เนื่องจากลูกหนี้ที่เช่าซื้อรถยนต์ ได้ขาดการผ่อนชำระสะสมครบ 3 งวด มิได้ขาดส่งต่อเนื่อง 3 งวด
และวันที่ครบคือวันที่ 10 พค.2560 หรือการชำระก่อนวันที่ 10 ของทุกเดือน
และเมื่อลูกหนี้พอมีเงินก็รีบจ่ายในวันที่ 19 พค.2560 เป็นเงิน 9,600 บาท ซึ่งค่างวดจริงคือ 9,231 บาท
โดยการโอนเข้าบัญชีปกติ และได้มีพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ บ.กรุงศรีแคปปิตอล และได้คำตอบว่าไม่รับ
ต้องจ่ายทั้งหมด มิฉะนั้นจะส่งเจ้าหน้าที่มายึดรถในวันที่ 21 พค.2560
และในวันที่ 21 พค.2560 เวลา 11.00 น. ตัวแทนทวงหนี้ของบ.กรุงศรีแคปปิตอล ก็มาที่บ้านจริง
และขอติดต่อเจ้าของรถ ปรากฎว่าเจ้าของรถไม่อยู่ อยู่แต่แฟนและถามว่ามาทำไม พนักงาน 2 นายนั้น
ก็พยายามตอบว่ามาดูรถ
ทางแฟนเจ้าของรถจึงบอกเจ้าหน้าไปว่า จ่ายค่างวดไปแล้วเมื่อ 19 พค.2560 พร้อมเอาบิลให้ดู และได้
ถามยำ้ว่ามาทำอะไร มายึดรถใช่ใหม วันนี้วันที่เท่าไร หนังสือบอกเลิกอยู่ไหน เขารีบตอบไม่รู้และไม่ใช่หน้า
ที่ของเขาที่ต้องจัดเตรียมหนังสือบอกเลิกสัญญา สุดท้ายเมื่อทางแฟนเจ้าของรถไม่ยอม ทางพนักงานทวง
หนี้ 2 คนนั้นจึงขึ้นรถกลับไป
และปรากฎว่าช่วงบ่ายสองโมง วันที่ 21 พค.2560 วันเดียวกัน ทางไปรษณีย์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญา
ลงทะเบียนมาถึงบ้าน ในหนังสือบอกเลิกสัญญาลงวันที่ 12 พค.2560 โดยบอกเลิกภายใน 30 วัน ตามราย
ละเอียดหนังสือที่แนบมา
ฉะนั้นในวันที่ 21 พค.2560 ลุกหนี้ผ่อนรถพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ พนักงานยึดรถมาหาเวลา 11.00 น. เข้ามาหาลูกหนี้ก่อนหนังสือแจ้งการเลิกสัญญาลงทะเบียนซึ่งมาตอนบ่ายสอง เจตนาเพื่อจะมายึดรถ แต่แฟนเจ้าของรถไม่ยอม
ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และจะรบกวนถามผู้มีความรู้ทางด้านกฏหมาย หรือทนายความ รบกวนช่วย
ชี้แจงคำถาม เพื่อความเข้าใจและจะได้ดำเนินการต่ออย่างถูกต้องและเป็นธรรม.
1.ทางเจ้าหน้าที่ที่จะมายึดรถ มีเจตนาอย่างไร ที่มาดูรถ ก่อนที่เจ้าของรถจะได้รับใบแจ้งเลิกสัญญาและ
ได้มีการจ่ายเงินไปแล้ว 1 งวดในวันที่ 19 พค.2560
2.กรณีนี้เข้าข่ายการข่มขู่หรือไม่ พนักงานทวงหนี้เป็นชาย 2 คน ถ้าเจ้าของรถเป็นผู้หญิงแล้วเกิดกลัว
และไม่รู้กฏหมาย เกิดยอมให้กุญแจไปจะเป็นอย่างไร และเสียหายแค่ไหน เพราะรายนี้ไม่มีเจตนาเบี้ยวหนี้ เมื่อมีเงินก็รีบจ่าย ที่อยู่ก็มิได้ย้าย แล้วเจตนาทวงหนี้อย่างนี้เข้าข่ายกฏหมายเอาเปรียบผู้บริโภค ข้อไหนหรือไม่ ใช้มาตรการทางกฏหมายดำเนินการกลับได้หรือไม่
3.ในรายการแจ้งหนี้ มีค่างวด 3 งวด ค่าทวงถาม 4,962 บาท และค่าติดตาม 6,000 บาท เป็นไปตามกฏหมายทวงหนี้หรือไม่ ถ้าเป็นเราต้องจ่าย ถ้าไม่เป็นเราต้องจ่ายหรือไม่ เข้าข่ายกฏหมายการเอาเปรียบผู้บริโภคข้อ ใด ถ้ามี จะฟ้องร้องเอาผิด ฟ้องร้องความเป็นธรรม หรือเรียกค่าเสียหายในการเอาเปรียบได้หรือไม่
4.การชี้แจงเรื่องนี้ต้องการความยุติธรรม มิได้มีเจตนาเบี้ยวหนี้ เพราะถึงอย่างไรผู้บริโภคต้องจ่ายหนี้จนครบถ้วนตามสัญญา
แต่ไม่ต้องการเห็นการเอาเปรียบทางด้านกฏหมายกับลูกหนี้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านกฏหมายการทวงหนี้ หรือ ค่าทวงถาม ค่าติดตาม ที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้เท่านั้น.
