The 100th Love With You (Shô Tsukikawa, 2017) คะแนน B
By Form Corleone
" ต่อให้ย้อนเวลากลับไปอีกกี่ครั้งก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม " สำหรับภาพยนตร์ที่มีพล็อตเรื่องแนวย้อนเวลานั้นมีให้เห็นหรือหยิบมานำเสนอเล่าผ่านตัวละครคู่พระนางอยู่ให้เห็นเป็นประจำ และ 'The 100th Love With You' ก็เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เล่นกับประเด็นของการย้อนเวลาในเรื่องราวของความรัก ที่หนังเรื่องนี้น่าสนใจสำหรับเราเพราะตัวหนังได้คนเขียนบทภาพยนตร์คนเดียวกับที่เขียนบทให้หนังเรื่อง 'บันทึกน้ำตา 1 ลิตร' สำหรับหนังเรื่องนี้จะเล่าผ่านตัวละคร 'ริคุ' กับ 'อาโออิ' รวมทั้งหมู่เพื่อนที่ตั้งวงดนตรีด้วยกัน ทั้งสองคนรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก 'ริคุ' มีเครื่องย้อนเวลาเป็นแผ่นเสียง ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนวันหนึ่งเมื่อ 'ริคุ' พบว่า 'อาโออิ' จะต้องตาย เขาจึงพยายามที่จะย้อนเวลากลับไปช่วยชีวิตเธอ แน่นอนว่าตัวพล็อตเรื่องอาจไม่ได้พิเศษมากเกินไปกว่าหนังรักย้อนเวลาทั่วๆไป แต่เพราะตัวหนังมีบรรยากาศหรือโลเคชั่นตอบสนองอารมณ์ของเหตุการณ์ในเรื่องผนวกกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ เพลงประกอบที่เข้ากับเนื้อเรื่องทำให้ระหว่างทางของเรื่องนั้นดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลอยู่พอตัว แม้จะมีวิธีเล่าเรื่องก่อนถึงจุดพลิกผันไม่ค่อยน่าสนใจนัก รวมถึงการตัดสลับเข้าเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่ค่อยจะพอเหมาะพอดีสอดประสานกันอย่างลงตัวในช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่อง แต่ช่วงท้ายเรื่องถือว่าสามารถเรียกอารมณ์ร่วมจนอาจเสียน้ำตาได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยบรรยากาศและเพลงประกอบรวมถึงคู่พระนางที่น่ารักนั้นสามารชดเชยข้อเสียลงไปได้บ้างจนทำให้รู้สึกเพลินๆได้ตลอดทั้งเรื่อง
ประเด็นความรักของการย้อนเวลาที่หนังหยิบมานำเสนอนั้นอาจจะดูเป็นรักในแบบฉบับวัยรุ่นจนทำให้ตัวหนังออกแนว 'Coming of Age' อยู่พอสมควร เพราะเราสามารถมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่คู่พระนางแต่รวมถึงตัวประกอบรอบข้างที่เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน การเรียนรู้สิ่งต่างๆในเรื่องของความรักและการพลัดพรากที่ไม่อาจแก้ไขได้ ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งสองตัวได้อย่างละมุมลุ่มลึกในมิติของความรักระหว่างคนสองคน โดยรวมแล้วจึงเป็นเส้นทางของการย้อนเวลาที่เปรียบเสมือนเส้นทางของการเรียนรู้ ไม่แต่เพียงทำให้ตัวละครได้เรียนรู้เพียงเท่านั้น ตัวเราเองยังได้เรียนรู้ถึงช่วงเวลาที่มีค่าในทุกขณะ นั่นคือเวลาในช่วง ‘ปัจจุบัน’ และต่อให้เราจะโกงเวลาย้อนอดีตไปหาคนรักอีกกี่ครั้ง มันก็คงเป็นเพียงช่วงเวลาปลอมๆที่เรายังคงยึดติดอยู่กับมัน การเลือกที่จะเดินต่อไปหรือใช้เวลาปัจจุบันให้คุ้มค่าน่าจะเป็นสิ่งที่คนสองคนพึ่งกระทำต่อกันให้ดีที่สุด และถึงคนรักจะต้องจากเราไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การเหนี่ยวรั้งคนที่เรารักให้อยู่กับเราเสมอมันจะใช่ความรักที่แท้จริงหรือเป็นเพียงแค่การเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายกันแน่ ฉะนั้นแล้วมันคงไม่มีความหมายอะไรทางเราจะยื้อคนๆหนึ่งไว้ในอดีตโดยไม่สนใจช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน นั้นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้
