในฐานะนักเตะ จะไม่เคยลงเล่นให้กับบาเยิร์นมิวนิกเลยสักครั้ง แต่การที่ปู่จุ๊ปป์ ทำหน้าที่กุนซือเสือใต้มาถึง 3 ครั้ง รวมถึงครั้งนี้ และไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ การันตีว่ารางวัลแชมป์เปี้ยนลีก 2013 แชมป์ลีก 4 สมัย แชมป์ถ้วย 2012 และแชมป์ซูเปอร์คัพ 3 ครั้ง ก็มากพอที่จะเป็นตำนานได้บ้าง แม้ไม่รู้ว่า จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่ก็ถือว่า ความสำเร็จของเสือใต้ส่วนหนึ่ง ก็มาจากปู่จุ๊ปป์เหมือนกัน เขาสอยแชมป์ลีกมา 1 สมัยก่อนอำลาเป็นครั้งที่ 3
9.ฮาเบียร์ มัสเชราโน่
ลงเล่น 334 ครั้ง ยิงไป 1 ครั้ง กับบาร์เซโลนา แชมป์ลีก 5 สมัย แชมป์ถ้วย 5 สมัย ซูเปอร์คัพ 3 สมัย แชมป์เปี้ยนลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และแชมป์สโมสรฟุตบอลโลก 2 สมัย แม้จะไม่ได้บัลลงดอร์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ลบคำว่าตำนานจากเขาผู้นี้ได้เลยสักนิด เขาย้ายจากลิเวอร์พูลด้วยราคาเพียงแค่ 24 ล้านยูโร แต่ไม่น่าเชื่อว่า ผลงานกับสโมสรจะดีถึงขนาดนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนัก ว่าทำไมบาร์ซ่าถึงติดอกติดใจนักเตะลิเวอร์พูลเป็นพิเศษ มัสเชราโน่ ลาบาร์ซ่าไปเมื่อต้นปี แล้วไปลงเล่นที่จีนกับเหอเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน เพื่อเก็บหอมรอมริบส่งท้ายชีวิตแข้ง และส่งท้ายบาร์ซ่าด้วยดับเบิ้ลแชมป์
8.ยาย่า ตูเร่
นอกจากดร็อกบาแล้ว อีกหนึ่งนักเตะขั้นพระกาฬจากกาฬทวีปอีกคนก็คงไม่พ้น ยาย่า ตูเร่ ชื่อที่ฟังเหมือนจะดูน่ารักเหมือนเจ้าของชื่ออีกคน แต่เพลงแข้งโหดเสียมากมาย ยาย่า ตูเร่ ย้ายจากบาร์ซ่ามาอยู่แมนซิตี้เมื่อปี 2010 เฉพาะกับแมนซิตี้ เขาคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย แชมป์ถ้วย 1 สมัย แชมป์ถ้วยลีกอาชีพ 2 สมัย และ ซูเปอร์ชิลด์ 1 สมัย อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การเข้ามาของเป๊บ ทำให้เขามีโอกาสลงน้อยมาก แต่ถือว่าหากเทียบกับซลาตันแล้ว ยังโชคดีอยู่มาก เขาส่งท้ายด้วยแชมป์ลีก 1 สมัย และแชมป์ลีกคัพ 1 สมัย แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนกับมันมากก็ตาม
7.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
หนึ่งในสีสันของวงการฟุตบอลยุโรป และถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะสถิติหลายสถิติที่ไม่ค่อยน่าจำเท่าใด เขาย้ายถึง 9 สโมสร เข้าแข่งในยุโรปถึง 139 ครั้ง แต่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยยูฟ่าเลยสักครั้ง และยังได้แชมป์ลีกใน 5 ประเทศ ถึง 11 สมัย มีชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์ 6 ครั้ง ลงเล่นรวม 730 ครั้ง ยิง 421 ครั้ง เขาอำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อไปเล่นกับแอลเอ กาแล็กซี และใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างสบายใจ และอำลาโดยไม่มีนัดอำลา เขารีบไปโดยทันทีทันใด แม้เขาจะถูกล้อว่าเป็นเจ้าไร้ศาล เป็นตำนานไร้ทีม แต่การที่เขาหนีไปจากยุโรป มันก็ดูเหงาพอสมควร ว่ามั้ย? พ่อหนวดงามส่งท้ายแมนยูด้วยทริปเปิ้ลแชมป์ ก่อนที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกากูสานฝันต่อไป
6.เฟร์นันโด ตอร์เรส
หากซลาตัน เป็นดาวซัลโวไร้ถ้วยยูฟ่า ตอร์เรส ก็คงจะเป็นดาวซัลโวไร้ถ้วยลีก เขาลงเล่นให้กับ 4 ทีมในยุโรป และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอำลาแอตมาดริดไป ปี 2007 เขาย้ายไปอยู่ลิเวอร์พูล และสร้างสถิติเป็นหนึ่งในดาวซัลโวของลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรก ก่อนที่จะสามารถซิวแชมป์เปี้ยนลีกกับเชลซีได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อคอสต้าเข้ามา เขาก็ต้องหนีไปอยู่มิลาน แต่ยังไม่ทันลงเล่น ก็กลับไปอยู่แอตมาดริดต่อแบบยืมตัว ก่อนจะลงเล่นถาวร อย่างไรก็ตาม ดวงเขาก็ตกอีกเพราะแอตมาดริดมีอองตวน กรีซมันน์อยู่แล้ว แถมช่วงต้นปีที่ผ่านมา คอสต้าก็กลับมาเล่นให้แอตมาดริดอีก ทำให้เชื่อว่าตอร์เรสเริ่มถูกกดดัน และตัดสินใจอำลาสโมสรไปแบบสวยงามในฤดูกาลนี้ หากเทียบกับการ์ซิยาสแล้ว ถือว่าเขายังไปแบบหล่อๆอยู่นะ อย่างไรก็ตาม ตอร์เรสสามารถซิวแชมป์ยูโร 2 สมัยได้ และยังได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ไปอีก 1 เกียรติยศ และชนะเลิศยูฟ่าถ้วยหูใหญ่ 1 สมัย และถ้วยยูฟ่าเล็ก 2 สมัย กับเชลซี และ แอตมาดริด
5.จานลุยจิ บุฟฟอน
656 ครั้ง 9 แชมป์ลีก (และอีก 2 แชมป์ที่ถูกยึด) 1 แชมป์ลีกรอง 4 แชมป์ถ้วย 5 แชมป์ซูเปอร์คัพ 1 แชมป์ฟุตบอลโลก 342 คลีนชีต และ 77 คลีนชีตกับทีมชาติ คือสถิติแห่งมือกาวแห่งตูริน แม้บุฟฟอนจะไม่ใช่เบียงโคเนรีตั้งแต่แรกเหมือนเดล ปิเอโร แต่เขายืนหยัดอยู่ทีมมานาน ตั้งแต่ยุคที่คอนเต้ยังเป็นเพื่อนร่วมทีม จนกระทั่งกลายเป็นเจ้านายของเขา เขายืนหยัดมานาน แม้ว่าฤดูกาลสุดท้าย อิตาลีต้องตกรอบคัดเลือก ยูเวนตุสถูกเขี่ยตกรอบ แต่เขาก็ได้ดับเบิ้ลแชมป์กลับบ้านไป นับว่าเป็นการอำลาที่สวยงามก็ไม่ปาน
4.ไมเคิล คาร์ริก
464 ครั้ง และยิงไป 24 นัด สำหรับไมเคิล คาร์ริก แชมป์หลายรายการไม่ต่ำกว่า 10 รางวัล ตลอดระยะเวลา 12 ปีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับความสำเร็จอย่างมากมาย เขาคว้าแชมป์กับสโมสรมาทุกรายการ ความสำเร็จที่เขาได้มากับสโมสร หากไม่ถูกนับว่าเป็นตำนาน ก็คงแปลกกระไรอยู่ แม้ฤดูกาลสุดท้ายของเขา จะเป็นฤดูกาลที่น่าอดสู แต่การกลับมาในฐานะผู้ช่วยโค้ช อาจจะทำให้ได้เห็นอะไรดีๆบ้างในฤดูกาลหน้า หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ
3.อันเดส อิเนียสตา
