หนังเก่าเล่าใหม่ 057: Citizen Kane (Orson Welles, 1941)
"แท้จริงแล้วอะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิต" หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดตลอดกาล ในยุคสมัยนั้นการเล่าเรื่องโดยอาศัยสิ่งที่เรียกว่า 'Flashback' คงไม่ได้เป็นที่นิยมหรือใช้กันอย่างทั่วๆไปเหมือนปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วความแปลกใหม่ในยุคสมัยนั้นจึงทำให้ 'Citizen Kane' ดูโดดเด่นมาจนถึงปัจจุบัน การเล่าเรื่องย้อนจากปัจจุบันไปยังอดีตหรือจากอดีตมาปัจจุบัน รอยต่อของเรื่องเกิดจากคนหลายๆคนมาช่วยเสริมเหตุการณ์ทั้งหมดให้เราเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้หนังยังมีการจัดวางแสงเงาที่เราชอบมากๆ อีกหนึ่งเรื่อง นอกเหนือไปจากเทคนิคต่างๆที่หนังใส่ลงไปแล้วนั้น ตัวเนื้อหาของ 'Citizen Kane' ยังคงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลย หนังว่าด้วยชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ที่กลายมาเป็นมหาเศรษฐี แต่บั้นปลายชีวิตกลับโดดเดี่ยวและตายลงในคฤหาสน์หลังใหญ่ พร้อมสิ่งของสะสมมากมาย คำพูดสุดท้ายของ 'Kane' ก่อนตายคือ 'Rosebud' นั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และเป็นฉากเปิดเรื่องที่ทำให้นักข่าวคนหนึ่งต้องการจะสืบความหมายของคำที่ Kane พูดไว้ก่อนตาย ทำให้เขาเดินทางไปพบกับคนที่รู้จักคุ้นเคยกับ Kane เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกเล่าผ่านตัวละครเหล่านั้นตัดสลับ 'Flashback' ไปมา อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบคือฉากหลังของ 'Citizen Kane' เป็นอะไรที่สะท้อนภาวะของตัวละครในเรื่องได้ดีมากๆ โดยเฉพาะ ฉากใน 'Xanadu' คฤหาสน์ของ Kane ที่มีตัวละครเพียงสองตัวอาศัยอยู่ ทำให้เรารับรู้ถึงความหดหู่ หม่นหมอง ในช่วงชีวิตสุดท้ายของมหาเศรษฐีผู้นี้ได้ไม่ยากนัก หรือฉากหาเสียงของ Kane ที่มีภาพหน้าเขาอยู่ด้านหลัง เป็นองค์ประกอบที่สวยและทรงพลังมากๆ
ความลึกลับของ 'Charles Foster Kane' เป็นตัวละครที่น่าศึกษามากๆ ภาวะในจิตใจหรือสภาพอารมณ์ของ Kane แปรเปลี่ยนไปตามอายุ เราจะเห็นพัฒนาการของตัวละครตัวนี้เป็นระยะๆ สำหรับเรานั้น เรารู้สึกสงสารตัวละครตัวนี้อยู่เหมือนกัน แม้จะรวยล้นฟ้า มีทรัพย์สมบัติมากมาย มีอำนาจมีอิทธิพลแต่ปราศจากซึ่ง 'ความสุข' ในชีวิต ไร้ซึ่งความหมายของการมีชีวิตอยู่ การมีเงินคงไม่ได้ตอบสนองความสุขในชีวิตเลยแม้แต่น้อย หนังสะท้อนมุมมองให้เราได้คิดอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงการตามหาเป้าหมายของความสุขแบบผิดที่ผิดทางเท่านั้น การโหยหาความรักของ 'Kane' ยังสะท้อนการตามหาความรักจากผู้อื่น โดยไม่ได้มอบความรักให้ผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย 'ถ้าเราไม่ให้ความรักกับคนอื่นแล้วเราจะได้รับความรักกลับมาได้ยังไง' ท้ายสุด Kane ในวัยชราก็ทำได้เพียงรำลึกถึงความรักในวัยเด็กจากพ่อกับแม่จากกองหิมะหน้าบ้าน และคำตอบของคำว่า 'Rosebud' ก็ถูกเฉลยลงในตอนท้ายเรื่อง และเปรียบเสมือนการเล่าความรู้สึกในใจของ Kane ได้ทั้งหมด ว่าเขาพยายามตามหาความสุขมากแค่ไหน