ประเด็นความรักของการย้อนเวลาที่หนังหยิบมานำเสนอนั้นอาจจะดูเป็นรักในแบบฉบับวัยรุ่นจนทำให้ตัวหนังออกแนว 'Coming of Age' อยู่พอสมควร เพราะเราสามารถมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่คู่พระนางแต่รวมถึงตัวประกอบรอบข้างที่เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน การเรียนรู้สิ่งต่างๆในเรื่องของความรักและการพลัดพรากที่ไม่อาจแก้ไขได้ ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งสองตัวได้อย่างละมุมลุ่มลึกในมิติของความรักระหว่างคนสองคน โดยรวมแล้วจึงเป็นเส้นทางของการย้อนเวลาที่เปรียบเสมือนเส้นทางของการเรียนรู้ ไม่แต่เพียงทำให้ตัวละครได้เรียนรู้เพียงเท่านั้น ตัวเราเองยังได้เรียนรู้ถึงช่วงเวลาที่มีค่าในทุกขณะ นั่นคือเวลาในช่วง ‘ปัจจุบัน’ และต่อให้เราจะโกงเวลาย้อนอดีตไปหาคนรักอีกกี่ครั้ง มันก็คงเป็นเพียงช่วงเวลาปลอมๆที่เรายังคงยึดติดอยู่กับมัน การเลือกที่จะเดินต่อไปหรือใช้เวลาปัจจุบันให้คุ้มค่าน่าจะเป็นสิ่งที่คนสองคนพึ่งกระทำต่อกันให้ดีที่สุด และถึงคนรักจะต้องจากเราไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การเหนี่ยวรั้งคนที่เรารักให้อยู่กับเราเสมอมันจะใช่ความรักที่แท้จริงหรือเป็นเพียงแค่การเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายกันแน่ ฉะนั้นแล้วมันคงไม่มีความหมายอะไรทางเราจะยื้อคนๆหนึ่งไว้ในอดีตโดยไม่สนใจช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน นั้นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The 100th Love With You (Shô Tsukikawa, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" ต่อให้ย้อนเวลากลับไปอีกกี่ครั้งก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม " สำหรับภาพยนตร์ที่มีพล็อตเรื่องแนวย้อนเวลานั้นมีให้เห็นหรือหยิบมานำเสนอเล่าผ่านตัวละครคู่พระนางอยู่ให้เห็นเป็นประจำ และ 'The 100th Love With You' ก็เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เล่นกับประเด็นของการย้อนเวลาในเรื่องราวของความรัก ที่หนังเรื่องนี้น่าสนใจสำหรับเราเพราะตัวหนังได้คนเขียนบทภาพยนตร์คนเดียวกับที่เขียนบทให้หนังเรื่อง 'บันทึกน้ำตา 1 ลิตร' สำหรับหนังเรื่องนี้จะเล่าผ่านตัวละคร 'ริคุ' กับ 'อาโออิ' รวมทั้งหมู่เพื่อนที่ตั้งวงดนตรีด้วยกัน ทั้งสองคนรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก 'ริคุ' มีเครื่องย้อนเวลาเป็นแผ่นเสียง ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนวันหนึ่งเมื่อ 'ริคุ' พบว่า 'อาโออิ' จะต้องตาย เขาจึงพยายามที่จะย้อนเวลากลับไปช่วยชีวิตเธอ แน่นอนว่าตัวพล็อตเรื่องอาจไม่ได้พิเศษมากเกินไปกว่าหนังรักย้อนเวลาทั่วๆไป แต่เพราะตัวหนังมีบรรยากาศหรือโลเคชั่นตอบสนองอารมณ์ของเหตุการณ์ในเรื่องผนวกกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ เพลงประกอบที่เข้ากับเนื้อเรื่องทำให้ระหว่างทางของเรื่องนั้นดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลอยู่พอตัว แม้จะมีวิธีเล่าเรื่องก่อนถึงจุดพลิกผันไม่ค่อยน่าสนใจนัก รวมถึงการตัดสลับเข้าเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่ค่อยจะพอเหมาะพอดีสอดประสานกันอย่างลงตัวในช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่อง แต่ช่วงท้ายเรื่องถือว่าสามารถเรียกอารมณ์ร่วมจนอาจเสียน้ำตาได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยบรรยากาศและเพลงประกอบรวมถึงคู่พระนางที่น่ารักนั้นสามารชดเชยข้อเสียลงไปได้บ้างจนทำให้รู้สึกเพลินๆได้ตลอดทั้งเรื่อง