ขอกราบขอบพระคุณต่อบุคคลที่ให้ความรู้ในเรื่องนี้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคที่ได้รับเหตุการณ์ลักษณะนี้
เป็นอย่างสูง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไฟแนนซ์ สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยหรอครับ รบกวนเช็คด้วย ? (ยังไม่ครบกำหนดสามารถยึดรถได้แล้วหรอ)
และวันที่ครบคือวันที่ 10 พค.2560 หรือการชำระก่อนวันที่ 10 ของทุกเดือน
และเมื่อลูกหนี้พอมีเงินก็รีบจ่ายในวันที่ 19 พค.2560 เป็นเงิน 9,600 บาท ซึ่งค่างวดจริงคือ 9,231 บาท
โดยการโอนเข้าบัญชีปกติ และได้มีพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ บ.กรุงศรีแคปปิตอล และได้คำตอบว่าไม่รับ
ต้องจ่ายทั้งหมด มิฉะนั้นจะส่งเจ้าหน้าที่มายึดรถในวันที่ 21 พค.2560
และในวันที่ 21 พค.2560 เวลา 11.00 น. ตัวแทนทวงหนี้ของบ.กรุงศรีแคปปิตอล ก็มาที่บ้านจริง
และขอติดต่อเจ้าของรถ ปรากฎว่าเจ้าของรถไม่อยู่ อยู่แต่แฟนและถามว่ามาทำไม พนักงาน 2 นายนั้น
ก็พยายามตอบว่ามาดูรถ
ทางแฟนเจ้าของรถจึงบอกเจ้าหน้าไปว่า จ่ายค่างวดไปแล้วเมื่อ 19 พค.2560 พร้อมเอาบิลให้ดู และได้
ถามยำ้ว่ามาทำอะไร มายึดรถใช่ใหม วันนี้วันที่เท่าไร หนังสือบอกเลิกอยู่ไหน เขารีบตอบไม่รู้และไม่ใช่หน้า
ที่ของเขาที่ต้องจัดเตรียมหนังสือบอกเลิกสัญญา สุดท้ายเมื่อทางแฟนเจ้าของรถไม่ยอม ทางพนักงานทวง
หนี้ 2 คนนั้นจึงขึ้นรถกลับไป
และปรากฎว่าช่วงบ่ายสองโมง วันที่ 21 พค.2560 วันเดียวกัน ทางไปรษณีย์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญา
ลงทะเบียนมาถึงบ้าน ในหนังสือบอกเลิกสัญญาลงวันที่ 12 พค.2560 โดยบอกเลิกภายใน 30 วัน ตามราย
ละเอียดหนังสือที่แนบมา
ฉะนั้นในวันที่ 21 พค.2560 ลุกหนี้ผ่อนรถพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ พนักงานยึดรถมาหาเวลา 11.00 น. เข้ามาหาลูกหนี้ก่อนหนังสือแจ้งการเลิกสัญญาลงทะเบียนซึ่งมาตอนบ่ายสอง เจตนาเพื่อจะมายึดรถ แต่แฟนเจ้าของรถไม่ยอม
ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และจะรบกวนถามผู้มีความรู้ทางด้านกฏหมาย หรือทนายความ รบกวนช่วย
ชี้แจงคำถาม เพื่อความเข้าใจและจะได้ดำเนินการต่ออย่างถูกต้องและเป็นธรรม.
1.ทางเจ้าหน้าที่ที่จะมายึดรถ มีเจตนาอย่างไร ที่มาดูรถ ก่อนที่เจ้าของรถจะได้รับใบแจ้งเลิกสัญญาและ
ได้มีการจ่ายเงินไปแล้ว 1 งวดในวันที่ 19 พค.2560
2.กรณีนี้เข้าข่ายการข่มขู่หรือไม่ พนักงานทวงหนี้เป็นชาย 2 คน ถ้าเจ้าของรถเป็นผู้หญิงแล้วเกิดกลัว
และไม่รู้กฏหมาย เกิดยอมให้กุญแจไปจะเป็นอย่างไร และเสียหายแค่ไหน เพราะรายนี้ไม่มีเจตนาเบี้ยวหนี้ เมื่อมีเงินก็รีบจ่าย ที่อยู่ก็มิได้ย้าย แล้วเจตนาทวงหนี้อย่างนี้เข้าข่ายกฏหมายเอาเปรียบผู้บริโภค ข้อไหนหรือไม่ ใช้มาตรการทางกฏหมายดำเนินการกลับได้หรือไม่
3.ในรายการแจ้งหนี้ มีค่างวด 3 งวด ค่าทวงถาม 4,962 บาท และค่าติดตาม 6,000 บาท เป็นไปตามกฏหมายทวงหนี้หรือไม่ ถ้าเป็นเราต้องจ่าย ถ้าไม่เป็นเราต้องจ่ายหรือไม่ เข้าข่ายกฏหมายการเอาเปรียบผู้บริโภคข้อ ใด ถ้ามี จะฟ้องร้องเอาผิด ฟ้องร้องความเป็นธรรม หรือเรียกค่าเสียหายในการเอาเปรียบได้หรือไม่
4.การชี้แจงเรื่องนี้ต้องการความยุติธรรม มิได้มีเจตนาเบี้ยวหนี้ เพราะถึงอย่างไรผู้บริโภคต้องจ่ายหนี้จนครบถ้วนตามสัญญา
แต่ไม่ต้องการเห็นการเอาเปรียบทางด้านกฏหมายกับลูกหนี้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านกฏหมายการทวงหนี้ หรือ ค่าทวงถาม ค่าติดตาม ที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้เท่านั้น.
ขอกราบขอบพระคุณต่อบุคคลที่ให้ความรู้ในเรื่องนี้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคที่ได้รับเหตุการณ์ลักษณะนี้
เป็นอย่างสูง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้