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้เราหลับในสมัยเด็กๆ แต่การได้ดูอีกครั้งเมื่อเราโตขึ้น หนังกลับให้ข้อความต่างๆมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต วิธีการใช้ชีวิต การยอมรับความเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงเส้นทางที่เราจะต้องเลือกเมื่อเราโตขึ้น ทางเลือกที่เราเลือกอาจเปลี่ยนตัวตนของเราหรือเปลี่ยนสิ่งที่เราเป็นไปตลอดชีวิต ในแบบที่เราไม่มีทางหวนกลับได้อีก ทำได้เพียงคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เหมือนเส้นทางชีวิตของ Kane จากเด็กยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐีรวยล้นฟ้าใช่ว่าจะมีความสุข บางทีตัวชี้วัดความสุขอาจไม่ใช่ใครมีเงินมากกว่ากัน บางทีอาจเป็นใคร 'ได้รับความรัก' จากคนรอบข้างมากกว่ากันและใครที่ 'ให้ความรัก' กับคนรอบข้างได้มากกว่ากัน
สุดท้าย 'Citizen Kane' อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ให้ความสนุกมากมายจนเรารู้สึกเพลินไปกับเรื่องราวทั้งหมด แต่เป็นงานคุณภาพในทุกองค์ประกอบก็ว่าได้ ด้วยเนื้อหาสาระที่ให้แง่มุมการใช้ชีวิต วิธีการเล่าเรื่อง ภาพขาวดำที่มีแสงเงา+มุมกล้องที่ทรงพลัง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้ทรงคุณค่ามากแค่ไหน และคำพูดที่บอกว่า 'เงินคงไม่อาจซื้อความสุขได้' ยังคงใช้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยเสื่อมมนต์คลังลงได้เลย
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 057: Citizen Kane (Orson Welles, 1941) เขียนโดย Form Corleone
"แท้จริงแล้วอะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิต" หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดตลอดกาล ในยุคสมัยนั้นการเล่าเรื่องโดยอาศัยสิ่งที่เรียกว่า 'Flashback' คงไม่ได้เป็นที่นิยมหรือใช้กันอย่างทั่วๆไปเหมือนปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วความแปลกใหม่ในยุคสมัยนั้นจึงทำให้ 'Citizen Kane' ดูโดดเด่นมาจนถึงปัจจุบัน การเล่าเรื่องย้อนจากปัจจุบันไปยังอดีตหรือจากอดีตมาปัจจุบัน รอยต่อของเรื่องเกิดจากคนหลายๆคนมาช่วยเสริมเหตุการณ์ทั้งหมดให้เราเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้หนังยังมีการจัดวางแสงเงาที่เราชอบมากๆ อีกหนึ่งเรื่อง นอกเหนือไปจากเทคนิคต่างๆที่หนังใส่ลงไปแล้วนั้น ตัวเนื้อหาของ 'Citizen Kane' ยังคงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลย หนังว่าด้วยชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ที่กลายมาเป็นมหาเศรษฐี แต่บั้นปลายชีวิตกลับโดดเดี่ยวและตายลงในคฤหาสน์หลังใหญ่ พร้อมสิ่งของสะสมมากมาย คำพูดสุดท้ายของ 'Kane' ก่อนตายคือ 'Rosebud' นั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และเป็นฉากเปิดเรื่องที่ทำให้นักข่าวคนหนึ่งต้องการจะสืบความหมายของคำที่ Kane พูดไว้ก่อนตาย ทำให้เขาเดินทางไปพบกับคนที่รู้จักคุ้นเคยกับ Kane เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกเล่าผ่านตัวละครเหล่านั้นตัดสลับ 'Flashback' ไปมา อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบคือฉากหลังของ 'Citizen Kane' เป็นอะไรที่สะท้อนภาวะของตัวละครในเรื่องได้ดีมากๆ โดยเฉพาะ ฉากใน 'Xanadu' คฤหาสน์ของ Kane ที่มีตัวละครเพียงสองตัวอาศัยอยู่ ทำให้เรารับรู้ถึงความหดหู่ หม่นหมอง ในช่วงชีวิตสุดท้ายของมหาเศรษฐีผู้นี้ได้ไม่ยากนัก หรือฉากหาเสียงของ Kane ที่มีภาพหน้าเขาอยู่ด้านหลัง เป็นองค์ประกอบที่สวยและทรงพลังมากๆ
ความลึกลับของ 'Charles Foster Kane' เป็นตัวละครที่น่าศึกษามากๆ ภาวะในจิตใจหรือสภาพอารมณ์ของ Kane แปรเปลี่ยนไปตามอายุ เราจะเห็นพัฒนาการของตัวละครตัวนี้เป็นระยะๆ สำหรับเรานั้น เรารู้สึกสงสารตัวละครตัวนี้อยู่เหมือนกัน แม้จะรวยล้นฟ้า มีทรัพย์สมบัติมากมาย มีอำนาจมีอิทธิพลแต่ปราศจากซึ่ง 'ความสุข' ในชีวิต ไร้ซึ่งความหมายของการมีชีวิตอยู่ การมีเงินคงไม่ได้ตอบสนองความสุขในชีวิตเลยแม้แต่น้อย หนังสะท้อนมุมมองให้เราได้คิดอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงการตามหาเป้าหมายของความสุขแบบผิดที่ผิดทางเท่านั้น การโหยหาความรักของ 'Kane' ยังสะท้อนการตามหาความรักจากผู้อื่น โดยไม่ได้มอบความรักให้ผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย 'ถ้าเราไม่ให้ความรักกับคนอื่นแล้วเราจะได้รับความรักกลับมาได้ยังไง' ท้ายสุด Kane ในวัยชราก็ทำได้เพียงรำลึกถึงความรักในวัยเด็กจากพ่อกับแม่จากกองหิมะหน้าบ้าน และคำตอบของคำว่า 'Rosebud' ก็ถูกเฉลยลงในตอนท้ายเรื่อง และเปรียบเสมือนการเล่าความรู้สึกในใจของ Kane ได้ทั้งหมด ว่าเขาพยายามตามหาความสุขมากแค่ไหน
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้เราหลับในสมัยเด็กๆ แต่การได้ดูอีกครั้งเมื่อเราโตขึ้น หนังกลับให้ข้อความต่างๆมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต วิธีการใช้ชีวิต การยอมรับความเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงเส้นทางที่เราจะต้องเลือกเมื่อเราโตขึ้น ทางเลือกที่เราเลือกอาจเปลี่ยนตัวตนของเราหรือเปลี่ยนสิ่งที่เราเป็นไปตลอดชีวิต ในแบบที่เราไม่มีทางหวนกลับได้อีก ทำได้เพียงคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เหมือนเส้นทางชีวิตของ Kane จากเด็กยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐีรวยล้นฟ้าใช่ว่าจะมีความสุข บางทีตัวชี้วัดความสุขอาจไม่ใช่ใครมีเงินมากกว่ากัน บางทีอาจเป็นใคร 'ได้รับความรัก' จากคนรอบข้างมากกว่ากันและใครที่ 'ให้ความรัก' กับคนรอบข้างได้มากกว่ากัน
สุดท้าย 'Citizen Kane' อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ให้ความสนุกมากมายจนเรารู้สึกเพลินไปกับเรื่องราวทั้งหมด แต่เป็นงานคุณภาพในทุกองค์ประกอบก็ว่าได้ ด้วยเนื้อหาสาระที่ให้แง่มุมการใช้ชีวิต วิธีการเล่าเรื่อง ภาพขาวดำที่มีแสงเงา+มุมกล้องที่ทรงพลัง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้ทรงคุณค่ามากแค่ไหน และคำพูดที่บอกว่า 'เงินคงไม่อาจซื้อความสุขได้' ยังคงใช้ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยเสื่อมมนต์คลังลงได้เลย
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/