สวัสดีครับ
วันนี้ผมอยากเอาตัวอย่างความสำเร็จของเพื่อนผม ที่ชื่อว่า “Shannon” ที่สู้ชีวิตจนสามารถเรียนจบ Harvard ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ได้
ผมในฐานะที่รู้จักเขา รู้สึกดีใจและภูมิใจในความสำเร็จแทนเขาที่สามารถประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ชีวิตเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย
เลยอยากเอามาแบ่งปันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่ท้อแท้ในโชคชะตาชีวิตให้สู้ต่อไป ให้ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงครับ
Shannon เป็นเพื่อนผมตอนที่อยู่บอสตัน สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกครึ่ง American-Japanese ที่มาจากรัฐ Ohio ที่ทั้งหล่อ เรียนเก่ง และมีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี หรือกิจกรรมต่างๆ ขาดแต่สิ่งเดียวที่ไม่มี นั่นคือ “รวย”
เขาได้เขียนเล่าชีวิตเขาสั้นๆ ใต้รูปชุดครุยหลังจากที่ได้เป็นบัณฑิตเต็มตัวว่า…
…ตอนชั้นระดับมัธยม เขาต้องกินเบอร์เกอร์ของ McDonald’s (Mc ที่สหรัฐ ถือเป็นอาหารไว้กินกันตายครับ) เพื่อที่เขาจะได้มีเงินพอเพื่อไปสอบ SAT (Standardized Test - เพื่อนำคะแนนไปยื่นสมัครเรียนในชั้นอุดมศึกษา) ในช่วงนั้น เขาก็ยังต้องเลี้ยงและดูแลน้องตัวเล็กๆ ของเขา จนกว่าน้องๆ จะเข้านอน ถึงจะมีเวลาได้ทำการบ้าน กว่าจะได้นอนก็ตี 4
เขาต้องเดินกลับบ้านผ่านย่านอันตรายเนื่องจากไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถ (ที่สหรัฐ การมีรถขับเป็นเรื่องธรรมดา)
เขาต้องเอาแล็ปท้อปของเขาตั้งติดกับหน้าต่างเพื่อขโมยสัญญาณ wifi บ้านข้างๆ เพื่อทำการบ้านหรืองานที่อาจารย์มอบหมาย
เขาเคยถูกหัวเราะเยาะและถูกถากถางว่า “สำหรับคนที่มาจากโอไฮโอนั้น มีเฉพาะลูกของหมอและทนายเท่านั้นแหละที่จะสามารถไปเรียน Ivy League ได้” (Ivy League คือ สถาบันชั้นนำของอเมริกา มีทั้งหมด 8 สถาบัน ได้แก่ Brown University, Columbia University, Cornell University, Dartmouth College, Harvard University, the University of Pennsylvania, Princeton University, and Yale University ซึ่งคุณภาพไม่ต้องพูดถึง รวมถึงค่าเทอมก็แพงหูฉี่เช่นกัน)
ครั้งนึงตอนที่เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ฃเขาตกใจมากเมื่อแลปท้อปของเขาเสีย นั่นหมายความว่าเขาต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำกว่า 150 ชั่วโมงเพื่อที่จะซื้อแลปท้อปเครื่องใหม่ได้ เขาต้องทำงานขัดห้องน้ำ จัดชั้นวางหนังสือ และเป็นพนักงานขายเสื้อผ้า เพื่อที่จะมีเงินทำตามความฝันและเดินทางท่องโลกกว้างได้
ตลอดชีวิตของเขา เขาต้องหาสารพัดวิธีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย วันนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาคือลูกชายของคนงานในโกดัง เขาคือลูกชายของผู้อพยพที่ได้เป็นนักเรียนรุ่นแรก และวันนี้ เขาได้สำเร็จการศึกษาที่ “Harvard” แล้ว….