ประเด็นความรักของการย้อนเวลาที่หนังหยิบมานำเสนอนั้นอาจจะดูเป็นรักในแบบฉบับวัยรุ่นจนทำให้ตัวหนังออกแนว 'Coming of Age' อยู่พอสมควร เพราะเราสามารถมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่คู่พระนางแต่รวมถึงตัวประกอบรอบข้างที่เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน การเรียนรู้สิ่งต่างๆในเรื่องของความรักและการพลัดพรากที่ไม่อาจแก้ไขได้ ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งสองตัวได้อย่างละมุมลุ่มลึกในมิติของความรักระหว่างคนสองคน โดยรวมแล้วจึงเป็นเส้นทางของการย้อนเวลาที่เปรียบเสมือนเส้นทางของการเรียนรู้ ไม่แต่เพียงทำให้ตัวละครได้เรียนรู้เพียงเท่านั้น ตัวเราเองยังได้เรียนรู้ถึงช่วงเวลาที่มีค่าในทุกขณะ นั่นคือเวลาในช่วง ‘ปัจจุบัน’ และต่อให้เราจะโกงเวลาย้อนอดีตไปหาคนรักอีกกี่ครั้ง มันก็คงเป็นเพียงช่วงเวลาปลอมๆที่เรายังคงยึดติดอยู่กับมัน การเลือกที่จะเดินต่อไปหรือใช้เวลาปัจจุบันให้คุ้มค่าน่าจะเป็นสิ่งที่คนสองคนพึ่งกระทำต่อกันให้ดีที่สุด และถึงคนรักจะต้องจากเราไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การเหนี่ยวรั้งคนที่เรารักให้อยู่กับเราเสมอมันจะใช่ความรักที่แท้จริงหรือเป็นเพียงแค่การเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายกันแน่ ฉะนั้นแล้วมันคงไม่มีความหมายอะไรทางเราจะยื้อคนๆหนึ่งไว้ในอดีตโดยไม่สนใจช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน นั้นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้
ประเด็นความรักของการย้อนเวลาที่หนังหยิบมานำเสนอนั้นอาจจะดูเป็นรักในแบบฉบับวัยรุ่นจนทำให้ตัวหนังออกแนว 'Coming of Age' อยู่พอสมควร เพราะเราสามารถมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่คู่พระนางแต่รวมถึงตัวประกอบรอบข้างที่เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน การเรียนรู้สิ่งต่างๆในเรื่องของความรักและการพลัดพรากที่ไม่อาจแก้ไขได้ ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งสองตัวได้อย่างละมุมลุ่มลึกในมิติของความรักระหว่างคนสองคน โดยรวมแล้วจึงเป็นเส้นทางของการย้อนเวลาที่เปรียบเสมือนเส้นทางของการเรียนรู้ ไม่แต่เพียงทำให้ตัวละครได้เรียนรู้เพียงเท่านั้น ตัวเราเองยังได้เรียนรู้ถึงช่วงเวลาที่มีค่าในทุกขณะ นั่นคือเวลาในช่วง ‘ปัจจุบัน’ และต่อให้เราจะโกงเวลาย้อนอดีตไปหาคนรักอีกกี่ครั้ง มันก็คงเป็นเพียงช่วงเวลาปลอมๆที่เรายังคงยึดติดอยู่กับมัน การเลือกที่จะเดินต่อไปหรือใช้เวลาปัจจุบันให้คุ้มค่าน่าจะเป็นสิ่งที่คนสองคนพึ่งกระทำต่อกันให้ดีที่สุด และถึงคนรักจะต้องจากเราไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การเหนี่ยวรั้งคนที่เรารักให้อยู่กับเราเสมอมันจะใช่ความรักที่แท้จริงหรือเป็นเพียงแค่การเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายกันแน่ ฉะนั้นแล้วมันคงไม่มีความหมายอะไรทางเราจะยื้อคนๆหนึ่งไว้ในอดีตโดยไม่สนใจช่วงเวลา ณ ปัจจุบัน นั้นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/