หากวัดกันที่ภูมิลำเนา อิเนียสตา ควรจะต้องอยู่เรอัล มาดริด ไม่ก็แอตมาดริด เพราะเขาเกิดในแคว้นกาติสญา ซึ่งพูดได้เต็มปากว่า เขาคือกาติลเลียนเลือดแท้ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเขาส่งมาที่ลามาเซียในบาร์เซโลนา และทำให้เขากลายเป็นคาตาลันโดยหัวใจอย่างสมบูรณ์ ความจงรักภักดีต่อสโมสร ช่วยให้เขาคว้าแชมป์ลีกถึง 9 สมัย แชมป์ถ้วย 6 สมัย แชมป์ซูเปอร์คัพ 7 สมัย แชมป์เปี้ยนลีก 4 สมัย แชมป์ยูฟ่าซูเฟอร์คัพ 3 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 3 สมัย ทั้งยังคว้าแชมป์ยูโรกับสเปน 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 อีก 1 สมัย โดยเขากลายเป็น Man of the match ในนัดชิงชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากเขาสามารถซัดประตูไป 1 ลูก และทำให้สเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาได้ เขาจึงสามารถเทียบชั้นกับปูโยลและซาบีได้อย่างไม่ยากเย็น โดยฤดูกาลนี้ เขาส่งท้ายด้วยการส่งดับเบิ้ลแชมป์ไปประดับคัมป์นูอีก 1 สมัย
2.อาร์แซน เวงเกอร์
อาร์แซน เวงเกอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่สามารถเทียบเคียงกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาทำสถิติไร้พ่ายจนทำให้ได้รับถ้วยทองในปี 2004 จากการทำสถิติไร้พ่าย และคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย ถ้วยเอฟเอคัพ 7 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 7 สมัย แม้ฤดูกาลนี้ เขาจะไม่ได้คว้าแชมป์ และยังทำให้ทีมพลาดท็อปโฟร์ แต่ประวัติศาสตร์ที่เขาสร้างขึ้น ร่วมถึงแม้แต่สนามเหย้าใหม่ที่เขามีส่วนช่วย ทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานกุนซืออย่างไม่ต้องสงสัยในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา
1.โรนัลดินโญ่ เกาโช่
ต้นปี 2018 โรนัลดินโญ่ ซึ่งอยู่ในฐานะนักเตะไร้สังกัด ออกมาประกาศยุติการลงแข้งอาชีพ เมื่อย้อนดูหลายๆสโมสรที่เขาทำประตู สร้างเกียรติยศให้ เขาคว้าแชมป์ลีกกับทุกสโมสรถึง 4 สมัย ใน 3 สโมสร และเป็น 1 ในนักเตะไม่กี่คน ที่สามารถคว้าแชมป์สโมสรระดับทวีปถึง 2 ทวีป คือ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และ โคปา ลิเบร์ตาโดเรส และยังคว้าถ้วยโคปาอเมริกาในปี 1999 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 คว้าแชมป์สหพันธ์ในปี 2007 แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอลทุกคนตรึงตาใจก็คือ ลีลาการเล่นสุดพิสดาร ชวนลุ้นชวนติดตาม ทั่วบราซิล แทบไม่มีใครไม่รู้จักเขา และมีหลายๆครั้งที่เขาได้รับการยอมรับจากตำนานหลายๆคนด้วยเช่นกัน การอำลาวงการฟุตบอลอย่างกะทันหัน แม้อาจจะดูไม่สวยนักหากเทียบกับอันดับอื่น แต่สำหรับฟุตบอลที่เขาสร้างมาด้วยลำแข้ง มันก็มากพอที่ทำให้ได้ติดอันดับนี้