ปล.ขออภัยถ้าหากแปลและเรียบเรียงด้วยสำนวนหรือคำที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่น่ะครับ
>>> ตัวอย่างความสำเร็จ จากลูกคนงานโกดังที่เป็นผู้อพยพ จนสามารถเป็นบัณฑิต Harvard ได้สำเร็จ <<<
วันนี้ผมอยากเอาตัวอย่างความสำเร็จของเพื่อนผม ที่ชื่อว่า “Shannon” ที่สู้ชีวิตจนสามารถเรียนจบ Harvard ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ได้
ผมในฐานะที่รู้จักเขา รู้สึกดีใจและภูมิใจในความสำเร็จแทนเขาที่สามารถประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ชีวิตเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย
เลยอยากเอามาแบ่งปันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่ท้อแท้ในโชคชะตาชีวิตให้สู้ต่อไป ให้ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงครับ
Shannon เป็นเพื่อนผมตอนที่อยู่บอสตัน สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกครึ่ง American-Japanese ที่มาจากรัฐ Ohio ที่ทั้งหล่อ เรียนเก่ง และมีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี หรือกิจกรรมต่างๆ ขาดแต่สิ่งเดียวที่ไม่มี นั่นคือ “รวย”
เขาได้เขียนเล่าชีวิตเขาสั้นๆ ใต้รูปชุดครุยหลังจากที่ได้เป็นบัณฑิตเต็มตัวว่า…
…ตอนชั้นระดับมัธยม เขาต้องกินเบอร์เกอร์ของ McDonald’s (Mc ที่สหรัฐ ถือเป็นอาหารไว้กินกันตายครับ) เพื่อที่เขาจะได้มีเงินพอเพื่อไปสอบ SAT (Standardized Test - เพื่อนำคะแนนไปยื่นสมัครเรียนในชั้นอุดมศึกษา) ในช่วงนั้น เขาก็ยังต้องเลี้ยงและดูแลน้องตัวเล็กๆ ของเขา จนกว่าน้องๆ จะเข้านอน ถึงจะมีเวลาได้ทำการบ้าน กว่าจะได้นอนก็ตี 4
เขาต้องเดินกลับบ้านผ่านย่านอันตรายเนื่องจากไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถ (ที่สหรัฐ การมีรถขับเป็นเรื่องธรรมดา)
เขาต้องเอาแล็ปท้อปของเขาตั้งติดกับหน้าต่างเพื่อขโมยสัญญาณ wifi บ้านข้างๆ เพื่อทำการบ้านหรืองานที่อาจารย์มอบหมาย
เขาเคยถูกหัวเราะเยาะและถูกถากถางว่า “สำหรับคนที่มาจากโอไฮโอนั้น มีเฉพาะลูกของหมอและทนายเท่านั้นแหละที่จะสามารถไปเรียน Ivy League ได้” (Ivy League คือ สถาบันชั้นนำของอเมริกา มีทั้งหมด 8 สถาบัน ได้แก่ Brown University, Columbia University, Cornell University, Dartmouth College, Harvard University, the University of Pennsylvania, Princeton University, and Yale University ซึ่งคุณภาพไม่ต้องพูดถึง รวมถึงค่าเทอมก็แพงหูฉี่เช่นกัน)
ครั้งนึงตอนที่เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ฃเขาตกใจมากเมื่อแลปท้อปของเขาเสีย นั่นหมายความว่าเขาต้องทำงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำกว่า 150 ชั่วโมงเพื่อที่จะซื้อแลปท้อปเครื่องใหม่ได้ เขาต้องทำงานขัดห้องน้ำ จัดชั้นวางหนังสือ และเป็นพนักงานขายเสื้อผ้า เพื่อที่จะมีเงินทำตามความฝันและเดินทางท่องโลกกว้างได้
ตลอดชีวิตของเขา เขาต้องหาสารพัดวิธีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย วันนี้เขาแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาคือลูกชายของคนงานในโกดัง เขาคือลูกชายของผู้อพยพที่ได้เป็นนักเรียนรุ่นแรก และวันนี้ เขาได้สำเร็จการศึกษาที่ “Harvard” แล้ว….
ปล.ขออภัยถ้าหากแปลและเรียบเรียงด้วยสำนวนหรือคำที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่น่ะครับ