พระโพธิสัตว์ ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๒๐ อสงไขย หนึ่งแสนมหากัป จำเดิมแต่ดำริเป็นพระพุทธเจ้า จนถึง ๔ อสงไขย หนึ่งแสนมหากัปสุดท้ายที่เป็นสุเมธดาบส
[เรื่องอสงไขย]
กาลเวลาที่เรียกว่า “อสงไขย” แปลว่า นับไม่ได้ คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี จึงจะเรียกได้ว่า อสงไขย โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
“ฝนตกใหญ่มโหฬารทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลานานถึง ๓ ปีติดต่อกันมิได้หยุด มิได้ขาดสายเม็ดฝนจนน้ำฝนเจิ่งนองท่วมท้นเต็มขอบเขาจักรวาล อันมีระดับความสูงได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ และถ้าสามารถนับเม็ดฝน และหยาดแห่งเม็ดฝน ที่กระจายเป็นฟองฝอยใหญ่น้อย ในขณะที่ฝนตกใหญ่ ๓ ปีติดต่อกันนั้น นับได้จำนวนเท่าใด อสงไขยหนึ่งเป็นจำนวนปีเท่ากับเม็ดฝนและหยาดแห่งเม็ดฝนที่นับได้นั้น”
[เรื่องมหากัป]
กาลเวลาที่เรียกว่า “มหากัป” คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
“มีกล่องแก้วอยู่กล่องหนึ่ง มีความกว้าง ความยาว ความสูงหรือความลึกประมาณ ๑ โยชน์ ซึ่ง ๑ โยชน์ ยาวเท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร และพอถึงกำหนด ๑๐๐ ปี ปรากฏว่ามีเทพยดาองค์หนึ่ง นำเมล็ดถั่วเขียวมาหยอดวางลงในกล่องแก้วนี้หนึ่งเมล็ดแล้วก็กลับไปเสวยทิพยสมบัติอยู่บนสวรรค์อีก ๑๐๐ ปี และเมื่อครบกำหนด ๑๐๐ ปีนั้นก็กลับลงมาเพื่อวางเมล็ดถั่วเขียวลงในกล่องแก้วนั้นอีกหนึ่งเมล็ด เวียนไปมาอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบจนเมื่อสามารถวางเมล็ดถั่วเขียวให้เต็มกล่องแก้วนั้นแล้ว ใช้เวลาในการวางเมล็ดถั่วเขียวจนกว่าจะเต็มนั้นนานเท่าใดนั่นจึงเป็นเวลาเท่ากับหนึ่งมหากัป”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
☆แล้วเราท่านที่เป็นปุถุชนจะเหลืออะไร?
จะต้องอีกกี่พันอสงไขยกับอีกกี่ล้านมหากัปถึงจะบรรลุได้?
แต่เมื่อมี สติปัฎฐาน๔ ที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดให้ว่าเร็ว7วันช้า7ปี
นี่ไม่ใช่ทางลัดหรือ?
นี่เป็นรูหนอน(wormhole)ในวัฎสงสารเลยทีเดียว
เป็นโอกาสเดียวของมวลมนุษยชาติที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธเมตตาอันยิ่งใหญ่ประทานให้
นี่คือการปฎิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรมเป็นที่สุดแล้ว
เป็นโอกาสเดียวและสุดท้ายแล้วที่จะมี
อย่าละทิ้งเลยครับ☆
สติปัฎฐาน๔หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก กับ "Wormhole รูหนอนในวัฎสงสาร ทางลัดในการปฎิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม"
[เรื่องอสงไขย]
กาลเวลาที่เรียกว่า “อสงไขย” แปลว่า นับไม่ได้ คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี จึงจะเรียกได้ว่า อสงไขย โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
“ฝนตกใหญ่มโหฬารทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลานานถึง ๓ ปีติดต่อกันมิได้หยุด มิได้ขาดสายเม็ดฝนจนน้ำฝนเจิ่งนองท่วมท้นเต็มขอบเขาจักรวาล อันมีระดับความสูงได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ และถ้าสามารถนับเม็ดฝน และหยาดแห่งเม็ดฝน ที่กระจายเป็นฟองฝอยใหญ่น้อย ในขณะที่ฝนตกใหญ่ ๓ ปีติดต่อกันนั้น นับได้จำนวนเท่าใด อสงไขยหนึ่งเป็นจำนวนปีเท่ากับเม็ดฝนและหยาดแห่งเม็ดฝนที่นับได้นั้น”
[เรื่องมหากัป]
กาลเวลาที่เรียกว่า “มหากัป” คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
“มีกล่องแก้วอยู่กล่องหนึ่ง มีความกว้าง ความยาว ความสูงหรือความลึกประมาณ ๑ โยชน์ ซึ่ง ๑ โยชน์ ยาวเท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร และพอถึงกำหนด ๑๐๐ ปี ปรากฏว่ามีเทพยดาองค์หนึ่ง นำเมล็ดถั่วเขียวมาหยอดวางลงในกล่องแก้วนี้หนึ่งเมล็ดแล้วก็กลับไปเสวยทิพยสมบัติอยู่บนสวรรค์อีก ๑๐๐ ปี และเมื่อครบกำหนด ๑๐๐ ปีนั้นก็กลับลงมาเพื่อวางเมล็ดถั่วเขียวลงในกล่องแก้วนั้นอีกหนึ่งเมล็ด เวียนไปมาอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบจนเมื่อสามารถวางเมล็ดถั่วเขียวให้เต็มกล่องแก้วนั้นแล้ว ใช้เวลาในการวางเมล็ดถั่วเขียวจนกว่าจะเต็มนั้นนานเท่าใดนั่นจึงเป็นเวลาเท่ากับหนึ่งมหากัป”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
☆แล้วเราท่านที่เป็นปุถุชนจะเหลืออะไร?
จะต้องอีกกี่พันอสงไขยกับอีกกี่ล้านมหากัปถึงจะบรรลุได้?
แต่เมื่อมี สติปัฎฐาน๔ ที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดให้ว่าเร็ว7วันช้า7ปี
นี่ไม่ใช่ทางลัดหรือ?
นี่เป็นรูหนอน(wormhole)ในวัฎสงสารเลยทีเดียว
เป็นโอกาสเดียวของมวลมนุษยชาติที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธเมตตาอันยิ่งใหญ่ประทานให้
นี่คือการปฎิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรมเป็นที่สุดแล้ว
เป็นโอกาสเดียวและสุดท้ายแล้วที่จะมี
อย่าละทิ้งเลยครับ☆